Chapter 1 บทนำ
ลือวิเศษกุลฟู้ด…
บรรยากาศภายในห้องทำงานของซีอีโอนั้นเงียบลงไปเมื่อการประชุมจบลง ตรงโต๊ะประชุมที่มีเฉพาะระดับผู้บริหารนั่งล้อมรอบ พัทธดนย์ปรายตามองหน้าทีละคนเพื่อรอฟังว่าจะมีใครโต้แย้งอะไรออกมาอีก
พัทธดนย์มองไปยังปฏิพัทธ์ ชายหนุ่มผู้ที่เกือบจะได้ขึ้นมานั่งตำแหน่งที่เขาครอบครองในปัจจุบัน อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนส่ายหัวเล็กน้อย และทุกคนในห้องนี้ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจึงคิดว่าควรปิดประชุมอันแสนเคร่งเครียดได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอปิดประชุมแต่เพียงเท่านี้”
ปฎิพัทธ์ลุกขึ้นก่อนใคร จากนั้นคนที่เหลือก็ลุกตามแล้วทยอยเดินออกไปจากห้อง คงเหลือแต่เปมนีย์ที่ยังคงนั่งเฉย ดูเหมือนหล่อนจะไม่สนใจความเป็นไปรอบกายเลยด้วยซ้ำ เมื่อตาเอาแต่สนใจคลิปในไอแพด มันถูกส่งมาจากเชียงใหม่จนรู้สึกคิดถึงพี่ชาย หล่อนเหม่อจนพัทธดนย์ต้องเอาปากกาเคาะกับโต๊ะเพื่อให้หล่อนเงยหน้าขึ้นมามอง
ยัง ยัง หล่อนยังจะไม่รู้ตัว เขาเคาะถี่ขึ้นก็แล้ว หากแต่หล่อนยังคงเฉย แววตาเข้มหรี่มองกรอบหน้ารูปไข่ที่มีแว่นสายตาสวมทับ นาน ๆ ทีจะเห็นหล่อนใส่แว่น มันดูขัด ๆ กับบุคลิกของหล่อนอย่างสิ้นเชิง
“อะแฮ่ม!”
“อุ๊ย!”
เสียงกระแอมดัง ๆ ดึงเปมนีย์ขึ้นมาจากห้วงภวังค์ ก่อนจะมองไปยังคนที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ร่างสูงเดินอ้อมโต๊ะมาทางที่หล่อนนั่ง หญิงสาวรีบปิดไอแพดหนีราวเด็กกำลังแอบทำความผิดแล้วกลัวถูกจับได้
พัทธดนย์เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง เขาโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วเอามือยันไว้กับโต๊ะ กักอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง จนเปมนีย์ต้องทำตัวหดลีบเล็กจิ๋ว รู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายจากซาตานร้ายที่สยายปีกห่มคลุมร่างตนเอาไว้ จะลุกหนีก็ลำบาก เพราะเขายืนบังเก้าอี้ที่หล่อนนั่งจนขยับไปไหนไม่ได้
“เธอแอบดูซีรีส์เวลาประชุมงั้นเหรอ”
“ปะ เปล่านะคะ ลูกปลาคุยกับลูกค้าอยู่”
หล่อนเงยหน้าขึ้นไปสบตากับแววตาเข้มที่มองมาอย่างจับผิด จนได้กลิ่นหอมเย็นสดชื่นที่ลอยระรินอยู่เหนือใบหน้า เผลอสูดดมกลิ่นกายของเขาเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ ให้ตายสิ หล่อนไม่ชอบแววตาเข้มที่มองมาแบบนั้น ทำเป็นอ่อยหวังว่าหล่อนจะตกลงไปในหลุมพราง ไม่มีทางเสียหรอก หญิงสาวคิดอย่างมั่นใจ
“เธอชอบดูแนวไหนกันล่ะ เผื่อเราจะชอบเหมือน ๆ กัน”
“คงไม่เหมือนกันหรอกค่ะ เพราะที่พี่แสนชอบดูคงไม่ใช่หนังรักธรรมดาแน่ ๆ”
“ไม่ ๆ พี่ชอบหนังรัก โดยเฉพาะหนังสงคราม…สงครามรักน่ะ สู้กันดุเดือดเลือดพล่านจนตายกันไปข้าง ร้องลั่นเพราะโดนฆ่า หนังแบบนี้แหละโคตรมันส์ เธอควรสรรหาดูเพื่อผ่อนคลายความเครียด”
“หึ เก็บไว้ดูคนเดียวเถอะค่ะ”
หล่อนถลึงตามอง เพราะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ความหื่นของเขามันปกปิดไว้ไม่มิด มักจะแสดงออกทางสายตาให้หล่อนเห็นเวลาอยู่เพียงลำพังสองคน หากแต่ต่อหน้าคนอื่นหรือบิดาของหล่อน เขาดูเป็นคนดีน่าเชื่อถือขึ้นมาทันทีทันใด
ไม่มีใครรู้หรอกว่า วัน ๆ หล่อนต้องเผชิญกับอะไรบ้าง โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายตรงหน้า แล้วนี่ก็เป็นอีกวันที่ต้องรับมือกับผู้ชายที่บิดาเอ็นดูจนอยากได้ไปเป็นลูกเขย ไม่ถามหล่อนบ้างเลยว่าอยากได้สามีแปลกประหลาดแบบนี้หรือไม่
“ไปดูเน็ตฟลิ๊กซ์บ้านพี่ไหม บ้านพี่มีโรงหนังส่วนตัวด้วยนะ”
“ไม่!”
“แต่บ้านพี่มีแมวให้เล่นนะ”
“พี่แสน! ยังจะมัวล้อเล่น นี่มันเวลางานนะคะ”
หล่อนตัดบท พยายามดึงแขนเขาออกไปให้พ้นทาง หากแต่มันไม่ง่าย เพราะแรงช้างม้านั้นยังคงกักหล่อนเอาไว้ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ
“ปล่อยค่ะ ลูกปลาจะกลับห้องแล้ว มีงานต้องทำอีกมาก”
“ก็กลับไปสิครับ พี่ผูกขาเธอไว้เหรอ”
เขาหัวเราะเบา ๆ ราวได้ฟังเรื่องตลก ในขณะที่เปมนีย์พยายามแกะสองมือแกร่งนั้นออกจากโต๊ะ หากแต่ก็เหนียวเหมือนตุ๊กแก จนหล่อนอ่อนใจพ่นลมออกจากปาก เมื่อไม่มีทางเลือกจึงไถลตัวลงจากเก้าอี้แล้วมุดไปใต้โต๊ะ คลานข้ามไปอีกฝั่ง แล้วโผล่หน้าขึ้นมา ยิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะเมื่อหลุดพ้นมาจากพันธนาการนั้นได้
“อยากจะยืนอยู่อย่างนั้นก็ช่าง ลูกปลาไปล่ะ”
ในขณะที่พัทธดนย์ยืนมองด้วยความอึ้งตะลึง เมื่อไม่คิดว่าหล่อนจะทำแบบนั้น เขามองคนที่ขยับจับกระโปรงที่ร่นขึ้นสูงให้กลับลงไปคลุมขาอ่อนเอาไว้ ก่อนที่หล่อนจะเดินสับขาอ้อมโต๊ะเข้ามาคว้าไอแพดของตนไปกอดเอาไว้ คลี่ยิ้มยั่วมาให้เพื่อตอกย้ำว่าในที่สุดเขาก็ทำอะไรหล่อนไม่ได้
หล่อนขยับแว่นให้เข้าที่ ทำท่าจะเดินหนีออกไป หากแต่ลึก ๆ ก็เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจ หล่อนยืนนิ่ง มองไปรอบ ๆ ห้องแล้วถอนหายใจออกมา
“คิดถึงพี่ติณห์นะคะ…ห้องนี้…เคยเป็นของเขา…”
เหมือนเข็มนับพันทิ่มแทงใจคนฟัง พัทธดนย์ถอนหายใจแรง มองหน้าคนที่หันกลับมาเผชิญหน้า แววตาสองคู่สบประสานคล้ายเข้าใจในความรู้สึกของกันและกัน
“เธอก็รู้…เขาไม่กลับมา…ต่อให้พี่จะพูดกี่ครั้งว่ายอมขายหุ้นคืนให้ แต่เขาไม่มาเดินในเส้นทางนี้อีกแล้ว”
เปมนีย์กลืนก้อนบางอย่างที่แล่นมาจุกอก เงยหน้าขึ้นแล้วกระพริบตาถี่ ๆ หล่อนไม่อยากร้องไห้อวดสายตาคนตรงหน้า เพราะทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้ หล่อนคอยแต่จะคิดถึงพี่ชาย แต่ความจริงแล้วเขากำลังมีความสุขกับชีวิตใหม่ เมื่อมีเวลาก็มักจะบินไปหากันอยู่เป็นประจำ
“ฝากด้วยนะคะ อนาคตบริษัทอยู่ในมือพี่แสน อย่าทำให้คุณพ่อต้องผิดหวังนะคะ”
“จริง ๆ มันควรเป็นของเธอลูกปลา พี่เคยคุยเรื่องนี้กับคุณอาไปแล้ว”
“ลูกปลายังไม่พร้อมค่ะ และไม่คิดว่าตัวเองจะสู้รบปรบมือกับใครไหว คงต้องให้พี่แสนช่วยเพราะคนที่นี่น่ากลัวเหลือเกิน ลูกปลารู้ ทุกวันนี้มีแต่คนคอยแต่จะเลื่อยขาเก้าอี้ของพี่ อย่าทำพลาดเหมือนพี่ติณห์นะคะ ไม่งั้นพี่จะจมดินทันที”
หล่อนคลี่ยิ้มมาให้ก่อนจะเดินยักย้ายส่ายสะโพกออกไปจากห้อง ท่ามกลางแววตาเข้มที่มองตามจนกระทั่งประตูห้องทำงานปิดสนิท ชายหนุ่มเดินไปหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน เอนหลังพิงแล้วหมุนคลึงปลายนิ้วเข้ากับขมับราวความเครียดกำลังถาโถมเข้ามา ใช่แล้ว เขาเครียดเพราะต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด จากพวกเขี้ยวลากดินที่เดินกันเกลื่อนบริษัท
หนึ่งในนั้นก็คือปฏิพัทธ์ คนที่ชวดตำแหน่งซีอีโอเพียงเพราะการเข้ามาของเขา…
++++++
บนถนนที่มืดมิดเพราะเป็นคืนจันทร์อับแสง ตลอดสองฟากข้างคือผืนป่ารกทึบที่ทอดยาวไปตามแนวโค้งของถนนที่หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ เสียงฝีเท้าดังเร็ว ๆ มาตามทางที่ไร้ซึ่งแสงไฟสาดส่อง หล่อนหันซ้ายหันขวาพลางหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ และแสงไฟจากหน้ารถที่แลเห็นอยู่ไกล ๆ ก็ทำให้ต้องเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น หากแต่ตอนนี้หล่อนไม่ไหวแล้ว ร่างกายหมดแรงที่จะวิ่งต่อไป ขาแข็งก้าวไม่ออกจนต้องหยุดอยู่กับที่ มันสั่นพรึ่บพรั่บจนแทบทรงตัวไม่ได้
หล่อนเหลียวไปมองหลังอีกครั้ง แววตาคู่สวยตื่นตระหนกเบิกกว้างเมื่อไฟหน้ารถใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีทางเลือกจึงสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะกระโดดหายเข้าไปในป่ารกทึบข้างทาง และเพราะความมืดที่ทำให้มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนไม่รู้เลยว่าที่กระโดดหลบเข้ามานั้นมันคือทางลาดชัน ร่างเล็กเสียหลักล้มลงแล้วกลิ้งหลุน ๆ ไปตามความลาดเอียงที่ไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน
“กรี๊ดดด!”
หล่อนกรีดร้องเพราะความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างจนเจ็บจุก แสบไปทั้งแขนและขาจากการถูกขีดข่วนตอนกลิ้งตกลงมา ท่ามกลางความมืดมิด หล่อนนอนนิ่งลืมตาโพลงมองท้องฟ้าที่ถูกขวางกั้นด้วยเรือนยอดไม้ดำทะมึน น้ำตาไหลรินเมื่อไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นนั่ง จำต้องนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นอย่างคนน้อมรับความตายที่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ ได้แต่ภาวนา หากยังไม่ถึงที่ตายก็ขอให้ใครสักคนผ่านมาเจอก่อนที่หล่อนจะสิ้นลมหายใจอย่างเดียวดายในป่าแห่งนี้