Chapter 6
ขอพี่อีกครั้ง
กลางพงพนาอันน่าครั่นคร้าม เมื่อความมืดโรยตัวมาห่มคลุมผืนป่า ความเงียบงันก็ฉายแสง มีเพียงเสียงสายน้ำไหลเซาะโขดหิน ราวนักดนตรีกลางคืนกำลังวาดลีลากล่อมนักท่องราตรีให้เพลิดเพลินไปกับเสียงอันรื่นหู...ตรงที่นั่งเล่นริมลำธาร ใครบางคนกำลังนั่งล้อมวงสนทนากันอย่างออกรส กลางวงคืออาหารและเครื่องดื่มสำหรับราตรีนี้ที่ยังอีกยาวไกล
"พลอยบอกกูแบบนั้นว่ะ"
เสียงดังมาจากแดนดิน จนพัทธดนย์และนาวินมองหน้ากัน
"มึงก็เลยไม่แจ้งตำรวจ"
"เออ เพราะเธอขอไว้"
"ไอ้ช้าง ไอ้บ้า นายนี่ขยันหาเหาใส่หัวตัวเองจริง ๆ ถ้านายโดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวขึ้นมาล่ะจะทำยังไง"
พัทธดนย์อดห่วงไม่ได้ เพียงเพราะเหตุผลว่าพลอยไพลินกลัวไม่ปลอดภัย เพราะหล่อนถูกตามล่าจากคนกลุ่มหนึ่ง แดนดินจึงให้ที่พักพิงแก่หล่อนเพื่อใช้ซ่อนตัว
"ว่าแต่ เธอจะใช่น้องสาวคุณใหม่หรือเปล่านะ"
นาวินเอ่ยขึ้น แต่ใจเขาเอนเอียงไปทางใช่มากกว่า และพัทธดนย์ก็ช่วยสนับสนุนความคิด
"ที่นายบอกว่าพ่อแม่เธอก็หายไปยังไม่รู้ชะตากรรม มันตรงกับข้อมูลของคุณใหม่พอดี ฉันว่านะ นายขังน้องคุณใหม่ไว้จริง ๆ แล้วว่ะไอ้ช้าง"
"ถ้าใช่ พวกนายไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอวะ คิดสิ ทำไมพลอยถึงไม่อยากกลับบ้าน"
"นายกำลังจะบอกว่าบ้านไม่ใช่เซฟโซนงั้นเหรอ"
"ใช่ บางทีเรื่องนี้คนใกล้ตัวน่ะอาจไว้ใจไม่ได้"
"ไอ้ช้าง นายกำลังใส่ร้ายพี่น้องเขานะเว้ย"
แดนดินมองหน้าพัทธดนย์กับนาวินสลับกันไปมา
"ไม่ได้ใส่ร้าย แต่มันน่าแปลกที่พลอยถูกตามเก็บตอนกลับมาจากต่างประเทศพอดี"
พัทธดนย์มองหน้านาวิน
"เอาไงดีวะไอ้วิน สรุปเราจะร่วมขบวนไปกับไอ้ช้าง
หรือบอกคุณใหม่ว่าเจอผู้หญิงต้องสงสัยว่าจะเป็นน้องสาวของเธอแล้ว"
นาวินยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ก่อนถอนหายใจ
"ถ้ามันถึงขั้นเอากันถึงตาย ฉันว่านะ...ปิดเป็นความลับไปก่อนดีกว่า"
พัทธดนย์มีท่าทีครุ่นคิด ในขณะที่กำลังชั่งใจ แดนดินก็เอ่ยแทรก
"พูดก็พูดเถอะ มันธุระอะไรของนาย ที่ต้องตามหาคนหายให้เพื่อนร่วมงานน่ะฮึ มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันจริงใช่มั้ย"
คนฟังแทบบ้วนน้ำกลับแก้ว เมื่อถูกถามแบบจับผิด
"ไม่มีอะไรจริง ๆ ฉันแค่เห็นนายซ่อนผู้หญิงไว้ เลยลองมาดูเผื่อจะใช่น้องสาวคุณใหม่ แต่ฉันเปลี่ยนใจล่ะ เอาเป็นว่า ฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่พลอยอยู่ที่นี่"
"ดีแล้ว เรามาช่วยกันสืบดีกว่าว่ากลุ่มคนที่ตามเอาชีวิตพลอยและพ่อแม่ของเธอเป็นใคร"
"อืม..."
ทั้งสามนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเวลาล่วงผ่านไปเกินครึ่งคืน เมื่อความเย็นทาบทาไปทั่วร่าง จึงต่างแยกย้ายกัน
ไปนอนยังที่เจ้าบ้านได้จัดเตรียมเอาไว้ให้
ในห้องนอนที่ปิดไฟจนมืดทึบแทบมองอะไรไม่เห็น เปมนีย์ต้องสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เย็นเยียบแตะเข้าที่เอวคอดกิ่ว มันมาพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยระเรี่ยอยู่ใกล้ใบหน้า
มีคนเดียวที่จะทำแบบนี้ได้ หล่อนเอี้ยวหน้าไปกระซิบกระซาบ
"พี่แสน! ทำไมไม่นอนกับพี่วิน เดี๋ยวก็ความแตกกันพอดี"
"หืมมมม...ที่นี่ที่หนายเหรอ"
พัทธดนย์แสร้งทำเป็นเมามายไม่ได้สติ เขาทิ้งร่างหนัก ๆ ลงนอนบนเตียง แขนก็รั้งร่างนุ่ม ๆ ที่นอนตะแคงหันหลังให้ขยับมาแนบชิดอกแกร่ง
"พี่แสน ออกไปเลย"
เปมนีย์พยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากตัว แต่เขายิ่งรัดแน่นราวงูรัดเหยื่อ หล่อนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นซ่านที่เป่ารดต้นคอ แม้จะพยายามดิ้นหนี แต่เขาก็ไม่หืออือด้วยเลยสักนิด
"พี่แสน อย่าลืมสิคะ ยังไม่มีใครรู้เรื่องเราสองคนนะ พี่จะทำเรี่ยราดแบบนี้ไม่ได้"
"จะยากอะไร ก็ทำให้รู้ไปเลยสิ จะปิดทำไม โต ๆ กันแล้ว"
เสียงนั้นดังอู้อี้อยู่ข้างซอกคอคนที่นอนเกร็งอยู่ในอ้อมกอดอุ่น เปมนีย์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ซุกกายอยู่ใต้ปีกอันอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศเหน็บหนาวที่ทาบทาไปทั่วร่าง...แต่มันติดที่ว่าเรื่องสัมพันธ์รักลึกซึ้งระหว่างเธอกับเขานั้นยังไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งพี่ชายของเธอ
"หนาวจังว่ามั้ย"
เสียงกระซิบมาพร้อมมือไม้ที่เริ่มไต่ไปทั่ว
"อือฮึ หนะ หนาว"
"หาอะไรทำแก้หนาวกันดีกว่ามั้ย โอกาสเป็นของเราแล้ว"
"ของพี่คนเดียวเถอะค่ะ อย่ามามั่วนิ่มนะ!"
"แล้วเธอคิดว่าจะรอดไปได้หรือเปล่า...หืม..."
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ เปมนีย์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ หล่อนยังกล้า ๆ กลัว ๆ กับสัมพันธ์รักลึกซึ้งที่จะเกิดขึ้นอีกและดูท่าว่าเขาจะหน้าด้านจับหล่อนกดเพื่อเล่นกิจกรรมบนเตียงในคืนนี้อย่างแน่นอน
"พะ พี่แสนจะทำอะไรคะ!"
"ไม่ต้องกลัวนะที่รัก พี่จะทำเบา ๆ เธอก็อย่าร้องดังไป ไอ้ช้างไอ้วินเมาคอพับ มันไม่ได้ยินเสียงเราสองคนหรอก"
"ดะ เดี๋ยวค่ะ! พี่แสนพูดเองเออเองทั้งนั้น ลูกปลายังไม่ตกลงเลยนะ"
หล่อนดิ้นขลุกขลัก เมื่อเขาจับร่างของตนนอนหงาย แล้วขยับร่างหนักมาคร่อมทาบทับเอาไว้ จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าเมาจริงหรือเมาดิบ เพราะแรงคนเมานั้นเยอะเหลือเกิน
เปมนีย์ส่ายหน้าหนีเมื่อคนบนร่างซุกหน้าเข้าหาซอกคออุ่น ไรหนวดครูดถูไถไปตามผิวเนื้อนุ่มจนขนอ่อนบนกายสาวพร้อมใจกันลุกเกรียวเพราะความเสียวสะท้าน คราวนี้หล่อนไม่ได้เมาจึงสัมผัสได้ทุกความรู้สึกที่ทาบทาไปทั่วร่าง...อา...ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการขัดขืนแบบพองาม มันดีเหลือเกินกับสัมผัสแบบคู่รักที่มาจากกายแกร่งรุ่มร้อน ใจที่เอนเอียงเริ่มหลอมละลาย นอนนิ่งทอดร่างให้เขาได้เชยชม เขาเหมือนปีศาจที่กำลังดูดวิญญาณของหล่อนออกจากร่าง
ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนจนต้องยอมจำนน
สัมผัสจากริมฝีปากร้อนเหมือนพิษร้ายที่ซึมซาบไป ทุกอนูเนื้อ กายเปลือยเปล่านอนบิดไปมายามเขาย้ายปากจูบซับไปทั่วกายสาวที่อุ่นซ่านเพราะเลือดในกายที่พลุ่งพล่าน ใบหน้าสวยแหงนเงยหลับตาพริ้มเคลิ้มฝัน หากแต่ก็รับรู้ได้ว่าใบหน้าหล่อเหลากำลังเคลื่อนลงต่ำสู่กลางกาย หล่อนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดเข้าหากลีบสวาทที่ปลายนิ้วแกร่งกรีดลากผ่านอย่างนิ่มนวลเพื่อสำรวจให้ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น
"อะ...อื๊อ..."
เสียงเล็ดลอดดังแผ่ว ขณะที่แววตาเข้มจ้องมองกลีบเนื้ออวบอูมที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขาใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างแยกกลีบสวาทออกจากกัน ก่อนก้มหน้าลงต่ำซุกเข้าหาความหอมหวานที่แทรกซึมอยู่ใต้กลีบดอกไม้แสนบอบบาง
"อะ...อูยยย...พี่แสน...ซี๊ดดดด"
หล่อนส่ายสะโพกไปตามจังหวะลิ้นร้อนที่ลากขึ้นลงอยู่ตรงรอยแยกชุ่มฉ่ำ บางคราเขาก็สอดลิ้นรุกล้ำเข้าร่อง หลืบแล้วควานลิ้นไปมาอย่างชาญเชี่ยว มันทำให้หล่อนเสียวสะท้านจนอารมณ์กระเจิดกระเจิง สองมือยื่นไปกดหัวเขาเอาไว้พร้อมกับร่อนเอวเข้าหาลิ้นหฤหรรษ์ที่ทำให้หล่อนมีความสุขจนลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง เสียงครางดังต่อเนื่องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ห่มคลุมด้วยไอเย็น หล่อนเสพความสุขจากลิ้นและนิ้วชาญเชี่ยวที่สอดลึก จนไม่อาจควบคุมสิ่งใดได้อีก
"อูยยยย...พี่แสน...อย่าหยุด! อย่า...อื๊อ...จะ...จะถึงแล้ว!"
หล่อนละล่ำละลักหน้าแดงซ่าน กดหัวเขาพร้อมกับส่ายเอวระรัว ชายหนุ่มกดลิ้นหน่วงหนักลากขึ้นลงสลับกับวนไปมาอย่างเป็นจังหวะเพื่อช่วยส่งหล่อนไปสู่สวรรค์ที่มองเห็นอยู่รำไร
"อ๊า!"
หล่อนร้องออกมาอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว กายสาวกระตุกและเกร็งสั่นเมื่อทุกอย่างแตกซ่านคาลิ้นคาปากที่ยังคงตวัดระรัวเพื่อลองลิ้มรสชาติจากกายสาวที่ไหลหลั่งออกมาอย่างท่วมท้น หญิงสาวส่ายสะโพกหนีเมื่อรู้สึกเสียวซ่านจนแข้งขาอ่อนแรง หากแต่ก็ถูกสองมือใหญ่ตะปบและกดตรึงเอาไว้ ราวต้องการแกล้งให้หล่อนขาดใจตายเสียตรงนี้
"พี่แสน...อะ...อูย...มันเสียว"
หล่อนผงกหัวขึ้นมอง แวบหนึ่งเขาเหลือบมองสบตาแล้วกระตุกยิ้มที่ยากจะคาดเดา สักพักคนตัวโตก็ยันกายลุกนั่งแล้วจัดการกับเสื้อผ้าตัวเอง ท่ามกลางสายตาจากเจ้าของร่างที่นอนหายใจรวยริน
ท่ามกลางความสลัวแววตาซุกซนมองมือใหญ่ที่กำอยู่รอบท่อนเนื้อแข็งขึง เขาขยับมือขึ้นลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับสูดปากด้วยความกระสัน มันทำหล่อนอายจนต้องหลับตาหนี ไม่กล้าที่จะจ้องตาที่กรุ่นกระแสปรารถนาคู่นั้น
ต้องสะดุ้งเบา ๆ เมื่อความแข็งขึงถูขึ้นลงตรงรอยแยกที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักก่อนหน้านั้น เขาจับสองขาเรียวพาดไว้บนท่อนแขนพร้อมกับออกแรงสอดลึกรุกล้ำเข้าสู่โพรงสวาทนุ่มหยุ่น...อา...หล่อนรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดเมื่อตัวตนของเขาแทรกเข้ามาจนแนบแน่นเชื่อมประสานเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก แต่มันวิเศษสุดยอดไปเลย
สองแขนเรียวตวัดกอดเกี่ยวแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาโถมกายลงมาพร้อมกับสะโพกแกร่งที่ขยับอย่างหน่วงหนักราวรถบดที่ต้องการบดขยี้ทุกอย่างจนแหลกเป็นจุล ความหฤหรรษ์ทำให้หล่อนแอ่นสะโพกขึ้นสู้กับจังหวะกระแทกกระทั้นอย่างถึงพริกถึงขิง เหมือนเขาจะชอบไม่น้อยที่หล่อนไม่นอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ เสียงครางกระเส่าลอดผ่านริมฝีปากได้รูปอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมลมหายใจฟืดฟาดร้อนรุ่ม แววตาของเขาลุกโชนราวไฟแผดเผา สองกายเปลือยเปล่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงกว้างจนแผ่นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามแรง ทว่าสองหนุ่มสาวหาได้ใส่ใจ สงครามรักยังคงดำเนินไปอย่างเมามัน
ร่างหนักฟุบลงเข้าหาร่างนุ่มเมื่อสายความรักแตกซ่านพร้อมกัน เปมนีย์ยังคงกอดก่ายคนตัวโตเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่เต็มอิ่ม ความหวงแหนก่อตัวขึ้นในหัวใจสีชมพู ส่วนลึกร้องบอก หล่อนและเขาต่างเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร หล่อนก็ต้องก้าวเดินต่อไปอย่างกล้าหาญ และหวังอยู่ลึก ๆ ว่า จะมีผู้ชายที่ชื่อพัทธดนย์เดินไปด้วยกันโดยไม่ทอดทิ้งหล่อนไว้กลางทาง
เมื่อความมืดถูกแทนที่ด้วยแสงแดดอุ่น เสียงนกก็เริ่มขับขานถ้อยคำรักดังหวานแว่ว...ในห้องนอนที่ความเย็นลอยห่มคลุม คนบนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ
เปมนีย์ขยับกายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอึดอัดจากอ้อมกอดของใครสักคน หล่อนเอี้ยวหน้ามองคนที่กำลังหลับสนิท เขากอดเธอไว้ราวกลัวจะหนีหาย เนื้อแนบเนื้อบอกให้รู้ว่าทั้งเขาและเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
พวงแก้มสาวแดงซ่านเมื่อความทรงจำแสนหวานผุดขึ้นมา รอยยิ้มจาง ๆ ระบายเปื้อนหน้าที่ร้อนผ่าว หล่อนจะต้องรีบลุกไปใส่เสื้อผ้าก่อนเขาจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องอับอายมากไปกว่านี้ คิดพลางค่อย ๆ จับท่อนแขนหนัก ๆ ยกขึ้น
"อือออออ...เมียจ๋า..."
เสียงครางในลำคอทำให้เปมนีย์ชะงักในสิ่งที่กำลังทำ หล่อนนิ่งกลั้นหายใจมองใบหน้าคมคร้ามอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
หญิงสาวลองอีกครั้ง คราวนี้คนตัวโตงัวเงียลืมตาตื่น
พร้อมกระชับวงแขนแน่นมากขึ้น
"ยังเช้าอยู่เลย จะรีบลุกไปไหน"
"อ่า...เอ่อ...ลูกปลา...ลูกปลาจะไปใส่เสื้อผ้าค่ะ"
เขายกผ้าห่มขึ้น แววตาเข้มไล่มองไปทั่วร่างเปลือย
เปล่า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดพราว
"พี่ไม่ให้ใส่ มีอะไรไหม"
"เดี๋ยวมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามานะคะ ถ้าเขามาเคาะเรียกจะทำยังไง"
"ถ้าไอ้ช้าง ไอ้วินมันจะเสียมารยาทขนาดนั้นก็ช่างหัวมันดิ แต่...ถ้าให้เดานะ ป่านนี้ยังไม่มีใครโงหัวขึ้นมาหรอก เมาเหมือนหมาขนาดนั้น"
ชายหนุ่มหัวเราะตบท้าย ก่อนจะออกแรงกดให้อีกฝ่ายนอนลงตามเดิม
"ปล่อยลูกปลาไปค่ะ ลูกปลาจะได้ไปเตรียมข้าวเช้าให้พวกพี่ไงคะ"
คราวนี้เขาหัวเราะขบขันราวได้ฟังเรื่องตลก
"อย่าเลยลูกปลา สงสารไอ้ช้างหากต้องเทกับข้าวทิ้งน่ะ"
"พี่แสน!"
"โอ๊ยยย...อูย"
"นี่แน่ะ ว่าลูกปลาทำกับข้าวกินไม่ได้งั้นเหรอ"
ชายหนุ่มชักแขนหนีเมื่อถูกหยิก ตามมาด้วยหมอนที่ฟาดมาตามเนื้อตัวอย่างไม่ยั้ง เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังแว่วอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ด้านนอกโอบล้อมไปด้วยปืนป่าร่มครึ้ม ซึ่งสายน้ำยังคงไหลผ่านลงสู่ที่ราบอย่างไม่มีวันเหือดแห้ง
กลิ่นหอมชวนให้หิวลอยมาตามลม พัทธดนย์เดินไปตามกลิ่นนั้น มันพาเขาไปจนพบกับหญิงสาวที่กำลังสาละวนอยู่หน้าเตา
พลอยไพลินหันมามองราวมีเซ้นส์ หล่อนคลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก พัทธดนย์ยิ้มตอบ
"ทำอะไรกินเหรอครับ หอมไปไกลถึงกรุงเทพฯเลย"
พลอยไพลินหน้าแดงและตอบว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ พลอยทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลากับทอดหมู เผื่อใครอยากกินข้าวต้มร้อน ๆ ค่ะ”
พัทธดนย์เดินเข้าไปเมียงมอง อีกฝ่ายกำลังตักผัดกะหล่ำปลีใส่จานพอดี และดูเหมือนงานในครัวจะเสร็จแล้ว เขาจึงถามเธอว่าอยากเดินเล่นไหม เธอก็ตอบตกลงที่จะไปเดินสูดอากาศยามเช้ากับเขา
ทั้งสองเดินและพูดคุยกันเป็นเวลานาน เป็นเรื่องถึงความหวังและความฝันของพวกเขาในอนาคต เสียงหัวเราะจากการแบ่งปันเรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็กดังเป็นระยะ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งคุยกันจริงจังก็วันนี้
แดนดินจับตามองอยู่ไม่ไกล สายตาที่พลอยไพลินมองเพื่อนของเขาทำให้เขาสังเกตเห็นว่าเธอดูเหมือนจะให้ความสนใจกับเพื่อนของเขามากกว่าเขา อีกทั้งรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่น ซึ่งทำให้ชายหนุ่มเริ่มคิดมาก ยอมรับว่าคิดไม่ซื่อกับหล่อนตั้งแต่แรกพบ กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเสน่ห์ร้ายเหลือของพัทธดนย์จะล่อหลอกให้พลอยไพลินหลงเข้าไปติดกับดักได้อย่างง่ายดาย