Chapter 4 เหตุเกิดจากความเมา (1)

4144 คำ
Chapter 4 เหตุเกิดจากความเมา (1) “คุณแสน…” เสียงนั้นลอยมาเพียงพัทธดนย์โผล่หน้าเข้าไปในโรงพัก กนกจันทร์ปราดเข้ามาหาร่างสูงที่ยืนงงแล้วสวมกอดพร้อมร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาของใคร การแสดงออกที่ทำให้เปมนีย์ถึงกับชะงัก หล่อนยืนมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ หึงหวงเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วจะหวงเขาไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน หล่อนคิดด้วยใจที่สับสน แวบหนึ่งที่กนกจันทร์เหลือบตาขึ้นมามองคนที่ พัทธดนย์ควงมาด้วย ก่อนที่หล่อนจะทำเมินแล้วบีบน้ำตาต่อราวกับเพิ่งผ่านเรื่องสะเทือนใจมา “ใหม่ ปล่อยผมก่อน” พัทธดนย์หันไปมองเปมนีย์ด้วยแววตาสื่อถึงความอึดอัด เขาพยายามแกะแขนที่กอดเกี่ยวจนแน่นออกจากร่าง เขาไม่อยากให้เปมนีย์เข้าใจผิดคิดว่าเขาแอบกินลูกน้องตัวเอง “เกิดอะไรขึ้นเหรอใหม่ คุณมาโรงพักทำไม” แม้กนกจันทร์จะคลายอ้อมกอดออกแล้ว หากแต่หล่อนก็ยังยืนเสียใกล้ชิด ไม่ยอมขยับออกห่าง “คุณพ่อ…คุณแม่…แล้วก็…ยายพลอย…ทั้งสามคนขาดการติดต่อไปเลยค่ะ” หล่อนบอกเล่าด้วยเสียงเจือสะอื้น แผงคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อคนสุดท้ายที่หล่อนเอ่ยเขาไม่รู้จัก “พลอย..คือใครเหรอใหม่” กนกจันทร์ปาดน้ำตาด้วยหลังมือ หล่อนพยายามข่มเสียงไม่ให้สะอื้น “พลอยเป็นน้องสาวใหม่ค่ะ คุณคงไม่รู้จักเพราะเธอไปเรียนอยู่ต่างประเทศ” พัทธดนย์พยักหน้าไปอย่างนั้น เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ากนกจันทร์มีน้องสาว และไม่เคยมีใครพูดถึง ราวกับว่าคนชื่อพลอยที่หล่อนเอ่ยถึงไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ “ขอโทษนะคะที่รบกวนคุณ ใหม่แค่ตกใจ และเสียใจ เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็เลยให้ตำรวจโทร.หาคุณ” “แล้ว…ตำรวจจะสอบปากคำผมหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ เพราะคุณไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย” ‘แล้วเรียกเขามาเพื่อแค่ให้มาปลอบใจน่ะเหรอ’ เปมนีย์คิดในใจ หล่อนยืนฟังมาตลอด ดูก็รู้ว่ากนกจันทร์คิดเช่นไรกับท่านประธาน หล่อนอ่านแววตานั้นออกว่าไม่ค่อยพอใจที่หล่อนมาด้วย จึงตัดบทด้วยการเดินเข้าไปแบมือตรงหน้าพัทธดนย์ “อะไรเหรอ” “กุญแจรถค่ะ ลูกปลาจะไปรอในรถ พี่แสนก็อยู่ช่วยจัดการธุระของพี่ใหม่ให้เสร็จเรียบร้อย พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องคุยกับลูกค้า เชิญตามสบายนะคะ” พัทธดนย์ทำท่าอิดออด แววตาเข้มเขม่นมองใบหน้าสวยที่ซ่อนความหึงหวงเอาไว้ สบตากับหล่อนให้รู้ว่าอย่าทิ้งเขาไว้แบบนี้ หากแต่หล่อนยังคงแบมือรอ พร้อมส่งสายตาจังจริง จนพัทธดนย์จำใจต้องส่งกุญแจรถให้ หล่อนรับไว้แล้วเดินหนีไปข้างนอก ท่าทีที่ทำให้พัทธดนย์รู้สึกร้อนใจแปลก ๆ อยากตามไปแก้ตัวว่าเขากับกนกจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่ด้านนอก เปมนีย์ก้าวเดินเร็ว ๆ ไปที่รถ หล่อนรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนต้องบ่นพึมพำกับตัวเอง “เสียเวลาชีวิตชะมัด ญาติพี่น้องไม่มีรึไง ถึงต้องโทร.ตามพี่แสน” เสียงปลดล็อกดังตามมา หล่อนเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทเครื่อง จากนั้นจึงปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งรอพัทธดนย์ในนั้น มือเรียวยื่นไปเปิดแอร์เพื่อดับความร้อนรุ่มที่สุมใจ ยอมรับว่าไม่ชอบที่กนกจันทร์ถือวิสาสะกอดพัทธดนย์ แต่หล่อนไม่ยอมรับว่าคิดไม่ซื่อกับเขาก็เลยหึงหวง พยายามหลอกหัวใจว่าไม่ได้คิดลึกกับเขาแม้แต่นิดเดียว ที่ต้องเตือนตัวเองเพราะกลัวเจ็บหนักหากเขาเปิดใจว่ารักคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ ทุกวันนี้ไม่รู้เขาคิดเช่นไรแต่เขาก็คอยจะทำให้หล่อนคิดลึก หล่อนกลัวกับความรักจนปิดใจไม่ยอมเปิดรับใครง่าย ๆ กลัวเหลือเกิน กลัวว่าสักวันชีวิตรักจะลงเอยเหมือนพี่ชาย หล่อนไม่พร้อมรับความเจ็บปวด จึงเลือกที่จะไม่รักใครเลย แม้จะมีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตก็ตาม เปมนีย์จมอยู่กับความคิดและโลกโซเชียลจนเวลาผ่านไปนาน มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อมีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพัทธดนย์ยืนรออยู่ข้างรถ หล่อนยืดตัวยื่นแขนไปปลดล็อกให้เขา ก่อนที่ พัทธดนย์จะเปิดประตูแล้วเข้ามานั่งยังฝั่งคนขับ “เสร็จธุระแล้วเหรอคะ” “อืม…เรื่องใหญ่อยู่เหมือนกันเพราะมีคนหายไปถึงสามคน” “นึกว่าพี่แสนต้องขับรถไปส่งเธอซะอีก แบบว่า…เสียใจจนมือไม้อ่อนแรงขับรถไม่ไหว” หล่อนเอ่ยโดยไม่มองหน้า ถ้อยคำประชดประชันจนคนฟังสัมผัสได้ โดยไม่รู้เลยว่าแววตาเข้มกำลังจับจ้องมาอย่างมีความหมาย เขายิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเอ่ยกระเซ้า “หึงพี่เหรอครับ” หล่อนทำตาเลิ่กลั่กเมื่อถูกถามตรง ๆ ก่อนจะรีบหันไปทางฝั่งคนขับ ปั้นสีหน้าราบเรียบ “เปล่าค่ะ ทำไมลูกปลาต้องหึงพี่แสนด้วยคะ” เขายิ้มให้กับคนที่ซ่อนพิรุธเอาไว้ไม่มิด ก่อนจะโน้มกายข้ามตัวหล่อนไปดึงเข็มขัดนิรภัยออกมา จัดการคาดให้หล่อนแล้วล็อกจนเสร็จสรรพ เปมนีย์นั่งนิ่งเมื่อกลิ่นหอมสดชื่นจากกายแกร่งลอยกรุ่นอยู่ตรงหน้า “กว่าจะหลอกควงเธอออกมาข้างนอกได้ พี่ไม่ปล่อยเวลาทองให้สูญเปล่าหรอกรู้มั้ย” เขาทิ้งท้ายแบบแฝงความหมายชวนให้คิดลึก ก่อนหันไปมองข้างหน้าแล้วเข้าเกียร์เพื่อขับออกไปจากตรงนี้ มันคือความตั้งใจแต่แรกว่าหลังจากคุยเรื่องงานเสร็จเขาจะพาหล่อนไปเลี้ยงข้าว หากแต่กนกจันทร์ก็ทำให้เขาเสียเวลาไปมาก ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนแผนไม่คุยเรื่องงาน เขาจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน ความมืดโรยตัวมาห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่ กลางเมืองใหญ่ที่ไม่เคยหลับ แสงไฟหลากสีส่องสว่างรอต้อนรับนักท่องราตรีที่หลงใหลการได้โลดแล่นอยู่ภายใต้แสงสีเสียงล่อหลอก ในยามดึกเช่นนี้ ใครหลายคนอาจกำลังซุกกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นบนเตียงกว้างพร้อมหนังสือดี ๆ สักเล่ม หากแต่ไม่ใช่พัทธดนย์และเปมนีย์ หลังจากพากันเตร็ดเตร่ทำตัวเป็นนักชิมไปจนทั่ว ทั้งสองก็มาจบทริปของวันที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง..ตรงโต๊ะที่ถูกจับ จอง เสียงคุยกันแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกึกก้องไปทั่ว ในขณะที่สองหนุ่มสาวเริ่มจะเคลิบเคลิ้มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่ “ถามจริง ๆ เถอะนะว่าไม่กลัวหรือไงถึงกล้ามาดื่มกับพี่แบบนี้” “ทำไมต้องกลัวคะ ให้อารมณ์เหมือนมานั่งดื่มกับพี่ชายยังไงก็ไม่รู้” หล่อนหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่คนถามกรอกน้ำเมาลงคอ มุมปากยกขึ้นสูงอย่างคนซ่อนแผนการร้ายเอาไว้ “แต่ถ้าพี่ไม่อยากเป็นแค่พี่ชายแล้วล่ะครับ เธอไม่กลัวถูกหลอกมามอมเหล้าหรือไง” น้ำเมาทำให้ความกล้าในตัวเปมนีย์ครอบงำความกลัว ความเขินอายถูกกลืนหายไปด้วย หล่อนกระตุกยิ้ม มือก็จับแท่งคนเครื่องดื่มวนอยู่ในแก้วค็อกเทลที่มีน้ำสีชมพูสวยอยู่ในนั้น “ไม่กลัวค่ะ ลูกปลากลัวตัวเองมากกว่า” “กลัวเรื่องอะไรเหรอ” “กลัวว่าจะเป็นฝ่ายจับพี่แสนปล้ำเสียเอง” เสียงหัวเราะดังประสาน ทั้งสองสบตากันท่ามกลางแสงไฟสลัว ก่อนที่ต่างฝ่ายจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมา แล้วยื่นเข้าไปชนกันเบา ๆ เรื่องราวมากมายถูกยกมาเป็นหัวข้อสนทนาในค่ำคืนนี้ โดยที่ไม่มีใครสนใจเวลาที่ล่วงผ่านไป ต่างตกอยู่ในความรู้สึกเดียวกัน นั่นคือความสุขแสะสนุกสนานจนอยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้ตราบนานเท่านาน ราตรีกาลยังคงหมุนผ่านไปเรื่อย ๆ ความสนุกนั้นมาพร้อมความเมาที่ครอบงำทุกสิ่ง เสียงแก้วกระทบกันท่ามกลางเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกลบ กลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์ลอยคละคลุ้งไปทั่วแต่หาได้มีใครใส่ใจ ท่ามกลางไอควันที่รายล้อม พัทธดนย์กรอกเครื่องดื่มของตัวเองที่เหลือลงคอจนหมดแก้ว แววตาเข้มมองคนข้างกายอย่างท้าทาย “ของพี่หมดแล้ว เหลือของเธอ” เปมนีย์ไม่ยอมเสียหน้าเพราะเคยลั่นวาจาเอาไว้ หล่อนจึงกลืนค็อกเทลลงคอราวมันคือน้ำเปล่าที่ไร้พิษสง แก้วเปล่าสองใบถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่พัทธดนย์จะเรียกเด็กเสิร์ฟเข้ามาหาเพื่อสั่งเครื่องดื่มต่ออีกคนละแก้ว "ลูกปลาดื่มไม่ไหวแล้วค่ะ ขออีกแค่แก้วเดียวนะคะ " "หืม…ยอมแพ้ได้ไง ทำไมถูกมอมง่ายแบบนี้ล่ะครับ" “ลูกปลายอมแล้วค่ะ มึนหัวไปหมดแล้ว คราวนี้พี่แสนชนะ” เปมนีย์ยืนโคลงเคลงจากความที่เริ่มจะมึน ๆ และหนักหัวจนประคองตัวเองแทบไม่อยู่ หล่อนใช้ร่างสูงเป็นหลักยึดเกาะด้วยการเอนหลังซบอยู่กับแผงอกกว้าง เขาช่วยประคองด้วยการตวัดแขนกอดเกี่ยวเอวคอดเอาไว้ ความเมาทำให้หล่อนลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง ในวงแขนกว้าง หล่อนโยกกายไปตามจังหวะเสียงเพลงที่ปลุกเร้าอารมณ์คึกคะนอง ความแนบชิดที่ทำให้ก้นเต่งตึงบดเบียดเสียดสีอยู่ตรงกลางกายของคนตัวโต สัมผัสที่ทำเอาเลือดร้อนวิ่งพล่านไปทั้งกายแกร่ง เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เมาและรับรู้ซึ่งทุกสิ่ง และหล่อนกำลังปลุกวิญญาณซาตานร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ท่อนแขนแกร่งยิ่งออกแรงรั้งให้หล่อนเบียดกายเข้าหาจนแทบไร้ซึ่งช่องว่างให้อากาศลอดผ่าน ชายหนุ่มโยกกายตามจังหวะเร้าใจในขณะที่แขนข้างหนึ่งยังคงกอดร่างนุ่มเอาไว้ เพื่อช่วยประคองไม่ให้หล่อนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น เขารับแก้วเครื่องดื่มจากเด็กเสิร์ฟมาถือไว้ แล้วนำไปจดจ่ออยู่ตรงกลีบปากอิ่มเพื่อบังคับให้หล่อนกลืนน้ำเมาลงไป หล่อนจิบน้ำขม ๆ หวาน ๆ ลงคอแล้วดันมือของเขาออกไปจากตรงหน้า “อึก…พอก่อนค่ะ…” “อีกนิดนะครับ เด็กดีของพี่” “พอก่อนค่ะพี่แสน…อื๊อ…” เขากระดกแก้วกรอกเครื่องดื่มใส่ปากหล่อนอีกครั้ง เมื่อถูกบังคับจึงต้องกลืนลงไปอีกอึกจนรับรู้ได้ถึงความร้อนวูบวาบที่แล่นพล่านไปตามกระแสเลือด ขณะที่ร่างกายยังคงโยกไปตามจังหวะเสียงเพลงที่กระตุ้นความบ้าดีเดือดของนักท่องราตรีทั้งหลาย นั่นยิ่งกระตุ้นให้เลือดร้อนในกายพัทธดนย์พุ่งพล่านมากขึ้น ใบหน้าคมคร้ามก้มลงต่ำแล้วจูบหนัก ๆ ลงบนขมับของคนในอ้อมกอด หล่อนไม่ขัดขืนเพราะกำลังถูกน้ำเมาเข้าครอบงำห้วงความคิด และหล่อนยังทำให้เขาสนุกสุดเหวี่ยงจนลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง พาตัวเองดำดิ่งสู่โลกของเสียงเพลงและน้ำเมาที่คลอเคล้าอยู่ในบรรยากาศมืดสลัว “ส่งท้ายให้คืนของเรา หมดแก้วเลยนะครับ” แก้วสุดท้ายที่มาพร้อมเพลงสั่งลาถูกยกขึ้นมาตรงหน้า แววตาฉ่ำเยิ้มสองคู่สบประสานท่ามกลางแสงสลัว เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะกรอกความขมลงคอรวดเดียวจนหมดแก้วราวมันคือน้ำเปล่า แก้วว่างเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกัน เปมนีย์ยืนเกาะบ่ากว้างเอาไว้เพื่อพยุงกาย และก่อนที่ค่ำคืนแห่งความสุขและความสนุกสนานจะจบลง เขาก็คว้ามือนุ่มแล้วพาเดินฝ่ากลุ่มคนไปยังทางที่พาไปสู่ประตูทางออก กว่าที่จะพากันเดินไปถึงรถก็ทุลักทุเลพอดู กลิ่นดอกแก้วฟุ้งขจายลอยตามลมมาถึงหน้ารั้วบ้าน รถคันหรูแล่นมาจอดเทียบอยู่ริมรั้ว ก่อนที่คนในรถจะกดรีโมทเพื่อให้รั้วบ้านเปิดออก และระหว่างที่กำลังรอประตูเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ เขาก็หันมามองคนข้างกายที่นอนหลับตานิ่งเอาหัวพิงเบาะรถเอาไว้ “ลูกปลา หลับหรือเปล่า” ชายหนุ่มยื่นมือไปเขย่าร่างนั้นเบา ๆ หล่อนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามอง ยกมือขึ้นกุมหัวเมื่อรู้สึกหนักอึ้งจนแทบจะคลอนเอาไว้ไม่ไหว “ถึงบ้านแล้วเหรอคะ” “อืม…แต่…ถึงบ้านพี่นะ” หล่อนไม่มีสติคิดอะไรทั้งนั้น ยังคงนั่งนิ่งจนกระทั่งเขาขับรถเข้ามาจอดอยู่ในโรงรถ พัทธดนย์หันไปมองคนข้างกายอีกครั้ง มือใหญ่ยื่นไปแตะกับพวงแก้มระเรื่อแล้วลูบไล้ไปมา สอดปลายนิ้วเรียวยาวเข้ากับกลุ่มผมอ่อนนุ่มแล้วช่วยเสยไปข้างหลัง เปิดดวงหน้ารูปไข่ที่แดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “แน่ใจนะว่าขับรถกลับบ้านไหว” เขาถามทั้งที่รู้ว่าหล่อนไม่มีทางขับรถกลับไปได้แน่ หากแต่หล่อนก็พยักหน้าทั้งที่ตาปรือเยิ้มฉ่ำ สบตากับแววตาแสนมีเสน่ห์ที่มีสภาพไม่ต่างกัน ต่างจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าจะมีใครพูดอะไรออกมา ท่ามกลางความเงียบงัน อยู่ดี ๆ เปมนีย์ก็หัวเราะออกมาราวกับได้ฟังเรื่องตลก มองใบหน้าคมคร้ามที่แดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “อายพี่แสนจังเลยค่ะ ที่วันนี้ทำอะไรตลก ๆ ออกมาตั้งหลายเรื่อง” หล่อนหมายถึงตอนอยู่ในผับ กับการเผยตัวตนที่เขาไม่คุ้นเคยออกมาให้ได้เห็น ต่างฝ่ายต่างหัวเราะออกมาเบาๆ “ในที่สุดพี่ก็ได้รู้ธาตุแท้ของเธอ” “อย่าไปบอกใครนะคะว่าลูกปลารั่วแค่ไหน” “เธอคิดว่าพี่จะจำได้เหรอ เอาแค่ขับรถกลับบ้านมาได้ไม่ชนใครตายก็ดีแล้ว” ทั้งสองพากันหัวเราะออกมาราวฤทธิ์แอลฮอล์ทำให้ดีด ชายหนุ่มมองคนที่เอาแต่หัวเราะอวดไรฟันขาวสะอาด แววตาสองคู่สบประสานอีกครั้ง จนเมื่อเสียงหัวเราะนั้นหยุดลง ความเงียบก็เข้ามาห่มคลุม แต่ต่างฝ่ายต่างยังคงจ้องตากันอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่มีใครจะยอมละสายตาหนีไปก่อน พัทธดนย์นั่งจ้องคนเมาโดยไม่พูดอะไร เขายื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างนั้น ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยในระยะหายใจรด มือใหญ่ยกขึ้นทาบลงบนซีกแก้มเนียนนุ่ม ไล้วนไปมาแล้วคลี่ยิ้มให้คนที่ยังคงนั่งนิ่ง “แต่วันนี้พี่มีความสุขมากเลยรู้ไหม…” “…..” “เธอมีความสุขเหมือนกันหรือเปล่า” หล่อนจ้องตากลับมา คลี่ยิ้มแทนคำพูดมากมายที่อยู่ในใจ ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องพอให้มองเห็น เขาจับจ้องมองลึกลงไปในแววตาคู่สวย ปลายนิ้วแกร่งลากไล้ไปตามแนวสันกรามของใบหน้ารูปไข่ ก่อนจับปลายคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นมา “ลูกปลา…รู้มั้ยตอนนี้พี่อยากทำอะไร" หล่อนส่ายหน้า มองเขาอย่างพาซื่อ "พี่อยากจูบเธอ…” “…..” “ขอชิมหน่อยได้ไหม…” เขาไม่รอให้หล่อนตอบรับ ใบหน้าคมคร้ามขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น ริมฝีปากอุ่นประกบลงบนกลีบปากนุ่มแล้วคลอเคลียด้วยสัมผัสอ่อนละมุน ใจเขาเต้นแรงเมื่อหล่อนตอบรับด้วยการใช้ปากขบเบา ๆ กับริมฝีปากของเขา ต่างผลัดกันจูบอยู่อย่างนั้นจนเขาผละออกมา สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เริ่มแรงขึ้น ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอย่างมีความหมาย เขาโน้มใบหน้าเข้าหาอีกครั้ง สองมือใหญ่ประคองใบหน้าสวยแล้วกระชากขึ้นหา คราวนี้จูบแสนอ่อนละมุนแปรเปลี่ยนเป็นร้อนเร่าหน่วงหนัก ลิ้นร้อนสอดเข้าไปอุ้งปากอุ่นแล้วหยอกเย้ากับลิ้นนุ่มที่มีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ หากแต่หล่อนก็เรียนรู้มันได้ไว ตอบรับจูบแสนหื่นกระหายจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง สองแขนเรียวเคลื่อนคล้องเกี่ยวลำคอแกร่งเอาไว้ตามการตอบสนองของร่างกาย จูบหวามไหวแล่นพล่านไปถึงท้องน้อย มันปั่นป่วนราวมีผีเสื้อนับพันโบยบินอยู่ข้างใน ความเงียบที่รายรอบทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน กระแสปรารถนาส่งผ่านความร้อนผ่าวทางปลายจมูกที่ต่างสัมผัสได้ถึงแรงขับภายใน มือร้อนเริ่มลากไล้ไปทั่วผิวกายเนียนละเอียด ก่อนวนเวียนเคล้นคลึงอยู่กับอกอวบที่โดดเด่นท้าทายสายตาเมื่อเสื้อตัวสวยถูกถลกขึ้นสูง เขาปลดบราออกแล้วใช้สองมือแกร่งประคองสองเต้าอวบอิ่มที่มือใหญ่ปิดเอาไว้ไม่มิด ใบหน้าคมคร้ามก้มลงต่ำซุกเข้าหาความนุ่มหยุ่นกรุ่นกลิ่นกายสาว ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับปลายยอดอกสีสวย จนใบหน้าแดงซ่านแหงนเงยหลับตาพริ้มเคลิ้มฝัน เสียงสูดปากดังเบา ๆ ด้วยความกระสันเมื่อลิ้นร้ายกาจตวัดลากไล้หน่วงหนัก นิ้วเรียวสอดเข้าหากลุ่มผมคนรุกรานแล้วขยุ้มตามกระแสปรารถนาแสนเชี่ยวกราก หล่อนกำลังละลายกับในทุกสัมผัสจากมือและลิ้นร้อนเร่า ไม่ว่าเขาจะแตะตรงส่วนไหนของร่างกาย มันร้อนฉ่าราวกับถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟจนทุรนทุราย ต้องเปล่งเสียงร้องครางออกมาอย่างทรมาน เขาไม่หยุดแค่กอดจูบลูบคลำเสียแล้ว ชายหนุ่มพาร่างกลับมายังฝั่งของตน พร้อมท่อนแขนแกร่งที่ตวัดร่างของอีกฝ่ายให้ย้ายมานอนทับคร่อมอยู่บนตักแกร่ง ก่อนที่เขาจะปรับเบาะให้เอนลงไป มือร้อนลากไล้เข้าไปใต้ชายกระโปรงแล้วเคล้นคลึงอยู่กับก้นนุ่มเด้งตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ในขณะที่ปากก็ยังคงลิ้มรสหวานจากเรียวปากอิ่ม แลกจูบกันอย่างดูดดื่มราวกับโหยหาในกันและกันมาแสนนาน มือใหญ่ถลกกระโปรงขึ้นมากองอยู่บนเอวคอด ปลายนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปใต้แพนตี้ตัวน้อยเพื่อสัมผัสกับกลีบเนื้อนุ่มที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ผืนผ้า หล่อนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแท่งนิ้วแกร่งลากผ่านรอยแยกที่ปิดสนิท ปลายนิ้วแกร่งบี้คลึงหมุนวนสัมผัสอยู่ด้านนอกจนน้ำเหนียวลื่นขับออกมาจากร่องสวาท เขาจึงสอดแท่งนิ้วเข้าหาร่องหลืบเล็กแคบอย่างช้า ๆ สัมผัสที่ทำเอาลิ้นเล็กยิ่งดูดดึงลิ้นร้อนของเขาหนักขึ้น เขาได้ยินเสียงหวานครางฮืออยู่ในลำคอ มือนุ่มกำเสื้อของเขาจนยับย่นเมื่อเขาขยับแท่งนิ้วเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ กระตุ้นให้น้ำใส ๆ หลั่งออกมาชโลมนิ้วเรียวยาวจนชุ่มโชก ความหล่อลื่นที่ช่วยทำให้เขาขยับนิ้วควานไปมาในความนุ่มหยุ่นได้สะดวกขึ้น เขาสูดปากออกมาเบา ๆ พร้อมแววตาหื่นกระหายที่จ้องใบหน้าแดงซ่านจนแทบจะกลืนกินเข้าไป เมื่อข้างในแสนนุ่มหยุ่นนั้นตอดรัดแท่งนิ้วอย่างเป็นอย่างเป็นจังหวะ…อา…สัมผัสที่ทำเอาแท่งร้อนกลางกายผงาดเต็มที่จนดึงดันเป้ากางเกงให้นูนเด่น เขาไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว มือข้างที่ว่างจึงจัดการกับเข็มขัดและกางเกง เพียงไร้สิ่งขวางกั้น ท่อนเนื้ออุ่นที่กระตุกเบา ๆ เพราะอารมณ์หวามก็ชูตั้งพร้อมสอดใส่ มือใหญ่กำเอาไว้แล้วรูดขึ้นรูดลงอย่างช้า ๆ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์หื่นเต็มพิกัดครางซี๊ดซ๊าดด้วยความเสียวกระสัน ก่อนจะชักนิ้วออกมาจากร่องสวาทอุ่นซ่านแล้วสอดเข้าหาอุ้งปากร้อน เขาตวัดลิ้นลากไล้ดูดดึงน้ำใส ๆ ลงคอราวกำลังลิ้มรสน้ำหวานแสนอร่อยลิ้น อารมณ์หื่นทำให้เขากระชากทีเดียวแพนตี้ก็ขาดวิ่น อุ้งมือแกร่งกุมท่อนเนื้อเอาไว้แล้วถูไถส่วนหัวเข้ากับปากทางเข้าร่องสวาทเพื่อให้หยาดน้ำหวานช่วยชโลมสร้างความหล่อลื่นให้กับแท่งร้อน ก่อนจะยกสะโยกแล้วออกแรงดันสวนขึ้นไป สองมือแกร่งตะปบลงบนสะโพกกลมกลึงแล้วออกแรงกด เพื่อให้กลีบสวาทนั้นกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปอย่างช้า ๆ “อะ…อูย…เจ็บ…” หล่อนร้องออกมาเบา ๆ พลางซุกหน้าเข้าหาบ่ากว้าง เขาสัมผัสได้ถึงมือนุ่มที่เกร็งสั่น หล่อนจิกมันเข้าหาแผงอกกว้างสื่อถึงความเจ็บปวดจากการที่เขารุกล้ำเข้าไปอย่างช้าๆ ในขณะที่หล่อนครางออกมาเพราะความเจ็บ เขากลับบดกรามแน่นเพราะความเสียวกระสันจากความคับแน่นที่บีบรัดท่อนเนื้ออุ่นจนแทบแหลกสลาย เนื้อในนุ่มหยุ่นอุ่นซ่านทำให้เลือดร้อนพุ่งพล่าน ความหวามไหวแล่นไปทั่วร่าง จนเกือบจะปลดปล่อยสายความรักออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ขยับสักนิดเดียว จนเขาต้องกระซิบอ้อนวอนเสียงกระเส่า “อย่าขยับมากที่รัก…เดี๋ยวพี่เสร็จก่อน” “พี่แสน…เจ็บ…” “อีกนิดนะเด็กดี…อีกนิด…ฟู่…" เขาระบายลมหายใจเพื่อบรรเทาความเสียวซ่าน ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปทั่วใบหน้าแดงซ่านที่กำลังทรมานจากความเจ็บจากการถูกรุกล้ำ ยามเขาออกแรงดันสวนขึ้นมาพร้อมกับกดสะโพกผายลงไปอย่างช้า ๆ ทำให้หล่อนครางออกมาเพราะเริ่มมีความเสียวกระสันสลับแทรกเข้ามา รู้สึกคับตึงในร่องสวาทราวกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน มันรู้สึกแปลก ๆ ทั้งมีความสุขและอบอุ่นอย่างประหลาด สุขจนต้องเงยหน้าขึ้นไปพรมจูบลงบนปลายคางสากระคาย ย้ายไปแลกจูบกับเขาอย่างดูดดื่ม พร้อมกับที่เขาพยายามสอดลึกเข้าหาจนสุดปลายทางแห่งรัก จนเมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง เขาก็หยุดให้หล่อนได้พักหายใจ แช่กายอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน “หายเจ็บหรือยัง” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบา ๆ พร้อมกับมือร้อนที่ทาบลงบนซีกแก้มเนียนนุ่มแล้วลากไล้ไปมาด้วยแววตากรุ่นไอรัก ริมฝีปากอุ่นพรมจูบลงบนหน้าผากเนียนเมื่อความสุขจากการที่กายสาวโอบอุ้มตัวตนของเขาเอาไว้ซึมซาบไปทั้งกายและใจที่เต้นเร่า หล่อนไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเบา ๆ แล้วซุกเข้าหาบ่ากว้างคล้ายเขินอายกับสัมพันธ์รักแนบเนื้อลึกซึ้ง วงแขนกว้างกอดเกี่ยวคนบนร่างเอาไว้อย่างหวงแหน หัวใจร้องบอก หล่อนเป็นของเขาแล้ว และเขาเป็นผู้ชายคนแรกได้ล่วงล้ำลึกซึ้ง พรากความสาวของหล่อนมาครอบครอง “เมียจ๋า…ผัวขยับล่ะนะ” “อะ…อื๊อ…” มือร้อนฉ่าลูบไล้ไปทั่วผิวกายนุ่มเนียนยามผลัดกันแลกจูบดูดดื่มกันอีกครั้ง เมื่อร่องสวาทปรับตัวให้คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอม เขาก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงอย่างช้า ๆ เส้นทางรักเล็กแคบเริ่มมีน้ำหล่อลื่นมาช่วยชโลมมากขึ้น จากความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวกระสันและแสนสุขล้ำ เสียงครางกระเส่าดังประสานอยู่ในรถที่ยังคงไม่ดับเครื่องยนต์ แรงโยกขยับเริ่มหนักหน่วงและเร็วขึ้นจนรถคันใหญ่โยกไปตามจังหวะกระแทกกระทัั้น เสียงเบาะรถลั่นเอี๊ยดอ๊าดแข่งกับเสียงสูดปากราวคนซดต้มยำร้อน ๆ เข้าไป “อ๊า…พี่แสน…” “อย่าเพิ่ง…รอพี่ก่อน…” เขาอ้อนวอนเสียงกระเส่าทั้งที่เอวยังส่ายร่อนไม่หยุด หล่อนครางถี่ขึ้นพร้อมขยับตอบรับแรงกระแทกที่ดันสวนขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะ กายสาวที่เกร็งกระตุกพร้อมข้างในที่ตอดรัดถี่กระชั้นหน่วงหนัก บอกเขาให้รู้ว่าหล่อนกำลังเสร็จสม เขาขยับอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสายความรักถูกปล่อยออกมาในกายสาวจนท่วมท้น เสียงแห่งความสุขดังประสานอย่างยาวนานกว่าทุกอย่างจะสงบลง วงแขนกว้างกอดรัดร่างอ่อนระทวยที่หายใจหอบถี่เอาไว้ พรมจูบซ้ำ ๆ ลงบนหน้าผากและข้างแก้มเนียนนุ่มด้วยความรักและหวงแหน ความสุขลอยกรุ่นอบอวลอยู่ในรถจนเขาต้องกอดร่างนุ่มแช่กายเอาไว้เนิ่นนาน สัมผัสได้ถึงใจที่เต้นแรงของกันและกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม