ตอนที่ : 5 บ้านลูกหนี้

2281 คำ
4 บ้านลูกหนี้             เช้าวันรุ่งขึ้นศิลาดลตื่นสายกว่าทุกคน เพราะชายหนุ่มเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายชั่วโมง ตื่นมาทุกคนก็ออกไปทำงานกันหมดแล้ว บิดามารดาไปโรงสีในตัวอำเภอตั้งแต่เช้า เหลือก็แค่ตาซึ่งกำลังนั่งตรวจกระดาษหลายใบบนโต๊ะในห้องรับแขก            “ตาทำอะไรครับ” เขาเดินไปหย่อนสะโพกลงข้างผู้เป็นตา กวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณบ้านไม้สักหลังงามของท่านอย่างชื่นชมในความเงางามไม่เคยเปลี่ยน            “ตื่นแล้วเหรอศิลา แม่ของเอ็งทำข้าวต้มไว้ให้ไปตักมากินสิ ตากำลังดูลูกหนี้ที่เบี้ยวหนี้ทั้งหลายนี่แหละ ปวดหัวมาก เงินก็ไม่ได้ยังจะต้องมาเสียเวลาตามหนี้อีก” กำนันสมบูรณ์ดันแว่นตาขึ้นเหนือจมูกแล้วกวาดสายตาดูเอกสารตรงหน้าต่อ            “แหมตาก็ยกหนี้ให้เขาไปบ้างก็ได้ ไม่ต้องไปเก็บเอามาหมดแบบนี้หรอก แค่นี้บ้านเราก็รวยจนใช้กันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว” หลานชายคนโปรดดันพูดแบบนี้ออกมา กำนันสมบูรณ์ถึงกับวางกระดาษในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมอง            “กว่าจะได้มาแต่ละบาทมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะศิลา จะให้ตาปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้หรอก อีกอย่างมันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อลูกหนี้คนอื่นเขา ตาเองก็ต้องมีทุนเลี้ยงตัวเองตอนแก่รู้ไหม”            “ตอนนี้ก็แก่แล้วนะตา”            “เจ้าศิลา! ยอกย้อนนักนะ”            “ก็ตาพูดเหมือนจะไม่มีคนเลี้ยง รับรองหลานชายคนนี้ไม่ทิ้งตาแน่นอน” ศิลาดลหยอดคำหวานเอาอกเอาใจ            “เออให้มันจริงอย่างที่พูด ไม่ใช่ได้เมียแล้วทิ้งตาทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปอยู่ที่อื่นอีกนะ”            “โนๆๆ จะอยู่ที่นี่ไปจนตายเลยตา”            “ให้มันได้อย่างนี้สิหลานข้า ไปกินข้าวเดี๋ยวตาจะพาไปดูที่นาที่ซื้อไว้ให้แล้วค่อยไปที่โรงสี ป่านนี้ใจกับพ่อเราคงไปประกาศแล้วว่าลูกชายจะมาดูแลกิจการต่อ”            “ครับตา”          รถกระบะสี่ประตูแบบเดียวกับของกำนันสมบูรณ์แต่เป็นสีดำ ศิลาดลขับรถของตัวเองพาผู้เป็นตาไปตามเส้นทางที่ท่านบอก จากหมู่บ้านนี้ไปหมู่บ้านนั้นเพื่อชี้จุดให้ดูถึงที่นาที่เป็นสมบัติของกำนันสมบูรณ์ มีทั้งซื้อทั้งยึดมาอย่างถูกต้อง มีเอกสารครบทุกที่ จากนั้นเลี้ยวรถไปทางอำเภอเพื่อเข้าไปยังบริษัทที่ตั้งของโรงสีประจำตระกูล            “ช้าๆ หน่อยศิลา”            “ทำไมครับตาถนนโล่งออก”            “เดี๋ยวจะพาแวะบ้านยายศรีจันทร์”            “ยายศรีจันทร์ชื่อคุ้นๆ นะครับตา”            “ต้องคุ้นอยู่แล้วล่ะ ก็บ้านที่เขาเอามาใช้หนี้ตาพร้อมหลานสาวไง” กำนันสมบูรณ์พูดแล้วก็หยุดมองหน้าหลานชาย ซึ่งตอนนี้เริ่มขมวดคิ้วชักสีหน้าแบบไม่พอใจนิดๆ            “ไปทำความรู้จักกันเอาไว้ เผื่อวันไหนไปบ้านนั้นจะได้ไม่ถูกเขาไล่ออกจากบ้าน” คนเป็นตาอ่านสีหน้าหลานชายออกเลยพูดเนิบๆ แบบเป็นทางการ            “ผมไม่ไปบ้านนั้นหรอกตา”            “ให้มันจริงเถอะ ยัยหนูบุญของยายศรีจันทร์สวยมากรู้ไหม”            “สวยยังไงก็ไม่สนครับ ผมมีคนที่สนอยู่แล้ว แต่เขาไม่สนผมเท่านั้นเอง” พูดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้            “อุวะ ใครมันกล้าไม่สนหลานชายกำนันสมบูรณ์ อีหนูบ้านไหนบอกตามาเดี๋ยวตาจะไปจัดการให้”            “อ้าวๆ ตาอย่าใช้อิทธิพล ของแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ว่าไปแล้วผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นใคร เจอกันที่ห้างเมื่อวานแป๊บเดียวเอง”            “อ้อ รักแรกพบว่างั้น นั่นๆ หลังนั้นแหละ เลี้ยวเข้าไปเลยเห็นต้นมะตาดหน้าบ้านไหม เลี้ยวเลยๆ” กำนันสมบูรณ์รีบบอกเมื่อหลานชายใกล้จะถึงบ้านของยายศรีจันทร์            ความร่มรื่นของตัวบ้านทำให้ศิลาดลรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย รอบๆ บ้านก็ปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้เก็บกิน มีดอกไม้เล็กน้อยผุดขึ้นเต็มสองรั้วหน้าบ้าน คงได้รับการดูแลจากเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี            “ยายศรีจันทร์ทำอะไรอยู่” กำนันสมบูรณ์ตะโกนเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักเจ้าของบ้านก็เดินออกมา แล้วเชิญให้ทั้งคู่นั่งบนแคร่ใต้ต้นมะตาดหน้าบ้าน            “กำนันมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาหาฉันที่บ้าน” ปกติกำนันสมบูรณ์แทบไม่เคยแวะมาหา ยายศรีจันทร์จึงเต็มไปด้วยความแปลกใจ ยิ่งมากับชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนก็ยิ่งหวั่นๆ อยู่ข้างใน            “นี่หลานชายข้าเจ้าศิลาดล ศิลานี่ยายศรีจันทร์”            “สวัสดีครับยาย” ศิลาดลยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้าน ทว่ายายศรีจันทร์กลับผงะและมีสีหน้าตกใจหนักกว่าเดิม เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดหญิงชราจึงมีสีหน้าแบบนี้            “พามาแนะนำให้รู้จัก เจ้าศิลาจะกลับมาอยู่ที่นี่เลย หากวันไหนมันแวะมาที่นี่ก็อย่าไล่มันออกจากบ้านล่ะ”            “อะแฮ่ม ตาครับ” ศิลาดลกระแอมเบาๆ แล้วเรียกชื่อตาเหมือนปราม            “เข้าใจไหมยายศรีจันทร์ จำที่เราสัญญากันได้ใช่ไหม แล้วนี่ยัยหนูบุญของยายศรีจันทร์ไปไหนแล้วล่ะ จะได้มาทำความรู้จักกับเจ้าศิลามัน” กำนันสมบูรณ์ทำทีไม่ได้ยินเสียงของหลานชาย ซ้ำยังถามหาหลานสาวของยายศรีจันทร์อีกด้วย            “บุญมันไปทำงานแล้วล่ะกำนัน เห็นว่าวันนี้มีอบรมที่ร้านเลยไปเช้ากว่าปกติ”            “อ้อ คลาดกันไปอีก เอาไว้วันหลังแล้วกันเนอะ”            “เอ่อ กำนัน” หญิงชรามองหน้าศิลาดลก่อนแล้วค่อยหันไปทางกำนันสมบูรณ์            “มีอะไรก็พูดมายายศรีจันทร์” ยายศรีจันทร์ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ            “หลานชายกำนันไม่ได้มีลูกมีเมียไปแล้วรึ” ได้ยินแล้วสองตาหลานก็หลุดหัวเราะดังๆ ออกมาพร้อมกัน            “ข้าเองก็อยากให้มันมีอยู่หรอกยายศรีจันทร์ แต่เจ้าศิลามันยังไม่ถูกใจใครสักคนเลยได้แต่รออยู่นี่”            “อ้อ นึกว่ามีแล้ว ก็บุญมันบอกว่าน่าจะมีครอบครัวไปแล้ว” หญิงชราเหมือนเอ่ยลอยๆ กับตัวเอง            “ยัยหนูบุญของยายศรีจันทร์มั่วแล้วล่ะ ถ้างั้นข้ากับหลานไปโรงสีก่อนนะ วันหลังจะมาใหม่แล้วกัน”            “จ้ะ”            “ไปก่อนนะครับยาย” ศิลาดลยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้านแล้วเดินตามหลังผู้เป็นตาไปขึ้นรถ            ระหว่างทางที่จะไปโรงสีของครอบครัว ศิลาดลก็อดที่จะบ่นคนด้านข้างไม่ได้สำหรับเรื่องเก็บหนี้เป็นบ้านพร้อมที่ดิน แถมยังพ่วงหลานสาวลูกหนี้มาอีกคน            “ตาไม่คิดว่ามันไม่ถูกต้องเหรอเรื่องนี้”            “แล้วไงล่ะ จะให้ตาทิ้งเงินห้าแสนไปง่ายๆ เหรอศิลา ตาคิดดีแล้ว ยัยหนูบุญนั่นตาเผือกก็เสนอมาเองตาไม่ได้ไปบังคับอะไร ในเมื่อมันไม่มีอะไรมาใช้หนี้ได้เราก็ต้องคว้าไว้ก่อนสิ อย่างน้อยกำขี้ก็ดีกว่ากำตดใช่ไหม”            “แล้วถ้าผมไม่สนใจยัยหนูบุญของตาล่ะ”            “ก็เรื่องของเอ็ง ยัยหนูบุญก็อยู่ของมันไปแบบนี้แหละ ก็ต่างคนต่างอยู่ตาจะไปบังคับอะไรได้ แต่บ้านและที่ดินนั่นเป็นของเรา อนาคตหนูบุญก็ต้องออกไปอยู่ที่อื่น ยิ่งถ้ามีผัวไปแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ตอนนี้ยายศรีจันทร์ยังไม่ตายหนูบุญก็คงไปไหนไม่ได้”            “แล้วเขาไม่มีแฟนเหรอตา อายุเท่าไหร่แล้วนี่”            “ราวๆ ยี่สิบสองปียังไม่กล้ามีแฟนหรอก”            “ทำไมครับ”            “ก็ตอนนี้เป็นลูกหนี้ตาอยู่ เป็นสมบัติของเอ็งนั่นแหละเจ้าศิลา ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของศิลาว่าจะเอายังไงกับหนูบุญ”            “งั้นง่ายเลยผมจะไปบอกเขาเองว่าไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว ไม่ต้องรอผมหรอกผมไม่เอา”            “วะไอ้นี่ ยังไม่ทันได้เห็นเขาสักหน่อยทำเป็นพูดดี อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”            “ไม่แน่นอน ต่อให้สวยปานนางฟ้าถ้าผมไม่ชอบก็ไม่คือไม่ชอบ คนอย่างผมผ่านผู้หญิงมาเยอะนะตา หลานสาวบริษัทผมยังฟาดแล้วทิ้งได้ นับประสาอะไรกับยัยหนูบุญของตา เด็กบ้านนอกคอกนาแบบนั้นไม่อยู่ในสายตาผมหรอก” ศิลาดลพูดแบบรู้ตัวว่าตนเองนั้นมีผู้หญิงให้ความสนใจมากน้อยแค่ไหน เขาไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับลูกหนี้จนๆ คนนั้น            “เออๆ ขี้คร้านจะคุยกับเอ็งแล้ว ขับรถดูทางด้วยนั่น” เมื่อเถียงสู้หลานชายไม่ได้กำนันสมบูรณ์จึงเปลี่ยนเรื่องคุยแทน            “ครับๆ” ศิลาดลอมยิ้มนิดๆ ตาของเขาไม่เคยชนะเขาได้สักเรื่อง กระทั่งเรื่องของลูกหนี้คนนี้ก็เหมือนกัน            บุญสิตากลับจากทำงานในตอนค่ำก็รู้สึกตกใจกับคำบอกเล่าของผู้เป็นยาย ตนไม่คิดว่าหลานชายกำนันสมบูรณ์จะกลับมาอยู่บ้าน และยิ่งไม่คิดว่าจะมาหาเธอถึงที่นี่            “บุญนึกว่าเขาจะอยู่กรุงเทพฯ ไปตลอด คิดว่าเขาต้องแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่นั่นแน่ๆ แต่นี่เขา เขากลับมาทำไมยาย” หญิงสาวร้อนรนราวถูกไฟสุม ไฟที่เธอกลัวมาตลอดตั้งแต่จรดปลายปากกาลงบนกระดาษแผ่นนั้นแล้ว            “ใจเย็นๆ บุญ เขาก็แค่แวะมาหามาทำความรู้จักแค่นั้นเอง เขาไม่ได้จะมาเอาบุญไปทำอะไรสักหน่อย อีกอย่างมีแค่กำนันสมบูรณ์ที่ถามหาบุญ หลานชายเขาไม่เห็นจะพูดอะไรเลย” ยายศรีจันทร์ได้แต่ปลอบใจหลานสาว            “ลางไม่ดีตั้งแต่เจอไอ้โรคจิตนั่นเมื่อวานแล้ว มาวันนี้ยังได้ข่าวร้ายอีก เฮ้อ ตายแน่ๆ คราวนี้บุญจะหนีไปอยู่ไหนดียาย”            “พอแล้วๆ อย่าคิดมากสิบุญหลายปีมานี้เขาไม่เคยมายุ่งกับเรา คงไม่มีอะไรมั้ง” ยายศรีจันทร์พยายามพูดให้หลานสาวกังวลน้อยที่สุด            “แค่เขาอยู่ที่นี่บุญก็ร้อนไปหมดแล้วยาย มันยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก บุญไปอาบน้ำก่อนนะยายเผื่อหัวจะเย็นลงบ้าง”            “เออ ไปอาบเถอะ ยายก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน” หญิงชราเดินไปปิดโทรทัศน์แล้วเดินขึ้นชั้นสองไปนอนในห้องของตัวเอง ลับหลังยายคนเป็นหลานก็ปล่อยน้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่ได้ เขาคนนั้นอยู่ที่นี่หมู่บ้านข้างๆ กัน จะไปมาหาสู่ก็แสนง่าย ด้วยนิสัยผู้ชายแล้วของฟรีอยู่ตรงหน้ามีหรือจะไม่กิน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้บุญสิตารีบลุกขึ้นไปหยิบ ครั้นเห็นชื่อคนโทรมาก็ต้องถอนหายใจหนักๆ อีกรอบ ภากรเพื่อนชายสมัยเรียนมัธยมด้วยกัน ผู้ชายที่พยายามฝ่าทุกด่านเข้ามาในชีวิตของเธอ “ว่าไงโอ๋” หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สะอื้นออกมาให้เขาได้ยิน “ทักซะเราเสียความมั่นใจเลยนะบุญ แค่จะโทรมาถามว่าเป็นไงบ้าง คิดถึงไม่ได้แวะไปหาที่ร้านนานแล้ว” เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ประจำอำเภอทักคนที่อยากให้เป็นมากกว่าเพื่อนอย่างคุ้นเคย “ก็เรื่อยๆ” “แบบนี้ทุกทีเลย โอ๋ไม่เข้าใจว่าทำไมบุญต้องขีดเส้นระหว่างเราด้วย โอ๋ว่าโอ๋ตรงที่สุดแล้วนะ โอ๋จีบบุญมาหลายปีแล้วทำไมบุญไม่ใจอ่อนสักที ทั้งที่บุญเองก็ไม่มีวี่แววจะคบใครสักคน” ปลายสายตัดพ้อเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อเหมือนคนมีความหวัง “โอ๋ บุญคบใครไม่ได้หรอก” “ทำไมล่ะบุญ” “บุญมีเหตุผลของบุญ” “ถ้าหมายถึงยายศรีจันทร์โอ๋เลี้ยงได้ โอ๋เปิดอู่ซ่อมรถมีรายได้นะบุญ เราช่วยกันได้” ภากรคิดไปถึงหน้าที่ที่หลานสาวคนนี้ทำได้ดีมาโดยตลอด และคิดว่าเพราะยายศรีจันทร์ทำให้บุญสิตาไม่กล้าคบใครเป็นแฟน เพราะกลัวจะแบกรับภาระร่วมกันไม่ไหว “โอ๋ไม่เข้าใจบุญเลย” “บุญทำไมวันนี้เสียงเครียดจัง เกิดอะไรขึ้น” “ไม่มีอะไรหรอกโอ๋ บุญแค่เหนื่อย แค่นี้ก่อนนะบุญจะอาบน้ำเข้านอนแล้ว” บุญสิตากดปุ่มวางสาย แล้วยกมือขึ้นปิดหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลหลากลงอีกรอบ หากไม่ติดเรื่องหนี้ภากรก็คือคนที่เธอพร้อมจะเปิดใจยอมศึกษากันไป แต่นี่แค่คิดเธอยังไม่กล้า ต้องตัดทุกคนที่เข้ามาเพื่อ เพื่ออะไร ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ เพราะกลัวยายจะได้ยิน สักพักใหญ่ๆ หญิงสาวก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ และพยายามข่มตาให้หลับอย่างลำบากยากเย็น แต่เพราะเหนื่อยล้าจากการยืนทำงานมาตลอดทั้งวัน จึงทำให้ปิดเปลือกตาลงสนิทจนได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม