เธอเองก็ยื่นรีซูเม่หางานไปหลายที่ ใครว่าจะรับจ้างแม่เลี้ยงแมวไปเรื่อยๆ แบบนี้กันล่ะ “ถ้างั้นคุณจะให้ฉันทำยังไงคะ”
ชาร์ลส์แสร้งกอดอกนิ่งคิด ทั้งที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว คำตอบของเขาก็ทำให้นารารู้สึกว่าตัวเธอหนักอึ้ง ราวกับถูกของแข็งมากดทับบนหัว
ชาร์ลส์สบตา กับคนที่“มาเป็นเลขาฯ ส่วนตัว และดูแลเจ้าออสการ์ให้ผม”
นาราแทบไม่อยากเชื่อหู “อะไรนะ!” เลขาฯ ที่พ่วงตำแหน่งทาสแมวของเขาด้วยงั้นเหรอ!
‘มันจะมากไปแล้ว’
ชาร์ลส์เห็นสีหน้าตกใจปนอ่อนใจของสาวตรงหน้า“ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น เมื่อครู่ คุณคงเห็นแล้วว่าเลขาฯ ของผมทำร้ายเจ้าออสการ์ ผมเลยย้ายเธอไปทำงานตำแหน่งอื่นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เท่ากับว่าตอนนี้ ผมกำลังขาดเลขาฯ แล้วเจ้าออสการ์ มันก็กำลังป่วยแบบที่คุณพูด ในเมื่อคุณเองก็เลี้ยงแมวอยู่แล้ว น่าจะดูแลเจ้าออสการ์ได้ เพราะช่วงนี้ ผมงานเยอะมาก แมวคุณเองจะได้มีเพื่อนด้วย แล้วผมจะหักหนี้ให้เดือนละห้าหมื่น ผมเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไร ในเมื่อคุณก็กำลังตกงานอยู่ แถมผมจะให้ค่าจ้างคุณด้วย อีกเดือนละสามหมื่นบาท” ชาร์ลส์มองคนหน้าเหวอ เขานึกขำสีหน้าของหญิงสาว แต่พยายามตีสีหน้านิ่งเรียบไว้ “มันเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมใช่ไหม”
เสียงใสสวนแทรกทันควัน “ยอดแย่ต่างหาก”
นาราอยากจะร้องกรี๊ดใส่หน้าเขานี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เธอไม่ได้รักแมวขนาดนั้น แค่เลี้ยงแมวของคุณนายทองอยู่ตัวเดียวก็แทบแย่ นี่ต้องเป็นทาสแมวถึงสองตัว ไม่มีวันซะหรอก! และเดี๋ยวนะ รถหรูของเขามันควรมีประกันชั้น 1 ไม่ใช่หรือ ยังไงก็เคลมกับประกันได้อยู่แล้ว ถึงเธอจะเป็นฝ่ายผิดที่ดูแลแมวไม่ดี แต่ต้องจ่ายค่าความเสียหายหนักขนาดนี้เชียวหรือ
ชาร์ลล์สยกมือขึ้นมาลูบหน้า พลางมองไปข้างหน้า “ดูสีหน้าคุณ เหมือนจะมีปัญหากับข้อเสนอของผม”
นาราเหลือบตามองเขาทีหนึ่ง พลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างติดขัด เมื่อชาร์ลส์ย่างสามขุมเข้าหาเธอจนแทบประชิดตัว
ดวงตาคมเข้มไหววูบขณะจ้องหน้าเธอ ก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ว่าไง มีปัญหาอะไร ก็บอกมาสิ”
นาราส่งสียงอึกอักออกมา ขณะที่พยายามถอยห่างจากเขา ยิ่งเขาขยับมาใกล้ บรรยากาศรอบๆ ตัวดูจะร้อนขึ้นกว่าเก่า “ไม่มีข้อเสนออื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอคะ”
ชาร์ลส์ใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้ม มองนาราอย่างใช้ความคิด“นี่เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้ว ยกเว้นว่าคุณจะให้ผมปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับคุณป้าทองอยู่ เพื่อหาทางออกร่วมกัน”
ชาร์ลส์ถามย้ำ แล้วประสานสายตากับเธออย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ยังกับรู้จุดอ่อนว่านารากลัวการถูกแม่บ่นแบบนอนสต๊อปเป็นที่สุด คนดวงซวยประจำวันจึงส่ายหน้าหวือ
“งั้นฉันตกลงจะทำงานกับคุณล้างหนี้ ฉันรับข้อเสนอของคุณก็ได้ แต่เรื่องนี้ห้ามเข้าหูแม่” แต่...เอ๊ะ! ท่าทางเขาเหมือนรู้จักมารดาของเธอดี “คุณพูดเหมือนเคยคุยกับแม่ฉันบ่อย” ถามแล้วขมวดคิ้ว จ้องหน้าเขาจับพิรุธ
“ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ รู้จักกับคุณป้าทองอยู่ได้ไม่นาน แต่คุยถูกคอกันดี”
“อะไรนะ!”
เจ้าของร่างสูงยิ้มร้าย “ถ้าไม่คุยกันถูกคอ คุณป้าทองอยู่ คงไม่โทร.มาบอกผมว่า ท่านทำข้าวต้มมัดเอาว้ จะฝากลูกสาวเอามาให้ผมช่วยชิม แต่ดูเหมือนผมจะไม่เห็นเลยสักมัด”
นาราไม่กล้าบอกว่าตนเองส่งสิ่งที่เขาพูดไปอยู่ในท้องแล้วบางส่วน ที่เหลือก็แบ่งให้หมอบัวกับคุณจาคอบเอาไปช่วยชิม ใครจะไปคิดว่าเพื่อนบ้านคนใหม่ของเธอจะเป็นเขา คนอะไรเขี้ยวชะมัด
“ก็ได้ ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ ฉันจะเป็นเลขาฯ และทาสแมวของคุณจนกว่าจะใช้หนี้หมด แต่เรื่องนี้ สัญญาก่อนสิ”
“ตกลง ผมสัญญา และเพื่อความสบายใจของคุณ จะให้ผมร่างสัญญาระหว่างเราด้วยก็ได้นะ”
นาราถอนหายใจเบาๆ “ไม่ต้องก็ได้ แค่สัญญาปากเปล่ากันก็พอ บอสคงไม่ผิดคำพูดใช่ไหม ทำงานใช้หนี้คุณครบเมื่อไหร่ ฉันจะพ้นความเป็นเลขาและทาสแมวของคุณ”
“อืม ผมตกลง แบบนั้นก็ได้ ดีเหมือนกัน”
ร่างสูงกว่าเธอมากมองคนตัวเล็กพลางยิ้มมุมปาก หญิงสาวเงยมองรอยยิ้มแปลกๆ ของเขาอย่างสงสัย และไม่นาน ใบหน้าหวานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเขาก้มลงมาทำสัญญาปากเปล่าด้วยการครอบครองริมฝีปากอิ่มนุ่ม แล้วบดจูบเบาๆ เสียงสาวน้อยครางยาวออกมาด้วยความตกใจ
“ปล่อยนะ...คุณทำอะไร”
ชายหนุ่มหรี่ตามอง ยอมถอนริมฝีปากอุ่นร้อนออกมาอย่างแสนเสียดาย “ก็สัญญาปากเปล่าของเราสองคนไง”
“คนบ้า! นี่เขาเรียกว่าขโมยจูบต่างหาก”
เห็นสีหน้าของว่าที่ทาสสาว มองเขาเหมือนอยากจะร้องไห้ ช่างเหมือนครั้งนั้นไม่มีผิด วันที่เธอกล่าวหาว่าเขาเดินเข้าไปขอซื้อบริการกับนักศึกษาฝึกงานอย่างเธอกลางวันแสกๆ แล้วกลับมาพบความจริงในบ่ายวันเดียวกัน
1 ปี 6 เดือนก่อนหน้านี้
“นาราจ๊ะ วันนี้ บอสของเราเข้าบริษัทนะ พี่ต้องการให้นักศึกษาฝึกงาน เข้าไปแนะนำตัวกับท่าน รีบเข้าไปสิ บอสรออยู่ในห้อง”
“ค่ะ พี่พัชชา”
นาราตอบรับอย่างว่าง่าย พอพี่พัชชาเดินไปแล้ว หญิงสาวไล่สำรวจชุดนักศึกษาที่สวมอยู่ กระโปรงสั้นเสมอเข่าทรงเอเข้ารูปตรงช่วงเอว เผยให้เห็นเอวบางคอดกิ่ว ผมสีดำขลับถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าติดโบว์สีดำเข้ากับสีของรองเท้าส้นสูง กำลังยืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง
นารารีบตรงไปที่ห้องของท่านประทานตามคำสั่ง เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้พบท่านประธาน แม้จะเข้ามาฝึกงานเกือบสองสัปดาห์ แล้วมักจะได้ยินชื่อ ‘ชาร์ลส์ สราวิน เฮอร์นันเดส’ เข้าหูตลอด ไม่ว่าเรื่องความหล่อ ความสามารถของท่านประธานหนุ่มไฟแรงผู้นี้ ที่ทำให้ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทมีผลกำไรมากพอจะจ่ายโบนัสให้กับพนักงานถึง 6 เดือน นาราก็ยิ่งเพิ่มความอยากพบ อยากเห็นว่าคนเก่งมากความสามารถ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุไม่มาก หน้าตาเป็นยังไง
ทว่า รองเท้าคัชชูส้นสูงสีดำที่มารดาเพิ่งถอยให้ใหม่ตอนมาฝึกงานก็เกิดพลิกขึ้นตอนที่เธอรีบเดินไปถึงหน้าห้องท่านประธาน ทำให้ขาคู่เรียวเกี่ยวกันสะดุดล้ม แล้วมีวงแขนแกร่งของชายหนุ่มคว้าเอวบางจากทางด้านหลังไว้ได้ทันก่อนที่เธอล้มหน้าคะมำไปไม่เป็นท่า
“โอ๊ย...ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเพราะคิดว่าเป็นพี่ในบริษัทคนใดคนหนึ่งช่วยเธอเอาไว้ แต่พอหันหน้ากลับมาก็พบกับสายตาคมเข้มบนใบหน้าของชาวต่างชาติหล่อเหลาเต็มสิบไม่หัก ดวงตากลมโตก็จ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างตกตะลึง และประหลาดใจว่าคนที่คว้าร่างของเธอไว้คือ...