บทที่ 11: อ่อนไหวในรัก
อาร์นหลังจากที่ได้เห็นการเสียชีวิตอย่างอนาถของคาเลนและการแสดงออกถึงความรู้สึกของมีนา
หัวใจของอาร์นเต็มไปด้วยความรู้สึกตกต่ำย่ำแย่แทบเข่าทรุด เขาไม่เคยคิดหรือคิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างมีนาและคาเลนจะมีความลึกซึ้งถึงเพียงนี้
เพราะความเศร้าจมปลักและความหึงหวงเป็นโคลนลึกทำให้เขารู้สึกจมดิ่งลงสู่หุบเหวและเหมือนถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย
เมื่อมีนาแสดงความสงสารและเห็นใจคาเลนอย่างเปิดเผย ความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของอาร์นก็คือ “เธอยังรักคาเลนอยู่หรือ?” แสดงว่าความรักที่ตัวเขามีให้กับมีนามาตลอดนั้นได้กลายเป็นความรู้สึกถูกปฏิเสธเสียสิ้น
อาร์นวิ่งถลันออกจากถ้ำ เขาวิ่งผ่านป่าอย่างไม่สนใจทิศทางหรือความปลอดภัยใดๆ จนกระหืดกระหอบมาถึงริมฝั่งแม่น้ำที่เขาเคยมานั่งกับมีนาในวันที่พวกเขาเคยมีความสุขร่วมกัน
ก้อนหินใหญ่ที่ตั้งตระหง่านริมฝั่งน้ำเหมือนเป็นจุดนัดพบของความทรงจำ แต่วันนี้มันกลับเป็นสถานที่ที่เขาเลือกให้เป็นสุสานความเศร้า
เขาปีนขึ้นไปยืนบนก้อนหิน มองลงไปที่สายน้ำที่ไหลเชี่ยว มันสะท้อนถึงความวุ่นวายและความสับสนในจิตใจของเขา
น้ำเย็นใสกระทบกับก้อนหินเบื้องล่าง ทำให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะที่คล้ายกับเสียงเต้นของหัวใจที่ปวดระบมของอาร์น
“ทำไมทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้?”
อาร์นกัดฟันกระซิบกับตัวเอง เขานึกถึงเวลาที่เขาเคยมีความสุขกับมีนา แต่ภาพของคาเลนก็แทรกปนเข้ามาทำให้ความรักที่เขามีอยู่นั้นรู้สึกสั่นคลอนโคลงเคลง เขารู้สึกเหมือนถูกทรยศ แม้ว่ามีนาจะไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขาก็ตาม
ความคิดปวดร้าวที่ท่วมท้นทำให้อาร์นก้าวขยับไปยืนบนขอบก้อนหินหมิ่นเหม่ เขาทอดสายตามองลงไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวด้วยความรู้สึกสับสน ความคิดหนึ่งแทรกเข้ามาในจิตใจของเขา
ถ้าเขาหายสาปสูญไปจากโลก บางทีความทุกข์ที่เขาเผชิญอยู่นี้ก็จะสิ้นสุดลงทันที
“ถ้าเธอไม่ต้องการข้า… ข้าจะไปจากที่นี่” อาร์นพูดกับตัวเอง น้ำตาของเขาไหลลงอาบแก้ม ความน้อยใจและความเจ็บปวดในหัวใจดูเหมือนจะไม่มีทางออกที่ดีไปกว่านี้
ขณะที่เขาเหม่อมองสายน้ำและคิดถึงการกระโดดพุ่งลงไป เสียงลมพัดผ่านและน้ำกระทบหินดังก้องในหัวของเขา ความคิดสั้น ๆ นั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวสำหรับความเจ็บปวดที่เขารู้สึกในตอนนี้
แต่ในชั่วขณะนั้น เสียงของความรักที่แท้จริงซึ่งเขามีต่อมีนาเริ่มแทรกเข้ามาในจิตใจของเขา ความทรงจำที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน และความหวังที่จะได้อยู่เคียงข้างเธออีกครั้งทำให้อาร์นลังเล
เขาก้มลงไปมองสายน้ำอีกครั้ง ความคิดที่จะสิ้นสุดทุกอย่างด้วยการกระโดดเริ่มจางลง แต่อารมณ์ของเขายังไม่มั่นคง หัวใจยังคงเจ็บปวดอย่างหนัก
อาร์นกำลังเผชิญหน้ากับความสิ้นสูญในชีวิตอย่างสาหัส อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความท้อแท้ เหม่อมองน้ำด้านล่างซึ่งไหลเชี่ยวกราก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและหมดหวัง
ภาพความทรงจำของมีนาโผล่เข้ามาในใจ ภาพของเธอขณะที่เธอแสดงความเห็นใจและเศร้าโศกต่อร่างไร้วิญญาณของคาเลน ความเจ็บปวดในดวงตาของมีนานั้นไม่ใช่เพียงความเศร้าเพราะการจากไปของใครคนหนึ่ง แต่ยังเป็นความสำนึกในความเปราะบางของชีวิต การแสดงออกของเธอที่เต็มไปด้วยความเห็นใจในช่วงเวลานั้นกลับเสียดแทงในหัวใจของอาร์นหนักหน่วงเกินกว่าจะรับมือไหว
ในขณะเดียวกัน ความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขาเองที่เคยอยู่เคียงข้างมีนาก็โผล่เข้ามาในใจ เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขารู้สึกอุ่นใจและมีความสุขเพียงแค่ได้อยู่ข้างเธอ เสียงหัวเราะที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาลืมความทุกข์ ทุกอย่างค่อยๆ ฉายชัดในใจเขา และเขารู้สึกว่าความสุขนั้นมีค่าอย่างไร
อาร์นรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาเห็นค่าของการมีชีวิต เขาค่อยๆ ก้าวถอยออกจากขอบผา หัวใจของเขาเต้นช้าๆ พร้อมกับความคิดที่เปลี่ยนไป “ฉันยังมีชีวิตอยู่… และชีวิตนี้ยังมีสิ่งที่มีความหมายสำหรับฉัน”
ในจังหวะที่เขาก้าวถอยออกจากขอบหิน มีนาที่วิ่งตามมาเรียกชื่อของเขาด้วยความเป็นห่วง
“อาร์น!ฉันไม่เชื่อว่านั่นคือความคิดของเจ้าจริงๆที่คิดสั้นแบบนั้น”
เสียงของเธอทำให้อาร์นหยุดและหันกลับไปมอง มีนายืนอยู่ที่ฝั่ง ตาเธอเต็มไปด้วยน้ำตาและความกลัว เธอเข้าใจว่าอาร์นกำลังเจ็บปวดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาเลน และเธอรู้สึกผิดที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้
“ข้าไม่ได้รักคาเลนอย่างที่เจ้าคิดแล้วเข้าใจไปเอง” มีนาพูดทั้งน้ำตา “ข้าสงสารเขา… ข้าแค่เสียใจที่เขาต้องจบชีวิตด้วยวิธีนี้ แต่ความรักของข้าอยู่กับ อาร์นซึ่งเป็นคนที่ข้าเลือก”
อาร์นยืนเงียบ สับสนกับสิ่งที่มีนาพูด แต่คำพูดของเธอเริ่มเบาลงในใจเขา ความน้อยใจและความสับสนค่อย ๆ คลี่คลายลงเมื่อเขาเริ่มเข้าใจว่ามีนาไม่ได้ละทิ้งเขา
เขาก้าวลงจากก้อนหินและเดินกลับมาหามีนา หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่มั่นคงเริ่มเบาบางลง แต่ความรักที่มีต่อมีนากลับเข้มแข็งขึ้น
“ข้าขอโทษที่คิดมากไป มีนา”
อาร์นพูดเบา ๆ ขณะที่เขาโผเข้ากอดมีนาไว้แน่น ความรักของพวกเขากลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้ง
ในขณะที่สายธารจากยอดเขาไกลโพ้นยังคงหลั่งไหลเจื้อยแจ้ว
เสมือนมนต์เพลงชีวิตที่ไร้จุดจบ
****