นาราภัทรพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะรับคำ ทำให้นิลนาราลอบยิ้มอยู่ในใจ “นาราจะช่วยพี่เพิร์ลเองค่ะ จะให้นาราทำยังไง พี่เพิร์ลบอกนารามาสิคะ”
นิลนาราเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารสีขาวซึ่งปิดผนึกเรียบร้อย ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา จากนั้นก็ยื่นให้น้องสาว
“พี่เขียนจดหมายถึงริคคาร์โด้ เล่าถึงความจำเป็นที่พี่ไม่สามารถทำตามที่เขาต้องการได้ พี่อยากให้นาราเอาจดหมายและแหวนหมั้นวงนี้ไปคืนให้กับริคคาร์โด้ด้วย”
ทั้งจดหมายและแหวนเพชรวงงามถูกยัดเข้ามาในมือของนาราภัทร เท่านั้นยังไม่พอ ผู้เป็นพี่สาวยังสวมกอดน้องสาวไว้แน่น ขณะเอ่ยบอกต่อให้นาราภัทรต้องตกใจอีกครั้ง
“นาราต้องบินไปอิตาลีพรุ่งนี้ เครื่องออกตอนห้าทุ่มนะจ้ะ”
นาราภัทรดันตัวพี่สาวออกห่าง พร้อมกับถามเสียงหลง “อะไรนะคะ ไปอิตาลีพรุ่งนี้?”
“ใช่จ้ะ นาราต้องไปอิตาลีพรุ่งนี้” นิลนาราย้ำคำอีกครั้ง
“จะไปได้ยังไงคะ นารายังไม่มีตั๋วเครื่องบินเลยนะคะ”
นาราภัทรค้านออกมา โดยไม่รู้เลยว่าพี่สาวเตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“พี่จองตั๋วเครื่องบินไว้ให้นาราแล้วจ้ะ และพี่รู้ด้วยว่าวีซ่ากับพาสปอร์ตของนารายังไม่หมดอายุ นาราสามารถบินไปอิตาลีในวันพรุ่งนี้ได้เลยจ้ะ”
นิลนารารู้ว่าน้องสาวต้องหาเหตุผลมาอ้าง เธอจึงรีบดักคอน้องสาวไว้ทุกทิศทาง
ยังไงๆ ก็ต้องให้น้องสาวเป็นตัวแทนนำจดหมายฉบับนี้ ไปส่งถึงมือของดอนริคคาร์โด้ให้จงได้
พอถูกนิลนาราดักทางไว้หมดแล้ว นาราภัทรก็ได้แต่อ้ำอึ้ง เอ่ยบอกเหตุผลกับพี่สาวไม่เต็มเสียงนัก
“แต่...แต่...นารามีสอนนะคะพี่เพิร์ล”
“ก็ลากิจสิจ้ะ นาราสอนโรงเรียนเอกชน สามารถลางานได้ง่ายจะตายไป ยังไงๆ ทางโรงเรียนก็หาครูคนอื่นมาสอนแทนได้อยู่แล้ว”
“แต่...แต่...”
นาราภัทรเริ่มรู้สึกไม่อยากทำตามที่รับปากกับพี่สาว เพราะในตอนแรกเธอไม่นึกว่าจะต้องช่วยพี่สาวด้วยวิธีนี้ และไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าต้องเดินทางไปยังดินแดนอัซซูรีในวันพรุ่งนี้
เมื่อน้องสาวเกิดอาการลังเล ทำท่าจะปฏิเสธในการส่งจดหมาย นิลนาราจึงงัดไพ่ใบสุดท้ายมาใช้ ซึ่งเธอเชื่อว่าจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน
“ถ้านาราลำบากใจ ไม่อยากช่วยพี่ก็ไม่เป็นไร พี่จะหอบลูกในท้องทนนั่งบนเครื่องบินแคบๆ บินไปอีกซีกโลกเพื่อไปหาริคคาโด้ร์เอง แม้จะแพ้ท้องมากแค่ไหนพี่ก็ยอมทำ เพราะพี่ไม่ยอมตกเป็นเมียน้อยของเขาอย่างแน่นอน”
ขณะคร่ำครวญบอกน้องสาวเสียงสั่นเครือ มือเล็กก็เอื้อมไปคว้าซองจดหมายกับแหวนเพชรคืนมาจากน้องสาว ทว่านาราภัทรรีบดึงมือหนีเสียก่อน
“ก็ได้ค่ะ นาราจะไปอิตาลีเอง พี่เพิร์ลไม่ต้องไปหรอก กำลังแพ้ท้องอยู่ด้วย เดินทางไกลคนเดียวจะเป็นอันตรายได้”
ประโยคนั้นทำเอานิลนาราคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ โผเข้าไปสวมกอดน้องสาวไว้แน่น โดยไม่ลืมรำพันขอบคุณน้องสาวด้วย
“ขอบใจนารามากนะจ้ะ ที่ยอมทำเพื่อพี่ ถ้าไม่มีนารา พี่ต้องตายแน่ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อพี่เพิร์ล นาราทำได้ทุกอย่างค่ะ” นาราภัทรสวมกอดพี่สาวไว้แน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดันตัวออกช้าๆ
“นาราขอไปเตรียมเอกสารการเดินทาง และก็จัดกระเป๋าก่อนนะคะ”
“ให้พี่ไปช่วยจัดกระเป๋าไหมจ๊ะ”
นิลนาราอาสาช่วยน้องสาว ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ดีเพราะมีคนทำหน้าที่ส่งจดหมายให้กับตนแล้ว
นาราภัทรลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกคะ นาราจัดกระเป๋าเองได้ พี่เพิร์ลไปพักผ่อนเถอะนะค่ะ พี่เพิร์ลยังดูเพลียๆ อยู่เลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปมองทาง
มารดา พร้อมกับบอกท่านอีกคน
“คุณแม่ก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของพี่เพิร์ลนะคะ นาราจะเป็นคนแก้ไขสถานการณ์นี้เองค่ะ”
“จ้ะลูก” คุณกุลธรารับคำ โดยไม่ได้มองสบตากับลูกสาวคนเล็ก
“นาราขอตัวก่อนนะคะ”
นาราภัทรยิ้มให้มารดาและพี่สาวอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าคล้อยหลังเธอไปแล้ว ผู้เป็นมารดากับพี่สาวต่างก็จับมือกันคลี่ยิ้มด้วยความดีใจเมื่อแผนการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“นารายอมไปอิตาลีแล้ว เพิร์ลดีใจจังเลยค่ะคุณแม่ ตอนนี้เพิร์ลได้แต่ภาวนาให้ดอนริคคาร์โด้รับแหวนคืนและยกเลิกการหมั้นระหว่างเราสองคน”
“เมื่อนาราไปถึงบ้านของดอนริคคาร์โด้แล้ว เพิร์ลจะถามข่าวคราวของมาคอส
จากน้องไหม”
นิลนาราถึงกับนิ่งเงียบไปหลายนาที ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ค่ะ เพิร์ลไม่อยากรู้ เพิร์ลไม่อยากรับรู้ถึงชีวิตของเขา แต่เพิร์ลมั่นใจว่าป่านนี้เขาคงแต่งงานและมีลูกน้อยให้เชยชม เขากำลังมีความสุขกับครอบครัวของเขา และเพิร์ลก็ควรยินดีกับเขาด้วยใช่ไหมคะ คุณแม่”
กุลธรายกมือลูบเบาๆ ไปบนศีรษะของลูกสาว ก่อนจะดึงร่างบางให้ซบกับอกอันแสนอบอุ่น ขณะเอ่ยปลอบไปว่า
“แม่รู้ว่าการมีความรักแค่เพียงฝ่ายเดียว มันทำให้เราเจ็บปวดเสียใจมาก แต่ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นเครื่องจรรโลงใจของมนุษย์ทุกคน แม่ไม่อยากให้เพิร์ลปิดกั้นหัวใจของตัวเอง หากมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต แม่ก็อยากให้เพิร์ลลองเปิดใจกับความรักอีกสักครั้ง”
“ค่ะ คุณแม่ เพิร์ลจะไม่ปิดกั้นหัวใจของตนเอง แต่ตอนนี้เพิร์ลไม่มีใคร เพิร์ลอยากรักษาบาดแผลในหัวใจให้สมานซะก่อน และคงต้องใช้เวลานานกว่าแผลนั้นจะหายดี”
นิลนาราซบหน้าลงกับอกของมารดา แน่นอนว่าต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าเธอจะลืมมาคอสได้ หรืออาจลืมไม่ได้เลยตลอดทั้งชีวิตก็เป็นได้...