“และดอนริคคาร์โด้ก็ยอมทำตามที่เพิร์ลขอร้อง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยคาดเดา
“ค่ะ คุณแม่ ดอนริคคาร์โด้ยอมทำตามคำขอร้องของเพิร์ล” นิลนาราเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา
“ทำไมดอนริคคาร์โด้ยอมล่ะลูก แม่มั่นใจว่าดอนไม่ได้รักเพิร์ล แต่ทำไมเขาถึงยอมผูกมัดกับเพิร์ลด้วยการหมั้นหมาย”
กุลธราเต็มไปด้วยความสงสัย นึกไม่ออกว่าทำไมมาเฟียผู้นี้ ต้องยอมผูกมัดกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักด้วย
“เพิร์ลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดอนริคคาร์โด้ถึงยอมหมั้นกับเพิร์ล เราหมั้นกันในวันรุ่งขึ้นซึ่งดอนมีคำสั่งให้คุณมาคอสอยู่เป็นสักขีพยานในงานหมั้นของเราด้วยค่ะ”
“แล้วมาคอสเขามีปฏิกิริยายังไงบ้างในวันหมั้นของหนู”
“เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ยินดียินร้าย สีหน้าและแววตาของเขาเรียบเฉย พอหมั้นเสร็จแล้วเขาก็เข้ามากอดพี่ชายของเขา ก่อนจะหายตัวไปเกือบสองสัปดาห์เพิร์ลจึงได้พบเขาอีกครั้งในมหาวิทยาลัยค่ะ” นิลนาราเอ่ยบอกเสียงเศร้า ก่อนจะเล่าให้มารดาฟังต่อ
“หลังจากเพิร์ลหมั้นกับดอนริคคาร์โด้แล้ว มาคอสไม่เคยพูดกับเพิร์ลอีกเลย แต่เพิร์ลก็แอบเฝ้าติดตามข่าวคราวของเขา และรู้ว่าเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กระทั่งต่างคนต่างก็เรียนจบ เพิร์ลกลับประเทศไทย ดอนริคคาร์โด้และมาคอสกลับบ้านของพวกเขาที่อยู่บนเกาะซิซิลีค่ะ”
“เพิร์ลกำลังเป็นทุกข์กับการหมั้นใช่ไหมลูก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยแทงใจดำ และนิลนาราก็พยักหน้ารับเศร้าๆ
“ค่ะ...คุณแม่ เพิร์ลเพิ่งรู้ว่าตัวเองทำเรื่องโง่ๆ ลงไปด้วยการขอให้ดอนริคคาร์โด้หมั้นกับเพิร์ลเพื่อเป็นการประชดมาคอส และตอนนี้เพิร์ลก็กำลังเป็นทุกข์ไม่สบายใจกับพันธะที่เพิร์ลสร้างขึ้นมา เพิร์ลไม่อยากให้ดอนต้องติดอยู่ในพันธะของเพิร์ลตลอดไป”
“แล้วเพิร์ลจะทำยังไงล่ะลูก”
“เพิร์ลอยากคืนแหวนให้กับดอน ขอยกเลิกการหมั้น และคืนอิสระให้กับดอนริคคาร์โด้ค่ะ”
“เพิร์ลจะไปอิตาลี ไปหาดอนริคคาร์โด้ที่เกาะซิซิลีหรือลูก”
นิลนาราส่ายหน้าปฏิเสธกับคำถาม “ไม่ค่ะ คุณแม่ เพิร์ลไม่กล้าไปค่ะ”
“เพิร์ลกลัวการเผชิญหน้ากับมาคอส” มารดาเอ่ยออกมาได้อย่างถูกต้องราวกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกสาว
“ค่ะ เพิร์ลกลัวการไปเห็นครอบครัวของมาคอส แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่เพิร์ลก็ไม่พร้อมสำหรับการเจอภรรยาหรือลูกๆ ของเขา...”
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบนอกจากจะเศร้าสร้อยแล้วยังติดสั่นเครือจนผู้เป็นมารดาต้องถอนหายใจยาวด้วยความสงสาร
“แล้วเพิร์ลจะทำยังไงลูก จะทิ้งให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้ก็คงไม่ได้ ถ้าจะให้แม่ไปอิตาลีแทนเพิร์ลก็คงไม่ไหว แม่ไม่ชอบนั่งเครื่องบินไกลบินเป็นสิบๆ ชั่วโมง”
“เราจะทำยังไงดีคะ เพิร์ลไม่อยากให้ดอนริคคาร์โด้ต้องมีพันธะกับเพิร์ล เพราะเพิร์ลรู้ว่าดอนจะแต่งงานกับใครไม่ได้จนกว่าเขาจะถอนหมั้นกับเพิร์ลซะก่อน”
“ถ้าเพิร์ลไม่กล้าไปเกาะซิซิลี ถ้ายังงั้นให้นาราไปแทนดีไหมลูก”
กุลธรากำลังพูดถึง นารา หรือนาราภัทรลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเป็นครูสอนนักเรียนชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นิลนาราเบิกตาโตกับคำแนะนำของมารดา “จริงสิ ให้นาราไปทำธุระเรื่องนี้ให้ เดี๋ยวเพิร์ลจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้นาราเอง”
“เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วเครื่องบินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาอยู่ที่ว่านาราจะยอมไปหรือเปล่า”
เจอคำพูดของมารดาเข้า ทำเอานิลนาราต้องพยักหน้ารับ มีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันที
“จริงด้วยค่ะ ทำยังไงนาราถึงจะยอมไปอิตาลี ถ้าเพิร์ลจะสร้างเรื่องมาหลอกนารา คุณแม่คิดว่าเพิร์ลใจร้ายและเห็นแก่ตัวเกินไปไหมคะ และถ้านารารู้ความจริง น้องจะโกรธเพิร์ลหรือเปล่า”
มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เพราะใช่ว่าจะรู้สึกดีหากให้น้องสาวเป็นผู้ตามแก้
ปัญหาที่ตนได้ก่อไว้
“ไม่หรอกลูก เพิร์ลอย่าคิดแบบนั้น พี่น้องกัน เมื่อใครคนใดคนหนึ่งเดือดร้อน อีกคนก็ต้องช่วยเหลือ ซึ่งแม่มั่นใจว่าหากนารามีเรื่องเดือดร้อนให้เพิร์ลช่วย เพิร์ลก็พร้อมช่วยน้องในทันทีเช่นเดียวกัน”
คำพูดอันมีเหตุผลของมารดาช่วยให้นิลนารารู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนจะฟังมารดาแนะนำต่อ
“แต่เราคงบอกความจริงกับนาราไม่ได้ ต้องสร้างสถานการณ์มาหลอกนาราเพื่อให้นารายอมไปอิตาลี”
“สร้างสถานการณ์แบบไหนดีคะ คุณแม่ เพิร์ลยอมรับว่าตอนนี้เพิร์ลคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ค่ะ”
ใช่! เธอกำลังมืดแปดด้านกับปัญหาอันใหญ่โตในครั้งนี้
ผู้เป็นมารดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยออกมา “ถ้ายังงั้นเพิร์ลทำตามแผนของแม่ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วก็เอ่ยบอกแผนการให้ลูกสาวทราบพร้อมกับซักซ้อมคำพูดไว้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกสาวคนเล็ก
และหลังจากวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว กุลธราก็เอ่ยบอกกับลูกสาวว่า “เพิร์ลส่งข้อความไปหานารานะ นาราจะได้กลับบ้านในวันนี้เลย”
“ได้ค่ะ คุณแม่”
นิลนารารีบทำตามคำแนะนำของมารดา ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของนาราภัทรให้น้องสาวกลับบ้านในวันนี้
ซึ่งปกติแล้วนาราภัทรจะกลับบ้านในทุกเย็นวันศุกร์ ก่อนจะกลับไปสอนนักเรียนในเช้าวันจันทร์ซึ่งหญิงสาวทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
เมื่อพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์มือถือแล้ว นิลนาราก็กดส่งหาน้องสาวโดยมีใจความสั้นๆ เพื่อสร้างความสงสัยให้กับน้องสาวว่า
‘เลิกงานแล้ว กลับบ้านด่วน!’