“ท่านระบุไว้แบบนี้ครับ ท่านดำรงสนิทสนมกับคุณอันเดรเป็นอย่างดีเพราะทำธุรกิจด้วยกันมาหลายปี อีกอย่างครอบครัวของคุณก็ได้ไปไม่น้อยนะครับ” ทนายปรีดากล่าว
พระพายก้มหน้าลงหลบสายตาและอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวของคุณลุงคุณป้า อันเดรเลื่อนมองไปที่เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน รู้สึกสงสารเธอที่ต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางผู้ที่หวังจะฉกฉวยผลประโยชน์ไปจากตัวเธอ มันทำให้เขาอยากจะพาเธอออกไปจากที่นี่ไว ๆ
“ท่านไว้ใจฝากบริษัทไว้กับคุณแล้วนะครับคุณปัญญา แต่ถ้าเป็นเรื่องของคุณหนูพระพายต้องเป็นคุณอันเดรเท่านั้น!” ทนายปรีดายังคงเอ่ยต่อไปอย่างใจเย็น แม้ในใจเขาจะเริ่มภาวนาให้เหตุการณ์นี้จบสิ้นลงสักทีได้แล้ว จึงตัดบทด้วยการเลื่อนเอกสารออกไป “ขอให้ทุกท่านเซ็นเอกสารด้วยครับ”
“ผมอยากทำเรื่องคัดค้านการดูแลมรดกของพระพาย” นายปัญญายังไม่ยอมลดละ ถึงผลตอบแทนจากการเป็นประธานจะสูง แต่อย่างไรก็เทียบไม่ได้กับที่พระพายได้รับไป เขาได้ถือหุ้นในบริษัทเพียงแค่ยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่พระพายกลับได้ไปถึงสี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมาจากในส่วนของดำรงและปราบพ่อแท้ ๆ ที่ล่วงลับไปแล้วของเธอ ทำให้ตอนนี้เด็กสาวกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ปัญญาไม่อาจทำใจยอมรับได้ มันควรจะเป็นของเขาซึ่งเป็นผู้นั่งแท่นผู้บริหารสิ!
“คุณจะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ในเมื่อพินัยกรรมของท่านระบุมาแบบนี้ ผมว่าคุณอย่าเสียเวลาเลยจะดีกว่า คุณได้ตำแหน่งสูงสุดในบริษัทไปแล้ว ผมว่าคุณควรเอาเวลาไปบริหารบริษัทให้มันเติบโตขึ้นจะดีกว่านะครับ” ทนายปรีดาเอ่ยขึ้นมา ขณะที่อันเดรหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางจ้องมองนายปัญญาด้วยดวงตาสีน้ำเงินเยือกเย็น จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น
“ถ้าคุณอยากเป็นผู้ดูแลมรดกของพระพายขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ทำเรื่องนี้ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนล่ะ!” คำพูดของเขาตอกหน้านายปัญญาจนผงะอึ้ง หากแต่เขายังคงเอ่ยต่ออย่างเย็นชา “พวกคุณเองไม่ใช่เหรอที่ผลักไสพระพายออกจากการดูแลในวันที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลงน่ะ แต่พอเธอได้มรดกสูงสุดก็เรียกร้องสิทธิ์ขึ้นมาทันทีเลยนะ อย่าทำตัวหน้าไม่อายขนาดนั้นเลย”
“พินัยกรรมปลอมแน่เลย” แสงจันทร์ภรรยาของปัญญาอดไม่ได้จึงโพล่งขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
“หยุดกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้นะครับคุณแสงจันทร์ ผมสามารถฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้นะครับ” ทนายปรีดากล่าว จากนั้นจึงส่งเอกสารให้ทุกคน “รบกวนคุณอันเดรกับคุณพระพายเซ็นรับทราบตรงนี้ด้วยครับ ส่วนคุณปัญญาเซ็นตรงนี้ครับ เอกสารพวกนี้จะมีผลทางกฎหมายทันทีครับ”
อันเดรเซ็นในส่วนของตัวเองจากนั้นก็ยื่นไปให้พระพายเซ็นต่อ ส่วนทางด้านของปัญญานั้นเซ็นเอกสารอย่างไม่พอใจ
“เรื่องบริษัทผมจะให้ทีมบริหารเข้าไปดูแลในส่วนของพระพายจนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง” อันเดรเอ่ยขึ้นมา
“คุณคงสะใจมากละสิที่เห็นคุณพ่อไว้ใจคุณมากขนาดนี้ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าบางทีคุณอาจจะหวังอะไรจากสมบัติของคนตายหรือเปล่า” แสงจันทร์พูดออกไปด้วยความโกรธอย่างไม่ไว้หน้าอันเดร เขาจ้องหน้าเธอพร้อมทั้งเอ่ยเสียงกร้าวออกมาอย่างไม่พอใจที่โดนปรักปรำ
“ระวังคำพูดคุณด้วยนะครับคุณแสงจันทร์”
“ทำไมฉันต้องระวังด้วย เด็กอย่างคุณจะทำอะไรได้มากแค่ไหนกันเชียว หรือจริง ๆ แล้วคุณหวังอะไรอยู่กันแน่ ทรัพย์สมบัติที่หนูพายได้ไปมีมูลค่ามหาศาลนะ” แสงจันทร์จ้องหน้าอันเดรพลางกำมือแน่น แววตาอาฆาตของเธอเปิดเผยออกมา
อันเดรยกมุมปากขึ้นคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาที่มองไปที่แสงจันทร์ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ผมจะบอกอะไรให้นะครับว่าแค่นี้ยังไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมมีด้วยซ้ำ ผมไม่ใช่แค่รวยแต่โคตรอภิมหารวยครับ ผมรวยมาตั้งแต่เกิด แล้วผมจะเอาของเธอไปทำไมล่ะครับ ถ้าว่างมากก็ช่วยหาประวัติผมมาอ่านบ้างนะครับ เผื่อจะทำให้คุณรู้จักผมดีขึ้น หรือที่ท่านดำรงประสบอุบัติเหตุมันไม่ใช่อุบัติเหตุกันแน่นะ… ผมขอตัวก่อนนะครับคุณปรีดา ถ้ามีอะไรติดต่อผู้ช่วยส่วนตัวผมได้เลย นี่นามบัตรผมครับ หนูพายกลับบ้านเรากันเถอะ” อันเดรลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งดึงพระพายให้ลุกขึ้นมาด้วย เขากุมมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
“แล้วหนูพายไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้เหรอครับ” ทนายปรีดาถามขึ้นก่อนที่อันเดรจะเดินจูงเธอออกไป
“ไม่ครับ หนูพายจะไปอยู่ที่คฤหาสน์ของผม เพราะที่นั่นเธอจะปลอดภัยมากกว่า” อันเดรพูดพลางตวัดสายตามองไปทางปัญญาอย่างไม่สนใจ จากนั้นก็หันหลังให้กับสายตาโกรธขึ้งของเขาและสายตาชิงชังของนางแสงจันทร์ รวมไปถึงสายตาร้อนแรงที่ส่งมาให้อย่างมีความหมายจากอิงดาว
อิงดาวขยุ้มกระโปรงสั้นสีดำของตนเองพลางมองแผ่นหลังบางและเรือนผมสั้นประบ่าของพระพายด้วยความริษยา ยัยเด็กกะโปโลนั่นได้ทั้งทรัพย์สมบัติและความใส่ใจจากชายหนุ่มรูปงามที่เธอหมายปอง…
พลันวินาทีต่อมาอิงดาวก็แสยะยิ้ม… เมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าอะไรที่เป็นของพระพาย เธอจะแย่งมาให้หมด!
พระพายยกมือไหว้ทุกคนก่อนจะเดินตามแรงจูงของอันเดรออกไป เมื่อเดินห่างออกมาจากสายตาของทุกคนแล้วอันเดรก็บอกกับเธอด้วยน้ำเสียงห่วงใย พลางกอดเธอไว้แนบอกอย่างสงสาร
“หนูพายไม่ต้องกลัวนะครับ ไปอยู่บ้านพี่ พี่จะปกป้องหนูพายเอง” เขาบอก พอหมดที่พึ่งอย่างท่านดำรงแล้ว เธอก็ไม่เหลือใครอีกเลย เขาเห็นแล้วว่าคนพวกนั้นร้ายกาจแค่ไหน
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาด้วยใจจริงพร้อมซบลงบนอกเขาราวกับโหยหาความอบอุ่น ใช่… ตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ
หลังจากที่อันเดรจัดการเอกสารเรื่องของพระพายเสร็จเขาก็รีบบินกลับมอสโกรัสเซียทันทีพร้อมกับนิโคลัยเพราะมีประชุมด่วน เขาทิ้งอีวานไว้ที่นี่เพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ต่อแล้วค่อยให้ตามกลับไป
ทางด้านพระพายนั้นต้องย้ายโรงเรียนใหม่ตามที่อันเดรต้องการ เขาให้เธอเข้าโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านจะได้ไม่เหนื่อยเดินทางในตอนเช้า โรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนอินเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด อันเดรให้อีวานตรวจสอบดีแล้ว โดยอีวานให้รานีมาเป็นพี่เลี้ยงให้พระพาย จากนั้นก็เข้าไปจัดการบ้านเทพหัสดีภักดิ์โดยให้คนงานเก่าแก่คอยอยู่ดูแลบ้านเหมือนเดิม ขณะที่บางส่วนได้เลิกจ้างพร้อมกับจ่ายเงินล่วงหน้าสามเดือนให้ จนเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วอีวานถึงได้เดินทางกลับรัสเซียตามเจ้านายไป
ช่วงแรกพระพายมีปัญหาอยู่บ้างเรื่องการปรับตัวด้วยต้องอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทว่าเธอก็อดทนเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้อันเดร เธอรู้ดีว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหน