“แสดงว่าพี่เจตน์ เห็นของหนูมินหมดแล้วเหรอ” เด็กสาวร้องอย่างตกใจ ดึงผ้านวมมาปิดจนถึงคอ
“แล้วแต่จะคิด”
“พี่เจตน์กล้าดียังไงมามองของหนูมิน”
“มองอะไรล่ะ” เขายื่นหน้าเข้ามาหาเหมือนยั่วอารมณ์ แต่แก้มเนียนแดงใสแถมยังหอมกลิ่นสาบสาว ผิวเนียนละเอียดทำให้เขาอดใจไม่ไหวหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่
“พี่เจตน์!” มินตรายกมือขึ้นลูบแก้มไปมา เจตน์เองก็อึ้งไปเหมือนกัน ด่าตัวเองว่าทำบ้าอะไรลงไปวะนี่
“แก้มไม่เห็นหอมเลย แค่เอารางวัลค่าที่พี่ต้องดูแลเธอไม่ได้ไปทำงานเท่านั้นแหละ” เขาทำเสียงขึงขังกลบเกลื่อน
“เชอะ! ไม่หอมแล้วมาหอมแก้มเค้าทำไม โกนหนวดบ้างนะพี่เจตน์ หนวดตำแก้มหนูมิน เจ็บแก้มไปหมดเลย” เพราะเขาหอมแรงๆ หนวดของเขาเลยตำแก้มเธอเต็มๆ เจตน์ยกมือขึ้นลูบคางตัวเองไปมา เขายุ่งๆ กับงานในไร่ ไม่มีเวลาโกนหนวดเลยจริงๆ เห็นแก้มเธอข้างที่โดนเขาหอมแดงกว่าอีกข้าง คงเพราะโดนหนวดเขาตำอย่างที่เธอว่า แก้มเธอเนียนใส มันเลยเป็นรอยง่าย
“ทำเป็นพูดเรื่องอื่น อุตส่าห์ดูแล ขอบคุณสักคำ ทำเป็นไหม”
“ขอบคุณค่ะ พี่เจตน์ขยับเข้ามาใกล้หนูมินหน่อย มีเรื่องจะบอก”
“อะไร” เขาทำท่าไม่ไว้ใจยายเด็กแสบแสนเจ้าเล่ห์
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ สิคะ”
จ๊วบ… เจตน์ตาโตเมื่อขยับเข้าไปใกล้ เด็กสาวสวมกอดคอหนาเอาไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าเขาเข้าไปใกล้ แล้วหอมแก้มหนุ่มฟอดใหญ่เห็นการขอบคุณที่เขาดูแลตอนเธอป่วย
“หนูมินขอบคุณพี่เจตน์แล้ว โอเคไหมคะ” เด็กสาวบอกด้วยรอยยิ้มสดใส
“เอ่อ...” เจตน์ถึงกับไปไม่เป็น
“พี่เจตน์ขา... หนูมินอยากกินข้าวต้มหมูสับค่ะ” คนป่วยออดอ้อนอยู่บนเตียง
“แล้วมาบอกพี่ทำไม”
“พี่เจตน์ทำอร่อย ทำให้กินหน่อยสิ”
“เดี๋ยวไปบอกป้าแก้วให้”
“นึกว่าจะทำให้น้องกินเสียอีก” เธอทิ้งตัวลงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเพลียๆ
“นอนรอไปก่อนเลย เดี๋ยวไปบอกป้าแก้วให้”
“เจ้าค่ะ” เด็กเอาแต่ใจรับคำหน้างอ เจตน์เดินออกไปจากห้องแล้ว ไม่นานเสียงประตูก็เปิดเข้าอีกครั้ง เด็กสาวพลิกกายหันมามองประตูปรากฏว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่พี่ชายแต่เป็นป้าแก้วตา
“ป้าเอาข้าวต้มหมูสับ อร่อยๆ มาให้คุณหนูมินค่ะ”
“ขอบคุณนะคะป้า บอกให้พี่เจตน์ไปทำให้กิน หนีไปซะแล้ว ใจร้ายจัง”
“คุณเจตน์เป็นคนทำค่ะ แล้วให้ป้ายกมาให้คุณหนูมิน กินสิคะจะได้กินยา” ป้าแก้วตาพูดอย่างเอ็นดู
“พี่เจตน์ไปทำแลเสเหรอคะ”
“ค่ะ” ป้าแก้วตารับคำ
“หอมจัง ขนาดไม่ชอบกินหมูนะนี่” ตอนเด็กๆ เธอเคยอ้อนให้เจตน์ทำข้าวต้มหมูสับให้กินเป็นประจำ เขาก็ทำให้เธอกินแม้จะไม่ชอบกินหมู แต่ชอบกินปลามากกว่า เธอยังนึกทึ่งที่เขาทำมันออกได้ดี อาจเพราะโดนเธอท้าทายก็เป็นได้
“คุณหนูมินกินข้าวเสร็จแล้วกินยาด้วยนะคะ”
มินตราได้ยินแบบนั้นก็รีบปิดปากแข็งขืนในทันที ป้าแก้วตาทำอย่างไร เด็กสาวก็ไม่ยอมกินยา นางเลยต้องไปตามเจตน์ให้มาช่วยป้อนยามินตรา เพราะคนป่วยที่กินยายากไม่ยอมกลืนยา แถมยังปิดปากแน่น
“เด็กดื้อที่ไหนไม่ยอมกินยา” เจตน์เอ่ยถามเด็กดื้อ
“หนูมินไม่กินยา หนูมินหายแล้ว หายแล้วจริงๆ นะคะ” มินตราพูดจา ขึงขังไม่ยอมกินยา ใครๆ ก็รู้ว่ามินตรากินยายาก ตอนเด็กๆ ต้องหลอกล่อกันสารพัด แม้แต่ยัดยาใส่ในผลกล้วยหอมและหลอกให้กินก็ยังเคย เด็กแสบฉลาดล้ำเหลือเกิน รู้ว่าผู้ใหญ่หลอกให้กินยา เลยเอายาไปซ่อน
“ป้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“หนูมินไม่กินยานะคะ” มินตราเอามือปิดปากแน่น
“เราโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ ไม่กินยาจะหายได้ยังไงกัน”
“ป้าแก้วบอกว่าพี่หมอกรมาฉีดยาที่ก้นให้หนูมินแล้ว สักพักก็คงหายค่ะ”
“ต้องกินยาด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะหายช้า”
“ไม่เอาค่ะ ยาขมจะตายไป”
“อย่าดื้อสิ”
“หนูมินไม่กินยา” เด็กสาวยืนยันเสียงแข็ง เจตน์ถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่
“ถ้าเรายอมกินยาพี่จะพาไปเที่ยว”
“อย่ามาหลอกกันให้ยากเลย หนูมินไปเที่ยวเองก็ได้” คนดื้อไม่ยอมหลวมตัวง่ายๆ
“อยากได้อะไรจะให้เอาไหม ขอแค่กินยา”
“ขอคิดดูก่อน” ข้อเสนอของเขาก็ดีหรอกนะ แต่เธอไม่อยากกินยานี่นา
“ยังไงก็จะไม่ยอมกินใช่ไหม”
“ไม่กินค่ะ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง คนกินยายากนอนปิดปากแน่น ตัวแข็งอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ก็ได้” เจตน์พูดแค่นั้นก่อนจะเอายาใส่ปาก
คนป่วยงุนงงที่เห็นเขากินยาเสียเอง เลยเผลออ้าปากค้าง จังหวะนั้นแหละที่เขาก้มใบหน้าลงไปหา แนบริมฝีปากร้อนระอุเข้ามาแนบชิด ก่อนจะใช้ลิ้นดันยาเข้าไปลำคอของเธอ คนถูกจู่โจมดิ้นรนอย่างตกใจ พร้อมกับกลืนยาลงคอไปด้วยความมึนงง
“แค่กๆๆ ขมอะพี่เจตน์ แกล้งน้องทำไม อื้อ...” เขาจัดการป้อนน้ำเธออีกรอบด้วยปากของเขาเอง รอบนี้มินตรากำเสื้อของเขาเอาไว้แน่นเพราะลิ้นของเขากับลิ้นของเธอมันพัวพันกันยุ่งเหยิงเหลือเกินในโพรงปากอุ่น
มินตราหน้าแดงเมื่อเจตน์ผละใบหน้าออกห่าง เขาสบตาเธอ หัวใจทั้งสองเต้นแรง หอบหายใจประสานกันระงม ความร้อนของลมหายใจปะทะกันในระยะกระชั้นชิด
“พี่เจตน์ หนูมินหนัก” เธอเบือนหน้าไปทางอื่น ใบหน้าแดงก่ำ ผลักเขาเบาๆ แต่แรงน้อยนิดนัก
“คราวหลังอย่าดื้ออีกนะ ต้องกินยาง่ายๆ รู้ไหม” เขายังไม่ได้ผละออกห่าง แต่ลูบปอยผมของเธอไปมา มินตรารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงเหลือกำลัง
“ก็ยามันขมนี่คะ” เธอตอบเขาเสียงเบา ลมหายใจผะผ่าวของเขาที่ปะทะอยู่กับพวงแก้มสาวทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ถึงขมก็ต้องกิน จะได้หายเร็วๆ ถ้าไม่อยากโดนแก้ผ้าเช็ดตัวอีก”
“ไม่อยากเสียหน่อย” เธออุบอิบตอบ รู้สึกว่าร่างกายร้อนๆ ของเขาแนบชิดลงมาจนเธอขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
“ถ้าดื้อไม่ยอมกินยาอีก จะจับป้อนเหมือนเมื่อกี้” เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง มองเขาตาโต
“จะยอมกินยาง่ายๆ ไหม” เธอรีบพยักหน้าทันควัน
“ดีมาก” เขาบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ
“พี่เจตน์คะ เอ่อ...”
“อะไร”
“หนอนน้อยพี่เจตน์น่ะมันทิ่มขาหนูมิน” เจตน์ทำหน้าดุใส่ ทั้งๆ ที่แทบหลุดขำออกมา เขาไม่ยอมผละออกห่างง่ายๆ แต่เบียดชิดซุกความอุ่นร้อนของเขาอยู่กับขาเล็กๆ ของเธอ
“มันไม่ได้น้อยนะ ตอนใช้งานมันใหญ่ยักษ์เลยล่ะ”
“พี่เจตน์ลามก” คนว่าหน้าแดงอ้าปากตาโต เจตน์หัวเราะสะใจที่ได้แกล้งเธอกลับ ก่อนจะผละออกห่าง
เธอรู้สึกได้เลยว่าความอบอุ่นเมื่อครู่หายไปจนน่าใจหาย ทำตาฟินสักพักเขาก็หันมาสบตา เธอเลยหลบสายตาหน้าแดงก่ำ
“คิดอะไรอยู่ยายเด็กลามก” เขาขยับใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ เท้าแขนกับที่นอนข้างตัวเธอ ในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียง คนมีพิรุธหลบสายตา หน้าแดงยิ่งกว่าผลตำลึงสุก ลามไปจนถึงใบหู
“เปลานี่คะ” คนตอบทำเสียงสูง
“ทำไมหน้าแดง” ลมหายใจของเขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“คนเป็นไข้ก็ต้องหน้าแดงสิคะ”
“จริงเหรอ” เขาถามย้ำ
“ค่ะ พี่เจตน์ออกไปได้แล้ว หนูมินจะนอน” เมื่อถูกต้อนแทบจนมุม คนป่วยรีบไล่คนชอบยั่วทันที
“พักเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ”
“อยากให้หนูมินหายป่วยเร็วๆ ไม่กลัวหนูมินแกล้งเหรอ”
“พี่มีวิธีจัดการคนชอบแกล้งคนอื่นแล้วล่ะ” เขามองสบตา คนที่โดนรู้ทันดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะทันที เจตน์หัวเราะชอบใจ การได้เอาคืนยายเด็กแสบทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
คนป่วยอาการดีวันดีคืน แค่สองสามวันก็กระโดดโลดเต้น วิ่งเล่นซนได้เหมือนเดิม เจตน์คิดว่ามินตราไม่น่าป่วยเลย เพราะแขกไม่ได้รับเชิญมาบ้านเขาทุกวัน ไอ้หมอณกรเพื่อนของเขาไง คนป่วยก็ไม่มีแล้ว มันจะมาทำไมของมันวะ!