เช้าวันต่อมา...
พัชราก็ไปบอกกับเพื่อนสาวว่าเจ้นุกกี้เจ้าของชุดนั้นต้องการให้วทนิกาไปเป็นนางแบบให้กับร้าน วทนิกาที่ไม่ชอบงานนี้ก็จำใจรับงานไป เพราะมันก็ดีกว่าการที่เธอต้องมาจ่ายค่าชุดราคาแสนแพงนี้ เธอจึงตกปากรับคำไปแบบเลี่ยงไม่ได้
“เนย เจ้นุกบอกว่าวันพรุ่งนี้ให้แกเข้าไปถ่ายแบบให้เขาเลยนะ เพราะฉะนั้นแกเคลียร์งานด้วยล่ะ เพราะน่าจะครึ่งวันเลยล่ะ” พัชราบอกไปตามที่นุกกี้นัดมา
“ห้ะ วันพรุ่งนี้เลยเหรอแก ทำไมเร็วจังอ่ะ นี่เจ้นุกเขาจะไม่ให้เวลากันได้ทำใจเลยใช่ไหมเนี่ย” วทนิกาบ่นไป
“ก็เขาอยากได้ตัวแกไปถ่ายแบบให้เขานานแล้วนิ พอแกตกลงปุ๊บ เจ้เขาก็รีบหาช่างภาพมาถ่ายแกเลย เขากลัวว่าแกจะเปลี่ยนใจน่ะสิยะ..” พัชรา
“จะเปลี่ยนใจยังไงอีกยะ ชุดราคาเป็นแสนแบบนั้น ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก ก็ต้องยอมตามข้อเสนอของเจ้นุกเขาไปนั่นแหละ เฮ้อ...หวังว่าจากนี้ฉันจะไม่เจออะไรเฮงซวยอีกแล้วนะ...” วทนิกาตอบไปแล้วทำหน้าเซ็งๆออกมา
“ไม่เจอแล้วน่า...หรือว่าแกจะโทรไปขอพ่อแกดีอ่ะ แบบนั้นแกก็ไม่ต้องฝืนใจถ่ายแบบด้วย” พัชราพูดเสนอไป เพราเพื่อนสาวก็ไม่ได้ชอบงานแบบนี้
“ไม่ดีกว่าแก เดี๋ยวพ่อฉันก็คิดว่าฉันขอเงินไปให้แม่อีก ฉันไม่อยากไปรบกวนพ่อแล้วอ่ะ ไม่เป็นไรหรอก ถ่ายแบบให้เจ้นุกแค่หนึ่งปีเอง...แปปเดียว...” วนิกายอมทำงานที่เธอไม่ชอบ ดีกว่าไปรบกวนพ่อของเธอที่เดือดร้อนกับเธอและแม่มากแล้ว
“แกนี่มันลูกดีเด่นจริงๆ...โอเคๆ งั้นฉันจะไปเป็นเพื่อนแกเองก็แล้วกัน ไว้หาเงินได้ฉันจะจ่ายค่าชุดให้แกเอง แกจะได้ไม่ต้องไปถ่ายอีก อดทนเอาละกันนะแก...ถ้าร้านเราปังเมื่อไหร่ เราก็รวยแล้วแหละ” พัชราพูดไปแบบให้กำลังใจตัวเองและเพื่อนสาว
“จ้ะ แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะยะ ฉันนี่ตั้งตารอเป็นเศรษญฐีนีจะแย่แล้วเนี่ย อยากจะนอนเฉยๆนั่งนับเงินอยู่บ้านกับเขาบ้างอ่ะ...เฮ้อ...มันคงจะมีวันของเราใช่ไหมแก” วทนิกาพูดด้วยเสียงอ่อน
“ต้องมีสิแก คนเราถ้าขยันซะอย่าง ยังไงก็ต้องรวยเข้าสักวันแหละ...” พัชราพูดไปอย่างมาดมั่น
ณ บริษัทMRBอินเตอร์ไพร์สกรุ๊ป
“คุณแดนเรียกผมเข้ามาพบ มีอะไรเหรอครับ....” สารินเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามไป
“เมื่อวานผู้หญิงที่ชนกับฉันน่ะ ฉันได้ยินว่าเขาเป็นนักเขียน นายไปสืบมาหน่อยว่าเขาของที่ไหน ฉันจะซื้อตัวเขามาทำงานกับบริษัทของเรา” แดนเทพพูดไปแล้วก็เอนตัวพิงเก้าอี้แบบชิวๆ
“อ่อ ผมจำได้ว่าเขาชื่อวทนิกานะครับ แล้วผมก็ไปสืบมาแล้วด้วยว่าเขาเป็นนักเขียนของที่ไหน แล้วบังเอิญมากๆเลยล่ะครับคุณแดน ว่าเขาเป็นนักเขียนอิสระที่ลงนิยายกับเว็บไซต์ของเราอยู่พอดี คุณแดนคงไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อตัวเขาจากบริษัทอื่นแล้วล่ะครับ...” สารินได้ยินแบบนั้นก็พูดตอบไปตามที่เขารู้ข้อมูลมาทันที เขาว่าแล้วว่าเจ้านายของเขาต้องสนใจแน่ เพราะสายตาของเจ้านายที่มองหญิงสาวมันหื่นกระหายสุดๆ
“นักเขียนอิสระของเว็บเรางั้นเหรอ ดี..งั้นนายส่งเอกสารเชิญเขามาเป็นนักเขียนของบริษัทเราหน่อย ฉันอยากได้ตัวเขามาเขียนนิยายให้ฉัน” แดนเทพพูดไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เราเคยส่งข้อเสนอให้ทางคุณวทนิกาแล้วครับคุณแดน แต่เธอยังไม่ได้ตอบกลับมา แล้ววันนั้นคุณแดนก็บอกว่าถ้าเธอไม่สนใจก็ไม่ต้องไปง้อให้เธอเซ็นสัญญากับเราแล้วไม่ใช่เหรอครับ...ผมก็เลยไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ต่อ....” สารินตอบไป
“อื้ม?..ผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกันกับนักเขียนที่ฉันให้นายไปยื่นข้อเสนองั้นเหรอ หึ...บังเอิญจริงๆ...ไม่คิดเลยว่านอกจากจะเขียนนิยายได้น่าอ่านแล้ว เจ้าของนิยายก็ยังสวยอีกต่างหาก ดี...งั้นนายไปยื่นข้อเสนอให้เขาใหม่....เอาให้เขาปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเราไม่ได้เลย...” แดนเทพได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มไปแบบพอใจ เพราะนิยายของเธอมันหื่นได้ใจเข้ามาก เขาอ่านทีไรแล้วจินตนาการตามจนของเขาขึ้นตลอด ดูท่าว่าเขาต้องร่วมงานกับเธอหน่อยแล้วล่ะ
“ข้อเสนอใหม่เหรอครับ อ่อ ได้ครับ คุณแดนจะยื่นข้อเสนออะไรให้เขาครับ” สารินทำหน้าแปลกใจ แล้วก็เอาไอแพดขึ้นมาเตรียมจดตามที่เจ้านายต้องการทันที
“ถ้าเขายอมเป็นนักเขียนให้ของบริษัทเราห้าปี เขาจะได้ค่าเซ็นต์สัญญาสิบล้าน...พร้อมกับเงินเดือนอีกเดือนละหนึ่งแสนบาท ไม่รวมกับค่าเปอร์เซ็นต์ที่นิยายที่เขาจะได้รับ....ดูสิว่าเขาจะปฎิเสธข้อเสนอนี้อีกไหม” แดนเทพบอกไปด้วยรอยยิ้มร้ายๆ เพราะข้อเสนอนี้ไม่มีใครที่จะได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่เขาสนใจจริงๆ
“สิบล้านเลยเหรอครับคุณแดน มันไม่มากไปเหรอครับกับอีแค่นักเขียนคนเดียว คุณแดนทุ่มเงินเกินไปหรือเปล่าครับ งานเขียนของเขาแค่ห้าปีจะทำเงินถึงสิบล้านเหรอครับ ผมว่าคุณแดนจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ” สารินพูดเตือนเจ้านายของเขาไป เพราะมันมากเกินไป
“เงินเดือนเขาเอาจากบริษัท ส่วนเงินเซ็นต์สัญญาสิบล้านฉันจะจ่ายเอง ขอแค่เขายอมเซ็นต์สัญญาก็พอ ฉันจะได้มากกว่าเสียแน่ๆ....นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันย่อมวิเคราะห์กำไรมากกว่าขาดทุนอยู่แล้ว...เพราะฉันจะให้เขาทำมากกว่าการเป็นนักเขียน....หึๆ....” แดนเทพพูดไปด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“อ่อ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบจัดการให้นะครับ...” สารินเห็นสีหน้าและคำตอบแล้วเขาก็เข้าใจทันที
“ด่วนที่สุด....รีบไปจัดการซะ ได้เรื่องยังไงก็บอกฉันด้วย” แดนเทพ
“ครับคุณแดน งั้นผมขอตัวเลยนะครับ” สารินพูดจบก็หันหลังเดินออกไปนอกห้องทำงานทันที
“คุณกับผมคงต้องเจอกันอีกแล้วล่ะ และครั้งนี้ผมจะทำให้คุณหนีผมไม่ได้เลย...คุณนักเขียน...” แดนเทพก็เอ่ยพูดออกไปแล้วคิดในใจเลยว่า ถ้าเขาได้เธอมาเป็นนักเขียนของเขาแล้ว เขาจะเล่นสนุกอะไรกับเธอดีนะ แค่คิดชีวิตเขาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเลย
วันต่อมา....
วทนิกาก็มัวแต่ยุ่งกับการถ่ายแบบให้กับนุกกี้ เพราะเจ้นุกกี้เล่นชนชุดมาให้เธอถ่ายเกือบๆร้อยชุดเลย จนเธอนั้นเมื่อยไปหมด แถมยังขอเอารูปเธอไปขึ้นป้ายเป็นนางแบบหน้าร้านอีก เธอก็จำต้องยอมเพราะยังเป็นหนี้ค่าชุดเจ้นุกกี้อยู่
“ขอบใจมากเลยนะจ้ะน้องเนยที่มาถ่ายแบบให้แบรนด์เสื้อผ้าของเจ้น่ะ....ถ้าสนใจรับงานถ่ายแบบอื่นๆอีกบอกเจ้เลยนะ....” นุกกี้พูดไป เพราะวันนี้เธอถ่ายได้สวยแซ่บมากๆ รับรองเลยว่าถ้าเธอเอาวทนิกาขึ้นป้ายเป็นนางแบบโฆษณาให้แบรนด์ของเธอแล้วล่ะก็ ปังแน่ๆ
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะเจ้...เนยไม่ถนัดงานนี้เลยค่ะ...” วทนิกาตอบไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ไม่ถนัดยังออกมาสวยแซ่บขนาดนี้เลย ถ้าถนัดจะขนาดไหนเนี่ย เราน่ะหน้าก็สวย หุ่นก็แซ่บ เสียดายจริงๆ ทำไมไม่สนใจงานวงการบันเทิงนะ...เงินก็ดีจะตายไป ทำงานแปปเดียวได้กำเงินเป็นแสนๆแล้วนะ” นุกกี้พูดบอกไปแบบเสียดายแทน เพราะหน้าแบบนี้น่ะเป็นดารานางแบบสบายๆเลย
“เนยไม่อยากเป็นคนดังอ่ะค่ะเจ้ อยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาปกติทั่วไปแบบนี้ดีกว่ากันเยอะเลยนะคะ มีอิสระจะตายไป ขืนไปเป็นดารานางแบบ จะทำอะไรก็ต้องระวัง ไม่เอาหรอกค่ะ” วทนิกาพูดแล้วก็ส่ายหน้าอย่างรเอือมระอาเลย
“จ้ะๆ...งั้นก็เชิญใช้ชีวิตอิสระต่อไปก็แล้วกัน แต่หนึ่งปีจากนี้ต้องมาเป็นนางแบบให้เจ้นะ เข้าใจไหม” นุกกี้
“เข้าใจค่ะเจ้ แต่ถ้าหนูมีเงินจ่ายค่าชุดเมื่อไหร่ เจ้คงต้องหานางแบบคนใหม่แล้วนะคะ” วทนิกาตอบไปแบบมีหวังว่าเธอจะมีเงินจ่ายค่าชุดแล้วหลุดพ้นจากการเป็นนางแบบให้ร้านของเจ้นุกกี้
“ย่ะ ยังจะคิดใช้หนี้อยู่อีกนะเราน่ะ เฮ้อ...อ่ะ นี่ค่าถ่ายแบบวันนี้ เจ้ให้...ขอบใจนะที่มาเป็นนางแบบให้เจ้...รับไว้สิ” นุกกี้พูดไปก็ยื่นซองเงินให้วทนิกาไป
“ขอบคุณค่ะเจ้....” วทนิกายกมือไหว้แล้วรับซองเงินมาทันที ที่จริงเธอว่าจะไม่รับแล้วแหละเพราะเกรงใจ แต่พอโดนเจ้นุกกี้จับใส่ชุดถ่ายแบบเป็นร้อยๆชุดแล้ว เธอก็เปลี่ยนใจรับเงินทันทีเลย
“กริ้งๆ....กริ้งๆ...อ่อ มีสายเข้าพอดีเลย งั้นหนูกลับเลยนะคะเจ้นุก สวัสดีค่ะ...” วทนิกาได้ยินเสียโทรศัพท์ของเธอก็บอกกับนุกกี้ทันที
“จ้ะ ขับรถกลับดีๆล่ะ” นุกกี้บอกไปก็โบกมือบ้ายบายวทนิกาทันที เพราะเมื่อเช้าพัชราก็มาเป็นเพื่อนถ่ายแบบอยู่หรอก แต่พอบ่ายมาก็หนีกลับไปร้านเสริมสวยแล้ว ทำให้วทนิกากลับคนเดียว
ด้านวทนิกาก็เดินมาที่รถของเธอแล้วเธอก็ขึ้นไปบนรถแล้วกดสาร์ทเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำทันที จากนั้นเธอก็ค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอมาดูว่าใครเธอมาหา ก่อนจะเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา เธอก็กดโทรกลับทันที
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะ เมื่อกี้โทรมาเบอร์นี้หรือเปล่าคะ...” พอปลายสายรับสายวทนิกาก็เอ่ยถามทันที
“ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับคุณวทนิกาหรือเปล่าครับ” สารินถามกลับไปให้แน่ใจว่าใช่วทนิการับสาย
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ...” วทนิกาถามไปอย่างอยากรู้ เพราะน้ำเสียงคุ้นๆหูเชียว เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ผมชื่อสารินนะครับ ผมโทรมาจากบริษัทMRBอินเตอร์ไพร์สกรุ๊ปครับ....เมื่อวานผมส่งอีเมล์ให้คุณวทนิกาแล้วน่ะครับ แต่ไม่มีการตอบกลับเลย ผมเลยโทรหาคุณน่ะครับ เพราะทางบริษัทเราพิจารณาเพิ่มข้อเสนอสุดพิเศษให้กับคุณวทนิกาน่ะครับ” สาริน
“อ่อพอดีฉันยุ่งๆน่ะค่ะก็เลยยังไม่ได้เปิดดูอีเมล์เลย แล้วอีกอย่างฉันก็อยากจะเป็นนักเขียนอิสระอ่ะค่ะ ยังไม่อยากจะเซ็นสัญญาเป็นนักเขียนของบริษัทไหนตอนนี้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” วทนิกาปฎิเสธไปทันที เพราะเธอเลือกแล้วว่าเธอจะทำงานนักเขียนอิสระแบบเดิม
“อย่าพึ่งรีบปฎิเสธเลยนะครับ ข้อเสนอนี้มันพิเศษและคุ้มค่ามากๆเลยนะครับคุณวทนิกา...คือเจ้านายของผมชอบแนวนิยายของคุณมากๆเลย และท่านก็ต้องการให้คุณมาเขียนนิยายให้กับทางเรา ท่านเลยเสนอค่าเซ็นต์สัญญากับบริษัทเราเป็นเงินสิบล้านบาท พร้อมกับให้เงินเดือนอีกเดือนละหนึ่งแสนบาทเลยนะครับ ไม่รวมกับค่าเปอร์เซ็นต์นิยายของคุณที่ลงกับเว็บเราอีกด้วย...ข้อเสนอนี้คุณวทนิกาจะปฏิเสธจริงๆเหรอครับ น่าเสียดายมากเลยนะครับ” สารินรีบพูดให้เธอสนใจข้อเสนอของเจ้านายเขาทันที
“ห้ะ! ค่าเซ็นสัญญาสิบล้านเลยเหรอคะ...นี่คุณไม่ได้หลอกกันใช่ไหมเนี่ย...” วทนิการ้องอุทานออกมาเสียงดังลั่นรถเลยทีเดียว ถ่อนจะถามไปอย่างกลัวว่าจะโดนหลอก เพราะมันไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีค่าเซ็นสัญญาแพงขนาดนี้
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณวทนิกาสะดวกจะเจอกับผมเพื่อพูดคุยรายละเอียดต่างๆผมก็ยินดีนะครับ” สารินพูดไปเพื่อให้ความน่าเชื่อถือกับเธอ
“อ่อได้ค่ะ งั้นเจอตอนนี้เลยไหมคะ ฉันว่าอยู่พอดีเลยคะ” วทนิกาพูดไปแบบตื่นเต้น เพราะเงินสิบล้านเลยนะ เธอจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกันล่ะ
“หึ ตอนนี้เลยเหรอครับ อ่อ...ได้ครับได้....งั้นเดี๋ยวผมขอแอดไลน์ส่งพิกัดร้านที่อาหารที่เราจะเจอกันไปให้ละกันนะครับ ไลน์เบอร์นี้เลยไหมครับ” สารินถามไปแล้วยิ้มออกมา เพราะดูท่าว่าเธอจะสนใจแล้วล่ะ ก็แน่ล่ะ สิบล้านใครจะโง่ไม่เอาล่ะ
“ค่ะๆ เบอร์นี้เลยค่ะ...งั้นเดี๋ยวส่งพิกัดมานะคะ ฉันจะไปเจอคุณ” วทนิกาบอกไปแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับ เดี๋ยวเจอกันครับคุณวทนิกา” สารินพูดจบก็กดวางสายไปทันที ก่อนจะส่งพิกัดร้านอาหารให้เธอไป เพราะเขาจะมีร้านอาหารประจำที่ใช้นัดคุยงานกับลูกค้าอยู่แล้ว
ด้านวทนิกาพอสารินวางสายไปแล้วเธอก็ร้องกรี๊ดในรถออกมาอย่างดีใจใหญ่เลย
“เย้......ถ้าเซ็นสัญญาแล้วได้เงินสิบล้านจริง เรามีเงินปลดหนี้ค่าชุดยังไม่พอ เรายังมีเงินซื้อตึกที่เราอยู่อีกนะเนี่ย....โอ้ย...ขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ใจร้ายกับหนู....ขอให้ได้สิบล้านจริงๆทีเถอะเจ้าค่ะ. สาธุ....” วทนิกาพูดไปแบบดีใจ
จากนั้นเธอก็เปิดดูพิกัดในไลน์ที่คนที่โทรมาเมื่อกี้ส่งมา เธอก็เห็นชื่อร้านแล้วก็กดขับรถไปตามเส้นทางทันที เพราะเธอไม่ใช่คนกรุงเทพ เธอก็ไปไหนมาไหนไม่ถูกต้องพึ่งแผนที่ของกลูเกิ้ลตลอด
ณ ร้านอาหาร เวลา หกโมงเย็น....
“ทางนี้ครับคุณวทนิกา...” สารินเห็นวทนิกาเดินเข้าประตูมา เขาก็โบกมือให้แล้วยิ้มส่งไป
วทนิกาก็มองแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายที่เรียกขานเธอ แต่พอเข้าไปใกล้เท่าไหร่ เธอก็รูสึกว่าเธอคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้มาก จนเธอนึกออกว่าเธอเจอที่งานเปิดตัวหนังสือของคุณพาฝันเมื่อวันก่อนนี่เอง
“อ่อ คุณคือคนที่เราเจอกันที่งานหนังสือใช่ไหมคะ...” วทนิกาเดินเข้ามาหยุดยืนแล้วเอ่ยถามเขาไป
“ใช่ครับ ผมสารินครับ ยินดีที่ได้เจอคุณวทนิกาอีกครั้งนะครับ...เชิญนั่งก่อนครับ” สารินพูดไป
“ค่ะ...ยินดีที่ได้เจอนะคะ เรียกฉันว่าเนยก็ได้ค่ะ เรียกชื่อเต็มๆฉันแล้วมันแปลกอ่ะค่ะ” วทนิกาบอกไปแล้วก็นั่งอย่างเกรงๆเลย
“ได้ครับคุณเนย...งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ..นี่เป็นเอกสารที่ทางบริษัทเราเสนอให้คุณครับ คุณเนยลองอ่านแล้วพิจารณาดูก่อนนะครับว่าโอเคไหม ถ้าโอเคสามารถบอกผมได้เลยนะครับ เราจะได้นัดวันเซ็นสัญญากันเลย” สารินอธิบายไปพร้อมกับยื่นเอกสารให้เธอ
“ค่ะ....ขอเนยอ่านแปปนะคะ...” วทนิการับมาแล้วเธอก็เปิดอ่านเอกสารที่ทางบริษัทเสนอให้เธอทันที ซึ่งบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่เธอนั้นลงนิยายด้วย ถ้าเธอจะเซ็นสัญญาเป็นนักเขียนของที่นี่ ก็คงจะไม่เป็นไร เงินค่าเซ็นสัญญาก็ได้ เงินเดือนก็ได้อีก ไหนจะเปอร์เซ็นต์ของนิยายอีก แค่นี้เธอก็สบายแล้วนะเนี่ย
วทนิกาคิดไปก็อ่านไปแบบคร่าวๆไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะใจเธอน่ะมันตกลงเซ็นสัญญาไปแล้ว เงินตั้งสิบล้านใครจะไม่สนใจล่ะ
“สัญญาก็โอเคนะคะ เป็นนักเขียนให้บริษัทแค่ห้าปี...โอเคค่ะ ฉันตกลงเซ็นสัญญากับทางบริษัทของคุณค่ะ ถ้าเซ็นสัญญาแล้วจะได้เงินสิบล้านเมื่อไหร่อ่ะคะ แล้วเงินเดือนเริ่มให้ตอนไหน” วทนิกาตอบไปด้วยรอยยิ้ม แล้วถามด้วยความโลภแบบสุดๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังร้อนเงิน
“ได้ทันทีที่คุณเนยเซ็นสัญญากับทางเราครับ ถ้าคุณเนยตกลงงั้นเรานัดวันเซ็นสัญญาวันไหนดีครับ” สารินถามไปอย่างชอบใจที่เธอยอมตกลงอย่างง่ายดาย แบบนี้เขาก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้วล่ะ
“อ่อ ..จะเซ็นสัญญาวันนี้เลยก็ได้นะคะ...ฉันสะดวกค่ะ...แต่ถ้าคุณสารินไม่สะดวกก็วันอื่นก็ได้ค่ะ นัดฉันมาได้เลย” วทนิกาบอกไปแบบพร้อมมาก เพราะเธอกลัวบริษัทจะเปลี่ยนใจน่ะสิ
“อืม...งั้นเซ็นตอนนี้เลยก็ได้ครับ เพราะนี่ก็เป็นหนังสือสัญญาอยู่แล้ว...คุณเนยเซ็นชื่อตรงนี้เลยครับ...ทุกหน้าเลยนะครับ” สารินก็รีบยื่นเอกสารสัญญาให้เธอเซ็นทันที
“โอเคค่ะ...” วทนิกาก็เซ็นเอกสารไปทีล่ะหน้าจนมันครบสิบกว่าแผ่นนั้น เธอก็ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นเลย เพราะตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นเศรษฐีนีในชั่วพริบตาแล้วล่ะ
“โอเคครับ....เซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว งั้นเดี๋ยวผมจะโอนเงินให้ตามเลขบัญชีที่คุณเนยกรอกมาตรงนี้เลยนะครับ...ไม่เกินหนึ่งทุ่มวันนี้ เงินสิบล้านจะเข้าบัญชีของคุณเนยแน่นอนครับ....เริ่มงานที่บริษัทวันจันทร์นะครับ แล้วผมจะแจ้งรายละเอียดในไลน์นะครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับคุณเนย...” สารินพูดไปก็ยื่นมือไปจับกับมือของเธอด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ...คุณสาริน...ขอบคุณค่ะ....” วทนิกาจับมือกับสารินแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจเลย
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับไปโดยสารินก็รู้สึกโล่งใจเลยที่ทำงานให้เจ้านายของเขาสำเร็จแล้ว ส่วนวทนิกาก็ดีใจที่จะได้ปลดหนี้แล้วมีเงินซื้อบ้านด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอสักที โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าสัญญาที่เธอพึ่งเซ็นไปนั้นมันเป็นสัญญาทาสที่แดนเทพนั้นใช้เป็นสัญญาล่อลวงเธอ....