บทที่ 1
แสนดี ไม่ใช่แสนเลว
“คนไทยเหรอคะ” น้ำเสียงนุ่มนิ่มจากผู้หญิงลักษณะท่าทางทรงซ้อ กระซิบถามหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีราวกับบุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงไทยที่นั่งข้างกัน เสียแต่แววตาของหญิงสาวขณะปรายสายตากลับมามองนั้น เย็นชา น่ากลัว และแข็งกระด้างเกินกว่าคนรอบข้างจะอยากผูกมิตร
ผู้หญิงทรงซ้อไม่ค่อยชอบลักษณะท่าทางของหญิงสาว แต่เพราะการนั่งเครื่องบินทางไกลติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ทำให้คนชอบพูดชอบเข้าสังคมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย จึงยื่นหน้าข้ามผนังบางๆ กั้นระหว่างสองที่นั่งบนชั้นธุรกิจมาชวนคุย เนื่องจากสนใจหัวข้อข่าวเดียวกับหญิงสาวหน้าตาท่าทางเย็นชาที่กำลังอ่านอย่างตั้งใจ
เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 35 ของประเทศไทย โดยพรรคเกียรติยศไทย นำโดยพลเอกทรงภพ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งกว่าเก้าล้านเสียง กวาดเก้าอี้ในสภาไปมากกว่า 125 ที่นั่ง แซงหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคณะรัฐบาลชุดก่อน ที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับสอง กวาดเก้าอี้ในสภาไปได้ 115 ที่นั่ง
ประชาชนออกมาเฉลิมฉลองเต็มท้องถนนให้ชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย แต่เกมการเมืองไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ชนะได้เป็นนายก จึงมีการปรึกษาหารือภายในพรรคและติดต่อไปยังพรรคอื่นๆ เพื่อเทียบเชิญให้เข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ทว่าจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะเปิดสภาก็ยังไม่สามารถรวมคะแนนเสียงเพื่อให้การจัดตั้งเป็นไปโดยสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดนี้เป็นใจความโดยสรุปในข่าวที่ ‘แสนดี’ เพิ่งจะอ่านจบ
“เกลียดหนังหน้าหนาๆ ของมันเนอะ ไม่รู้ลงทุนแจกเงินไปคนละเท่าไหร่ถึงได้มาตั้งเก้าล้านเสียง เห็นหน้าหนาๆ ของมันออกสื่อทีไร พี่อยากจะอ้วก ไม่ต้องปิดบังค่ะ พี่เข้าใจ เห็นน้องอ่านข่าวไปเบะปากไป ก็รู้แล้วว่าเราฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหมือนกัน แต่รอดูเถอะ รวมคะแนนเสียงไม่ถึงก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี พอเปิดสภาคงถูกไล่ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน ฮ่า ฮ่า!”
“จะหยุดหัวเราะได้หรือยัง” แสนดีปรามนิ่ม ได้ผลดีมากกว่าเอาเทปกาวน์ชนิดหนาไปปิดที่ปากอีกฝ่าย สอดท่อนแขนเล็กกอดไว้ใต้อกอิ่ม เชิดหน้าขึ้นมองกองเชียร์ฝ่ายอนุรักษ์นิยม แล้วขอบปากหล่อนกระตุกแรงกว่าเดิม
“คุณพี่เนี่ย ท่าทางคงจะอินกับการเมืองมากเลยใช่ไหม”
“ต้องอินสิ การเมืองเกี่ยวข้องกับทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่ตอนเราตื่นไปถึงตอนเรานอน ถ้าได้รัฐบาลดีๆ ที่ประชาชนไว้ใจได้มาบริหารประเทศก็นอนหลับเต็มตาใช่ไหม แต่ถ้าได้พวก...” สาวทรงซ้อเบะปาก “โกงกินบ้านเมืองเข้ามาบริหาร ทำให้ประเทศล่มจม ใครจะไปรับได้”
“จะพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหาร เวลาถอนทุนคืนมูลค่าของมันก็มากมายมหาศาลไม่ต่างกันนักหรอก ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง กวาดที่นั่ง สส. ให้ได้มากๆ ไปทำไม หน้าที่ของเธอมีแค่กาหมายเลขพรรคแล้วหย่อนบัตรลงในหีบเท่านั้น หลังจากนั้นเสียงของเธอไม่มีค่าหรอกนะ อยากจะด่า อยากจะว่า อยากจะทำอะไร ใครเขามาสนใจมดปลวกอย่างเธอกัน อ้อ แล้วอย่าเข้าใจผิดว่าฉันเชียร์พรรคของนายหนังหน้าหนาๆ ที่เธอเกลียด ฉันไม่ได้เชียร์เขา และฉัน ก็-ไม่ได้-เชียร์ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมของเธอด้วย บัตรของฉันเป็นบัตรเสีย เข้าใจไว้ด้วย”
“บัตรเสีย! เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ไม่มีคนสติดีที่ไหนทำกันหรอกนะ!”
‘มีสิ ก็ฉันนี่ไง’
แสนดีเหยียดมุมปากซ้ายเย้ยหยันใส่คนแปลกหน้า โดยไร้ซึ่งความรู้สึกผิดและความกลัวจะถูกกองเชียร์คนที่คิดต่างทางการเมืองทำร้าย แสนดีในตอนนี้ และในทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต ไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครทั้งนั้น หล่อนไม่กลัว ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ ไม่มีความยินดียินร้ายกับใคร ที่ร้ายแรงมากกว่านั้นหล่อนปรารถนาให้ทุกคนเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และหากมีโอกาสได้เห็นคนที่เกลียดชังมีอาการอย่างนั้น ภายในใจว่างเปล่าของหล่อนอาจมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับบนใบหน้าเย็นชา
แสนดีใช้เงินเก็บช่วงทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนปริญญาโท ไปกับการจองตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจในไฟล์ทยาวนานกว่าสิบชั่วโมง เพื่อบินตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกาสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิประเทศไทย แทนที่หล่อนจะใช้ห้องน้ำในชั้นหรูหรา แสนดีกลับเดินเย่อหยิ่งมาไกลถึงท้ายสุดในชั้นประหยัด เพื่อเข้ามาขังตัวเองไว้ในห้องน้ำขนาดเล็ก กวักน้ำเย็นขึ้นมาปะทะกับผิวหน้าเพื่อให้อารมณ์โกรธภายในตัวหล่อนลดน้อยลง
แสนดีไม่ได้โกรธเคืองที่ผู้หญิงคนนั้นเกลียดชังแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีประจำพรรคเกียรติยศไทย เพราะหล่อนก็เกลียดเขาเหมือนกัน เกลียดเขาที่มีศักดิ์เป็นพ่อแท้ๆ เข้าเส้นเลือดใหญ่ ไม่เคยยินดีที่เขาชนะการเลือกตั้ง ในใจของแสนดีอยากอยู่ต่างประเทศตลอดไปเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะถูกโทรทางไกลมาข่มขู่กึ่งบังคับให้กลับบ้านภายในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไล่แม่บ้านที่เป็นเพื่อนแม่ออกไป ถึงแม้แสนดีจะฝืนใจมากแค่ไหนแต่หล่อนก็ต้องกลับมา
สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยในเมืองไทย แสนดีปากกัดตีนถีบหาเงินส่งตัวเองเรียน เทอมไหนไม่มีจ่ายหล่อนยอมดร็อปเรียนไปทำงานหาเงิน เรียนจบปริญญาตรีขวนขวายหาทุนการศึกษาเต็มจำนวนไปเรียนต่อปริญญาโทไกลถึงสหรัฐอเมริกา กว่าจะเรียนจบมาได้แสนดีก็ไม่เคยแบมือขอเงินให้เขากับเมียของเขามาอ้าปากทวงบุญคุณ
คำเดียวที่ทรงภพกับแพรพรรณภรรยาของเขาจะทวงบุญคุณจากหล่อนได้ มีแค่เลือดเนื้อที่ให้หล่อนมาเกิด กับเศษข้าวในครัวที่โยนมาให้กินประทังความหิวจนเติบโตมาถึงวัยที่ปีกกล้าขาแข็งกล้างัดข้อกับพวกเขา
ตลอดระยะเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีความรัก ความซาบซึ้งใดก่อตัวขึ้นภายในใจแสนดี มีแค่ความเกลียดชังเท่านั้นที่หล่อนมีต่อคนบ้านนั้น ทุกครั้งที่ทำบาปกรรมตั้งใจบอกทางคนผิดหรือพูดไม่เคลียร์ทำให้คนรอบข้างทะเลาะกัน แสนดีมักจะอุทิศผลกรรมทั้งหมดไปให้พ่อกับคุณผู้หญิงแพรพรรณ อวยพรให้อายุของทั้งสองคนสั้นลง และมีอันเป็นไปภายในชั่วอายุที่แสนดีจะอยู่รอดูไหว อย่าช้านัก เพราะหล่อนอาจจะอยู่รอไม่ไหว แสนดีไม่มีความยินดีใดๆ แม้กระทั่งกับชีวิตของตัวเอง
หล่อนเกลียดไปหมดทุกอย่าง และชิงชังไปหมดทุกคน การหายใจอยู่บนโลกเดียวกับพวกเขา ทำให้ตัวตนของหล่อนล่องลอย ไร้คุณค่า ไร้ทิศทางของชีวิต ไม่ต่างไปจากใบไม้แห้งที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม แสนดีไม่เคยขอให้ใครมาเข้าใจ ในหลายๆ ครั้ง แม้แต่หล่อนก็ไม่เข้าใจตัวเอง
‘นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีอยู่เหรอบังคับจับคลุมถุงชนเพื่อผลประโยชน์ โทรมากี่ทีกี่ทีก็คอยอ้างแต่บุญคุณที่ทำให้เกิดมา ถามจริงเถอะนะ ไอ้การที่ข่มขืนคนรับใช้ในบ้านจนท้อง มันเป็นบุญคุณตรงไหน หลงภูมิใจว่าน้ำเชื้อชั่วๆ ของตัวเองดีนักเหรอ อย่ามาพูดให้ขยะแขยงหน่อยเลย ที่ฉันจำได้ มีแต่แก กับเมียของแกคอยทุบตีทำร้ายฉัน มีแค่นี้เท่านั้นที่ฉันจดจำพวกแกได้ขึ้นสมอง นอกนั้น อย่าได้บังอาจมาแอบอ้าง!’
‘มันจะมากไปแล้วนะ นังอกตัญญูไม่รู้คุณคน! คนที่แกกำลังด่าทอคือพ่อแท้ๆ ของแกนะนังชั่ว! ตอบแทนที่ฉันเลี้ยงดูแกมา แกต้องทำตามทุกอย่างที่ฉันสั่ง ฉันสั่งให้แกคบกับใคร แกก็ต้องคบ สั่งให้แกแต่งกับใคร แกก็ต้องแต่ง แกไม่มีสิทธิ์มีปากเสียงกับฉัน! ภายใน 3 วัน ถ้าฉันไม่เห็นหัวแกกลับมาที่บ้าน ฉันจะเอาความโกรธทั้งหมดไปลงกับไอ้พวกคนใช้ที่แกรัก แกเตรียมบอกพวกมันให้หาที่ตายใหม่ได้เลย ฉันจะไล่พวกมันออกทั้งหมด แล้วจะแถมคดีเล็กๆ น้อยๆ อย่างขโมยของให้พวกมันด้วย!’
สารเลว! รังแกได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ คนแบบนี้เหรอที่ประชาชนกว่าเก้าล้านเสียงเลือกเข้ามาบริหารประเทศ
แสนดีกระชากเอากระดาษทิชชูแผ่นใหญ่มาซับหยดน้ำบนใบหน้า ขยำมันโยนทิ้ง ก่อนยื่นมือเข้าไปรองใต้ก๊อกน้ำอัตโนมัติ ล้างรุนแรงสลับออกแรงถูหนักหน่วงติดต่อกันนานกว่าสิบนาทีจนรู้สึกเจ็บ ทว่ามือคู่นั้นยังไม่หยุดสั่น แสนดีไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเห็นหน้านายทรงภพกับคุณหญิงแพรพรรณ จะอยากกลับไปเหยียบที่นั่นก็ต่อเมื่อมีโลงศพใหญ่ๆ กับรูปตั้งหน้าศพเป็นรูปของใครคนใดคนหนึ่ง แล้วหล่อนจะเป็นคนเดียวที่ใส่เสื้อสีแดงก้าวเข้าไป