"ไปทำแผลก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง" ฉันรีบปฏิเสธน้ำใจเฮียราชันย์ทันที
"แข่งเสร็จแล้ว ไปดูผลกัน" คนที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
"กูดูน้องเขาอยู่"
"ยัยนั่นก็บอกไปแล้วว่าไม่เป็นอะไร ไปเถอะเฮีย สงสัยไอ้กิลจะชนะ"
เฮียลัคกี้คะยั้นคะยอเพื่อนเขา ส่วนสายตาที่มองมาที่ฉันเหมือนเป็นตัวมารขัดขวางความสุขยังไงไม่รู้
"นี่นามบัตรฉัน ถ้าเป็นไรมากก็โทรมา"
นามบัตรสีดำตัวหนังสือสีทองถูกยื่นมาให้ฉันตรงหน้า ด้วยความที่อยากให้เรื่องมันจบ ๆ ไป เพราะดูท่าทางเฮียลัคกี้จะเกลียดขี้หน้าฉันมาก ๆ เลยรีบยื่นมาไปรับนามบัตรนั้นมาถือไว้
หมับ!!
เพียะ!!
"อ้ะ! โอ้ย!"
คล้อยหลังผู้ชายหล่อเหลาทั้งสองคนยังไม่ถึงนาที ร่างกายฉันที่ระบมอยู่แล้วก็ถูกใครไม่รู้กระชากต้นแขนให้หันไปหา พร้อมฝ่ามือที่ทาบลงบนใบหน้าซีกซ้ายฉันเต็มแรงจนชาหนึบ
"อีตัวมาร นี่แกคิดจะเคลมลัคเองสินะถึงได้แกล้งแอบดูพวกเรา"
เสียงแหลม ๆ ด่าฉันฉอด ๆ พอตั้งสติได้มองหน้าเธอเพ่งแล้วเพ่งอีกถึงได้รู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่สนามแข่งและมุมมืดเมื่อกี้
"หนูอัยญ์เปล่านะคะ" มือข้างหนึ่งกุมหน้าที่ถูกตบไว้
ขาก็พยายามก้าวถอยหลังเพราะดูแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะไม่จบแค่ตบครั้งเดียว
"อย่ามาทำตัวหน่อมแน้มกับฉัน อีมารคอหอย!"
หมับ!!
"มีเรื่องอะไรกัน"
"อ้ะ! เฮียดีแลนด์"
ฝ่ามือข้างเดิมที่เคยประเคนลงบนใบหน้าฉันถูกมือหนาใหญ่จับไว้ได้ทัน ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าเลิ่กลั่กมือซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น ๆ ออกมา
"พ...แพร แพรแค่"
เธอชื่อแพรสินะ ตอนนี้คงกลัวมาก ดูสิ ปากสั่น สายตานี่เลิ่กลั่กหาทางออกสุด ๆ
"ไม่มีอะไรค่ะ แต่เรื่องเข้าใจผิด"
ฉันดึงมือเฮียดีแลนด์ออกเพื่อปล่อยแขนบางของเธอลง
ที่ทำไม่ใช่ฉันใจดี แต่ฉันแค่มีส่วนที่ทำให้เธอโกรธจนโดนตบ ถ้าฉันห้ามร่างกายไม่ให้เดินไปหยุดมองเธอกับผู้ชายคนนั้น ฉันก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้
"พ...แพรขอตัวนะคะ"
คนที่ตบฉันก่อนหน้ารีบวิ่งไปอีกทางอย่างร้อนรน
"เจ็บมากมั้ย?" เฮียดีแลนด์ดึงมือข้างที่ฉันกุมใบหน้าอีกข้างอยู่ออก
"ไม่เป็นไรค่ะ..." แค่ยังชาอยู่ ฉันต่อประโยคในใจ
"แล้วนั่น?" สายตาเฮียดีแลนด์มองมาที่ฝ่ามือข้างที่ถลอก
"หนูอัยญ์ซุ่มซ่ามเองค่ะ นี่แข่งเสร็จแล้วเหรอคะ?"
รีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า เดี๋ยวเฮียดีแลนด์จะคาดคั้นฉันหนักกว่าเดิม
"อืม ไอ้คฑามันเล่นเกิน" ฉันพยักหน้าเข้าใจคำตอบนี้ของเฮียดีแลนด์
"แล้วรันรันล่ะคะ" เพื่อนสนิทฉันหายไปไหนเนี่ย!
"อยู่ที่เต็นท์"
โล่งอกไปที นึกว่าวิ่งหนีตามผู้ชายกล้ามใหญ่ไปซะแล้ว
"กลับเลยไหม เฮียต้องพาไอ้คฑาไปกินเหล้าปลอบใจต่อ"
"..." ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำบอกกล่าวของเฮียดีแลนด์
ตอนนี้หนูอัยญ์คิดถึงเตียงนอนที่สุด แต่ว่า...
"พาหนูอัยญ์ไปส่งที่บ้านรันรันนะคะ" ฉันจะกลับด้วยสภาพแบบนี้ไม่ได้ ถ้าแม่นินเห็นคงหัวใจวายแน่ ๆ
"อืม เดี๋ยวเฮียโทรบอกคุณป้านินให้เอง"
ฉันยิ้มขอบคุณผู้ชายตรงหน้าที่ดีกับฉันราวกับฉันเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา ก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างไปหาเพื่อนสนิทที่รออยู่
อา... ผิดหวังจากคนชื่อแพรไปหมาด ๆ
ตอนนี้ควงคนอื่นอีกแล้วเหรอเนี่ย เฮียลัคกี้นี่เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะ แต่ว่า... เดรสสีเขียวมิ้นท์ชุดนั่นดูคุ้นตายังไงไม่รู้สิ
หลายวันต่อมา
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฉันต้องฟิตร่างกายและสมองเพราะกำลังจะสอบปลายภาคในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ตอนนี้ก็ผ่านงานศพป๊ามาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว สภาพจิตใจฉันก็เริ่มดีขึ้นเพราะทำใจยอมรับการสูญเสียนี้ได้แล้วส่วนหนึ่ง
ส่วนข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ จากนักข่าวก็ซาลงไปมากเพราะฝั่งพ่อของรันรันช่วยเล่นงานนักข่าวที่เน้นขายข่าวมากกว่ามีจรรยาบรรณคนนั้นจนเกือบถูกไล่ออก
ขี้ปากชาวบ้านที่นินทาเรื่องป๊าฉันก็จางลงจนกลายเป็นทุกคนลืมเรื่องที่นินทาสนุกปากในตอนนั้นไปหมดแล้ว
"พี่กรองเห็นแม่นินไหมคะ?" ฉันที่เพิ่งกลับจากมหาลัยในช่วงบ่ายสามถามหาแม่เลี้ยงที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้า
"เอ... วันนี้คุณผู้หญิงไม่ได้ออกไปไหนแต่เช้านะคะ แต่จะว่าไปแล้วพี่กรองก็ไม่เห็นคุณผู้หญิงลงมาทานข้าวเที่ยงเลยนะคะ"
ฉันคิ้วขมวดตามสิ่งที่สาวใช้ในบ้านรายงาน
"งั้นหนูอัยญ์ไปดูแม่นินบนห้องก่อนนะคะ" หรือว่าแม่เลี้ยงฉันจะไม่สบายกันนะ
สามสี่วันมานี้ฉันสังเกตเห็นแม่นินดูเพลีย ๆ โทรม ๆ ยังไงไม่รู้
แต่เพราะฉันก็เรียนหนักแถมต้องติวเข้มอีก เลยไม่ค่อยได้ถามไถ่พูดคุยกัน แบบนี้ไม่ดีแล้วล่ะ ฉันต้องรีบขึ้นไปดูแม่นินสักหน่อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันเคาะประตูหน้าห้องแม่นิน ยืนรอเกือบนาทีแต่ไม่มีใครมาเปิดสักที ด้วยความเป็นห่วงปนร้อนใจจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
"แม่นินคะ แม่นินอยู่ไหม?" เข้ามาในห้องแล้วแต่ไร้วี่แววแม่เลี้ยงคนสวย สายตาที่มองหาคนที่อยากเจอกลับไปเห็นของบางอย่างที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน
ขาเรียวยาวรีบก้าวอาด ๆ เข้าไปดู
ยามากมายหลายเม็ดหลายขนานวางเกะกะกองกันอยู่บนโต๊ะนั้น ฉันเลือกสุ่มหยิบขึ้นมาหนึ่งแผง
"ยาคลายเครียด" อ่านสรรพคุณของยาเป็นยาไว้ใช้คลายเครียด
แม่นินมีอะไรให้เครียดจนถึงขั้นต้องกินยากันนะ ได้แต่ถามตัวเองในใจ ก่อนสายตาจะไปเห็นยาอีกกระปุก
"ยานอนหลับ?" ปกติยานอนหลับเขาจะไม่ขายให้คนไข้ง่าย ๆ นี่นา แม่นินได้มาทั้งกระปุกแบบนี้คงต้องมีหมอคนไหนจ่ายยามาให้แน่ ๆ
แกร๊ก ...
เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น รีบหันไปมองถึงได้เห็นสภาพแม่เลี้ยงฉันที่ดูแทบไม่ได้
"ว้าย! แม่นินระวัง!"
แม้จะยืนห่างกันเกือบสามเมตรแต่ขาฉันกลับเร็วมากรีบวิ่งไปคว้าร่างบอบบางของแม่เลี้ยงที่จู่ ๆ ก็เซเกือบล้มหัวคะมำไว้ได้ทัน
"น้องอัยญ์"
"ค่ะ หนูอัยญ์เอง แม่นินไม่ต้องพูดอะไรนะคะ พอลุกไหวไหม เดี๋ยวหนูอัยญ์พยุงไปนั่งตรงนั้นก่อน" ฉันรีบห้ามแม่เลี้ยงที่แค่เปล่งเสียงเรียกชื่อฉันยังแทบไม่มีให้หยุดใช้พลังงานทุกอย่างไปก่อน
ค่อย ๆ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีของตัวเอง พยุงแม่เลี้ยงที่หุ่นไม่ได้อวบอ้วนไปกว่าฉันมากเท่าไหร่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ พาก้าวเดินไปนั่งบนเตียงนอนแบบทุลักทุเล
"ดื่มน้ำก่อนนะคะ" เมื่อวางแม่เลี้ยงลงบนที่นอนเสร็จ ฉันรีบเทน้ำใส่แก้วยกมาให้ท่านดื่มทันที
"น้องอัยญ์เลิกนานแล้วเหรอ?" ยังจะมีเวลามาถามถึงฉันอีกนะ
"อัยญ์เพิ่งเลิกค่ะ เจอพี่กรองเมื่อกี้ พี่กรองบอกแม่นินยังไม่ลงไปทานข้าวเที่ยงหนูอัยญ์เป็นห่วงเลยรีบขึ้นมาดู" ฉันเล่าทุกอย่าง อย่างละเอียดยิบ
"แม่ไม่ค่อยหิว" แม่นินเถียงฉันด้วยแหละ
เฮ้อ! ก็เพราะไม่หิวไม่ใช่เหรอ สภาพถึงได้เป็นแบบนี้จนเกือบจะเป็นลมเอา
"หนูอัยญ์ลงไปทำข้าวต้มปลาให้นะคะ"
"แม่ไม่..."
"อย่าดื้อสิคะ เมื่อกี้แม่นินเกือบเป็นลมไปแล้วนะ" ฉันดุคืนบ้าง
"ขอบใจนะลูก"
สุดท้ายแม่เลี้ยงคนสวนก็ยอมทำตามที่ฉันบอก นอนรอบนเตียง ส่วนฉันลงไปทำข้าวต้มปลาของโปรดท่าน