‘แกร่ก’ “ตื่นแล้วเหรอ”
ร่างสูงโปร่งเปิดประตูเดินตรงเข้ามาหาฉัน นั่นมัน...อีตาขี้เก๊กที่อยู่ห้องเดียวกัน? ทำไม? อะไร? ยังไง? ที่นี่ที่ไหน? ใครก็ได้บอกฉันทีสิโว้ย!!
อ๊ะ! จะว่าไป เมื่อวาน ฉันหลับบนรถ นกนางนวลดุ กากหมู พีเอสจูเนียร์
นึกออกแล้ว...
“เสื้อผ้าพวกนี้คงใส่ได้นะ ไปอาบน้ำก่อนละกัน เดี๋ยวจะให้ป้าจินต์ขึ้นมาตาม”
หมอนั่นวางชุดเดรสสีขาวทิ้งไว้ให้ที่ปลายเตียง ก่อนหันเดินกลับออกจากห้องไป ให้ตาย...นี่ฉันหลับบนรถแท็กซี่ลึกขนาดที่ถูกอุ้มออกมาจากรถเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลยเหรอ?
ยาแก้แพ้ของยะหยาต้องผสมยานอนหลับด้วยแหง ฟันธง!
ฉันใช้เวลาวิ่งผ่านน้ำไม่นาน ก็เดินเก้กังลงบันไดมาชั้นล่างในชุดใหม่ ว่าแต่ทำไมบ้านนี้มีเดรสของผู้หญิงด้วยล่ะเนี่ย ฉันไม่เห็นมีรูปเด็กผู้หญิงที่น่าจะเป็นน้องสาวพี่สาวของหมอนี่เลยสักใบ แล้วทำไมต้องเป็นเดรส? ฉันไม่เคยใส่กระโปรงนอกจากชุดนักเรียนนะ เดินยากชะมัด พวกผู้หญิง (นอกจากฉัน) นี่น่าทึ่งกันโคตรๆ
“อ๊ะ ว้ายๆๆ”
‘ตึ้งๆๆ’
“น้ำริน! เป็นอะไร”
ฉันนั่งเอ๋ออยู่บนพื้นพรมหน้าขั้นบันไดล่างสุด ก่อนค่อยเบ้หน้าเงยมองร่างโปร่งคุ้นตาที่วิ่งตรงมาหา แล้วหัวเราะแห้งๆ อ้อมแอ้มบอกไป
“ตกบันได”
“หา?”
“ต...ตกแค่สามขั้นล่างน่า ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ” ฉันแยกเขี้ยวขู่ฟอด เมื่ออีตานั่นทำท่าเหมือนจะหันไปกลั้นหัวเราะอีกทาง ชิ! คนสวยตกบันไดมันน่าขำตรงไหนยะ? “เพราะชุดนี้นี่แหละ ฉันเลยเดินไม่ถนัด นายไม่มีกางเกงซักตัวเลยรึไง”
ฉันก้มลงมองชุดเดรสที่สวมใส่อย่างอึดอัด ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนแต่ดูเหมือนก้นกบฉันจะร้าว ม่าย... ฉันยังไม่อยากพิการตั้งแต่ยังสาว!
“มา ฉันช่วย”
“เอ๋?”
อุทานไม่ทันขาดคำ ฝ่ามือหนาก็ยื่นมารวบตัวฉันยกขึ้นอย่างง่ายแสนง่าย...อ๊ะ! แต่ทำไมฉันยอมให้เขาอุ้มมาง่ายๆ แบบนี้ล่ะ กรี๊ด!!
“ปล่อยฉันนะ!”
“อะ ปล่อย”
ไม่รู้เพราะหมอนี่เกิดอยากเชื่อฟังขึ้นมา หรือเพราะสมองฉันมันคิดช้าไปจนเขาพาเดินมาถึงที่หมายแล้วกันแน่ เขาจึงวางฉันลงที่พรมผืนหนาข้างหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ในห้องนั่งเล่นโทนสีเบจอ่อน พอมองออกไปจะเห็นสวนดอกดาวกระจายในรั้วไม้สีขาว...สวยจัง
“นี่เธอส่องกระจกก่อนออกมาจากห้องรึเปล่า ผมฟูสุดยอดอะ”
“เอ๋? เออ ลืมอะ” เออ คิดอยู่เหมือนกันว่าเหมือนลืมอะไรสักอย่างที่แท้ก็ลืมส่องกระจกนี่เอง
...ตกลงฉันเป็นผู้หญิงจริงๆ รึเปล่านะ
“ถักเปียให้เอาป่ะ”
“ไม่เอา”
“เหอะน่า มา ฉันทำให้”
“นายออกสาวรึไง ไม่เอา”
“ออกสาว...เหรอ?”
ฉันสะอึกจนเกือบถอยหลังกรูด เมื่อดวงตาคู่หวานวาววับแบบแปลกๆ ยะ...อย่าทะลึ่งคิดพิสูจน์ตัวเองขึ้นมานะยะ แม่จะยันโครมให้!
“เธออยากให้ฉัน-”
“ถักก็ได้! มาใกล้ๆ เซ่”
อีตาบ้านั่นหัวเราะหึหึในคอระหว่างที่ขยับมานั่งตรงหน้าฉัน มือใหญ่ขยับยุกยิกอยู่ข้างใบหู ดวงตาคู่หวานจับจ้องมองมาชิดใกล้ เสียจนฉันต้องเป็นอันต้องหลุบสายตามองลงเพียงอกเสื้อเขา บ้าจัง...หัวใจมันเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวถี่ เดี๋ยวช้า จนแน่นหน้าอกไปหมด
“เดี๋ยวฉันมานะ”
มือใหญ่วางบนเรือนผมหลังจากจัดการถักเปียคู่ข้างใบหูทั้งสองให้ ก่อนร่างสูงโปร่งจะเดินออกจากห้องลับตาไป ทิ้งให้ฉันซุกหน้าที่แดงจัดลงกับเข่าตัวเองอยู่อย่างนั้น พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นกดลงที่อกซ้ายที่หัวใจกำลังไหวระรัว...
ยิ่งใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งแน่ใจ...
ผู้ชายคนนั้น อันตราย!
“คุณหนูคะ คุณหนู”
เสียงเรียกนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองคุณป้าร่างท้วมที่เดินเข้ามายืนอยู่หน้าประตูห้อง และทันทีที่เราสบตากัน คุณป้าคนนั้นก็อ้าปากค้าง ตาโต
ฉันมีอะไรน่าสงสัยตรงไหนเหรอ?
“คุณ...”
“น้ำรินครับ ป้าจินต์”
มือใหญ่วางลงบนไหล่ผู้สูงวัย พร้อมโทนเสียงเฉียบขาดเกือบดุ เรียกให้คุณป้าแม่บ้านหันไปมองเขา ก่อนจะหันกลับมายิ้มแห้งๆ ให้ฉัน แต่ใบหน้านั้นยังดูไม่สนิทใจเท่าไรนัก
“ป้าจัดโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ คุณ...คุณหนูน้ำริน ไปทานข้าวเช้ากันก่อนนะคะ”
เมื่อฉันพยักหน้ายิ้มรับคำชวน คุณแม่บ้านจึงหลบฉากออกไป ใจดีจังน้า เห็นแล้วคิดถึงตอนคุณแม่อยู่บ้าน เวลาไม่บ้างาน แม่ฉันก็ใจดีมากๆ แบบนี้แหละ
“อ๊ะ! จริงสิ ฉันลืมโทรบอกแม่”
“บอกให้แล้ว”
“เอ๋?”
“เมื่อคืนป้าจินต์โทรไปบอกให้ ว่าเธอหลับเป็นตายอยู่บ้านเพื่อนน่ะ”
เขาบอก พร้อมกับยื่นมือมาให้ฉันวางมือลงไป ครั้นจะเอ่ยปากปฏิเสธเพราะไม่รู้สึกเจ็บสะโพกเท่าไหร่แล้ว ก็กลับสบประสานกับดวงตาคู่นั้นเข้าจนได้
ราวกับมีบางอย่างแฝงอยู่ในนัยน์ตาคู่นั้น อ่อนหวาน...แต่ทรงพลัง เรียกให้ฉันวางมือลงไปบนมือใหญ่นั้นอย่างง่ายดาย
“นี่ ทำไมนายรู้จักฉันล่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นถามเมื่อเราสองคนเดินตามป้าจินต์เข้าไปยังห้องอาหารอีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้าน ดวงหน้าคมคายจึงหันมองตอบมา คิ้วเข้มขมวดมุ่น
“เราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งเทอมกว่า อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้จักฉัน?”
“.....”
“ว่าไง น้ำริน แววปราชญ์”
น้ำเสียงเข่นเขี้ยวออกแนวประชดประชันนั่นทำเอาฉันยิ้มแหยตอบไป ก่อนส่ายหน้าดิก ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ฉันเป็นพวกไม่ค่อยสนใจมนุษย์ต่างเพศ ต่างกลุ่มเท่าไหร่ ต่อให้พรีมเคยทักหมอนี่ตอนฉันอยู่ด้วยก็เถอะ ถ้าไม่สนใจ ฉันก็ไม่เมมฯ ไว้ในสมองอยู่ดี แต่พอคิดๆๆ คิดดูดีๆ เขาขานชื่อก่อนเริ่มชั่วโมงด้วยชื่ออะไรนะ...
“อ๊ะ! นายเตชินทร์! เลขที่สิบสะ สะ สะ สิบสาม!”
ฉันยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงเวลาเช็กชื่อแล้วนึกชื่อจริงของเขาออกจนได้ แต่เลขที่นี่ไม่ชัวร์แฮะ
“เลขที่สิบสี่ต่างหาก แล้วนี่เพิ่งจะนึกชื่อจริงฉันออกเหรอเนี่ย”
“อ้าว...”
นั่นไง จำเลขที่ผิดจริงๆ ด้วย T^T
เขาพ่นลมหายใจยาว ก่อนสาวเท้าเดินล้วงกระเป๋านำไป ทิ้งให้ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างอยู่เบื้องหลัง ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟระย้าบนเพดาน พร้อมกับคำตอบที่ฉันน่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานนี้ด้วยซ้ำ
“เรียกฉันว่าต้าร์ก็พอ ไม่ต้องเรียกชื่อจริงก็ได้”
พูดกลั้วหัวเราะจบก็หันมายิ้มให้...
รอยยิ้มนั้นอ่อนหวาน สดใส เสียจนแทบไม่อยากจะละสายตา...
“จำไว้ให้ดีละ...มิสึสึ”