“ทายสิใครเอ่ย” เด็กชายตัวกลมย่องมาเบาๆ หลังจากเปิดประตู อาศัยจังหวะที่ช้องมาศกำลังเผลอ วิ่งเข้ามาปิดตาเลียนแบบบิดาที่ชอบทำกับตัวเอง
จันทร์เจ้าขาหันไปเห็นถึงกับยิ้ม รู้สึกสนุกตามอยากรู้มารดาจะตอบถูกไหม
“ให้เจ้าขาใบ้ไหมคะแม่แม่”
“เอาสิคะ ไหนลองใบ้มาสิ ใครมาปิดตาแม่แม่”
“เด็กผู้ชายค่ะ” เป็นคำใบ้ที่ช่วยแม่ได้มากเลยลูก
จอมทัพหลุดยิ้ม ลูกชายถึงจะเป็นคนชอบเข้าสังคมแต่ไม่ชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัว ยกเว้นจากช้องมาศ
ดูสิเข้ามาปิดตาเองเลย เขารู้สึกคิดไม่ผิดจริงๆ ที่จ้างหญิงสาวมาสอนปองคุณ ช้องมาศต้องเป็นครูคนสุดท้ายจะไม่มีการหาใหม่อีก เขาเชื่ออย่างนั้น
“มืออวบๆ อ้วนๆ ต้องเป็นคนหล่อแน่เลย” คุณครูเล่นไปตามน้ำทำให้เด็กทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก
“คนหล่อชื่ออะไร”
เด็กชายถามต่อ แววตาสุกใสไปด้วยความสุข
“เอ๊ ใจฟูรึเปล่าน้า” คำตอบของช้องมาศทำให้เด็กชายปองคุณยิ้มหน้าบาน รีบลดมือลงแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าช้องมาศเพื่อแสดงตัว
“ถูกต้องคับ ใจฟูเองคับแม่แม่”
เด็กอยากมีแม่ยังเรียกคุณน้าคนสวยเหมือนจันทร์เจ้าขา จอมทัพเห็นสีหน้าของช้องมาศ เหมือนไม่ค่อยอยากให้ปองคุณเรียกแบบนั้นเลยเอ่ยเตือนลูกชาย เมื่อวานยุ่งมากเขาเลยไม่ได้คุยถึงเรื่องนี้
“ไปเรียกคุณน้าว่าแม่แม่ ถามความเต็มใจคุณน้าหรือยังลูก”
“ไม่ได้เหรอคับคุณน้า ใจฟูอยากมีแม่” เด็กชายถามเสียงเศร้า คอตก ปากน้อยพร้อมจะเบะได้ตลอดเวลา เหมือนจันทร์เจ้าขาก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“ได้สิ เจ้าขาอนุญาต ใจฟูไม่ต้องเศร้านะ”
เด็กหญิงเป็นคนตอบด้วยความเต็มใจ พลางใช้มือน้อยๆ ลูบหลังเด็กชาย ที่รอคอยคำตอบจากช้องมาศใจจดใจจ่อ
“ถ้าคุณน้าไม่อนุญาต ใจฟูไม่เรียกก็ได้คับ”
“โธ่ อนุญาตสิครับ ต่อไปใจฟูเรียกน้าว่าแม่แม่ได้เลย”
“ลูกชายผมเรียกแบบนี้ ไม่เป็นปัญหากับสามีของคุณช้องใช่ไหมครับ”
“ไม่มีสามีค่าคุณพ่อ แม่แม่ของเจ้าขาไม่มีแฟน”
“เจ้าขาลูกนั่งนิ่งบ้างก็ได้”
“คุณช้องยังโสด”
ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า ช้องมาศไม่เคยผ่านการแต่งงาน เพราะก่อนจ้างงาน เขาให้ลูกน้องไปสืบประวัติของเธอเรียบร้อยแล้ว มีเพียงเรื่องเดียวที่ยังหาคำตอบไม่ได้ คือจันทร์เจ้าขาเป็นลูกของใคร
จอมทัพเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นอาหารเลิ่กลั่กของคนตรงหน้า ว่าไปแล้วช้องมาศก็น่ารักไม่น้อย เขาคิดในใจหลังจากเพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวเต็มตา สวยน่ารัก จบครบในคนเดียว
“โสดค่ะเรื่องนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน ใจฟูเรียกน้าว่าแม่แม่ได้เลย”
“เย่ ใจฟูดีใจจังเลยคับ”
“เจ้าขาก็ดีใจ”
“ไปเล่นที่ห้องใจฟูไหมเจ้าขา ของเล่นเยอะแยะเลย”
“แม่แม่ขา เจ้าขาไปกับใจฟูได้ไหม”
“ไม่ต้องห่วงคับ ใจฟูจะดูแลเจ้าขาเอง”
“ได้ค่ะ อย่าเล่นซนจนเกินไป โอเค้”
“โอเค้” / “ใจฟูโอเค้ด้วย”
เจ้าของบ้านตัวกลม เดินนำเพื่อนตัวน้อยคนใหม่ตรงไปทางประตูห้องทำงานของบิดา จากนั้นก็หายออกไปอย่างรวดเร็ว
จอมทัพส่ายหัวเล็กน้อยให้แก่ลูกชาย ส่วนช้องมาศก็ทำไม่ต่างกันแต่ส่ายหัวให้กับลูกสาว เด็กสองคนนี้เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเอง แต่ดูจากความสัมพันธ์เหมือนสนิทกันมานาน
หลังจากเด็กสองคนวิ่งออกไป ก็ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ต้องคุยกันถึงเรื่องงานอย่างจริงจัง
ช้องมาศอ่านสัญญาในเอกสารอย่างละเอียด ไม่มีข้อไหนเลยที่เธอคัดค้านจึงตวัดปลายปากกาลงบนกระดาษด้วยความเต็มใจ
หกเดือนต่อจากนี้เธอจะเป็นคุณครูของปองคุณเต็มตัว
“เรียบร้อยค่ะ อ้อ ส่วนขนมช้องให้ป้าเจียมแล้วนะคะ”
“ครับ ค่าขนมเท่าไรผมโอนจ่ายได้ไหม”
“ได้ค่ะ จริงๆ ไม่ต้องจ่ายก็ได้นะคะ ถือว่าช้องทำมาขอบคุณที่คุณจอมให้งานช้อง”
“ไม่เป็นไรครับ จ่ายดีกว่าของซื้อของขาย เดี๋ยวเจ้าขาจะดุผม” คิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วขำ ช้องมาศเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย
ลูกสาวเป็นเด็กฉลาด ชอบจดจำการกระทำของผู้ใหญ่ ถึงต้องคอยบอกคอยเตือนอยู่ตลอดโดยเฉพาะเรื่องคำพูด เพราะพวกผู้ใหญ่ข้างห้องชอบพูดคำหยาบ บางครั้งเด็กน้อยก็จำแล้วเอามาพูด
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าขาจำเก่งค่ะ จำมาจากผู้ใหญ่ทั้งนั้น”
“ใจฟูก็เหมือนกัน อะไรไม่ดีจำได้เร็วมาก”
“แต่น่ารักนะคะ ใจฟูเป็นเด็กสดใสมากฉลาดอีกต่างหาก”
“แสบ ซน ดื้อ เอาแต่ใจ ดูเจ้าขาไม่ค่อยดื้อเลย”
“ดื้อเงียบค่ะ บทจะไม่ฟังก็เอาเรื่องเหมือนกัน แล้วอีกงานที่พูดไว้คือยังไงคะ”
“ผมต้องการจ้างคุณช้องมาเป็นคู่รักหลอกๆ ตบตาคุณสิริมา”
เขาคิดเรื่องนี้ได้เมื่อวาน หลังจากเห็นอาการของสิริมา
ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้แข็ง ปฏิเสธก็แล้วแต่หญิงสาวไม่ยอมแพ้ มีเพียงวิธีนี้แหละที่จะทำให้เธอรามือ ถ้าจ้างคนอื่นคงไม่รอด เพราะลูกชายตัวดีต้องไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้พ่อแน่ แต่ถ้าเป็นช้องมาศทุกอย่างต้องผ่านฉลุย
อีกอย่างเขาคิดว่าเธอไม่ใช่พวกยอมคน ไม่ใช่พวกนางเอกทรงอ่อนแอ ดูจากนิสัยตรงๆ แล้วน่าจะเป็นพวกตบมาตบกลับไม่โกง รับมือคนอย่างสิริมาได้สบาย
“ค่าจ้างสามเท่าจากเงินเดือนครูสอนพิเศษใช่ไหมคะ”
“ครับสามเท่าต่อเดือน งานไม่มีอะไรมากก็แค่ทำให้คุณสิริมาเชื่อว่าเราสองคนคบกันจริง”
“แล้วช้องต้องทำนานแค่ไหนคะ”
“จนกว่าคุณสิริมาจะเลิกยุ่งกับผม”
“ได้ค่ะ ช้องจะทำให้เต็มที่เพื่อเงิน”
“คุณช้องเป็นคนตรงดีนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้มีแค่เราสองคนที่รู้ ห้ามบอกใครเด็ดขาด เดี๋ยวผมโอนเงินให้เลยเป็นหลักประกัน ตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ แต่ว่าเราไม่ต้องเซ็นเอกสารอะไรเลยเหรอ”
“ไม่ครับ ผมเชื่อใจคุณช้อง ผมเชื่อสายตาตัวเอง คุณช้องเป็นคนดี”
“ชมกันขนาดนี้ ช้องจะทำงานที่คุณจอมจ้างอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
จอมทัพยิ้มด้วยความพึงพอใจ หลังจากเห็นแววตามุ่งมั่นของช้องมาศ ก่อนจะโอนเงินจำนวนเก้าหมื่นบาทเข้าบัญชี ทำให้หญิงสาวยิ้มไม่หุบ รู้สึกเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันที ทว่าอยู่ๆ คิ้วของชายหนุ่มก็ขมวดกันเป็นปมเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก
เขาลืมเรื่องสำคัญไปได้อย่างไร
“อ้อ ผมลืมบอกคุณช้องไปอีกเรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ”
“ในระหว่างที่คุณกำลังทำงานให้ผม ห้ามไปคบใครเด็ดขาด คุณสิริมาหูตาไว ผมไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง หรือถ้าคุณช้องมีคนคุยอยู่แล้ว ยกเลิกเรื่องนี้ได้เลยนะครับ”
“ไม่มีค่ะ ช้องไม่มีคนคุย รับรองจะไม่มีปัญหาเรื่องนั้นเกิดขึ้นแน่นอน”
“คุณช้องแน่ใจใช่ไหมครับ”
“แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ คุณจอมไว้ใจช้องได้เลย เพราะช้องจะอยู่กับลูกเท่านั้น”
“ดีครับ ผมก็เหมือนกัน ชีวิตนี้จะอยู่กับลูกชายเท่านั้น”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันและกันด้วยความเข้าใจ เพราะต่างก็มีลูกจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องความรักของตนเอง
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะลุกจากโซฟา ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือเด็กแก่แดด ซึ่งมาพร้อมกับอาการตาวาวราวกับมีเรื่อง ตามหลังด้วยจันทร์เจ้าขาที่มีอาการไม่ต่างจากปองคุณ
“คุณพ่อคับ คุณพ่อ”
“มีอะไรครับลูกหน้าตื่นมาเชียว”
“เกิดอะไรขึ้นคะเจ้าขา ทำไมหนูวิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้”
“ข้าวผัดมะเขือปะเทศ เป็นยังไงเหรอคะแม่แม่”
“คุณพ่อคับ ไปกัน ไปทำข้าวผัดมะเขือปะเทศให้เจ้าขากิน”
“ข้าวผัดมะเขือปะเทศ? ใช่ข้าวผัดใส่มะเขือเทศไหมคะคุณจอม”
“ครับ เข้าใจแล้วใช่ไหมทำไมผมถึงต้องให้คุณช้องมาสอนภาษาไทยใจฟู”
“เข้าใจค่ะ เข้าใจตั้งแต่คำว่าคนซวยแล้ว”
“ไปกันคับคุณพ่อ ไปทำข้าวผัดมะเขือปะเทศกัน”