เพราะเมื่อวาน ว่าที่เจ้านายคนใหม่บอกให้ลูกจ้างมาเซ็นสัญญาที่บ้าน ช้องมาศจึงเดินทางมาตามที่จอมทัพบอก
ใจจริงหญิงสาวจะมาตั้งแต่เก้าโมงเช้า ทว่าเจ้าจักรยานคันเก่าไม่เป็นใจ โซ่หลุดซ่อมอย่างไรก็ใช้งานไม่ได้
สุดท้ายเธอจึงจ้างวินมอเตอร์ไซค์ให้มาส่งในช่วงสิบโมง แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลกันมาก แต่ถ้าให้เดินก็คงไม่ไหว อากาศก็ร้อนเกินสงสารลูกสาวตัวน้อย
“สวัสดีค่ะป้าเจียม” ช้องมาศยกมือขึ้นมาไหว้ป้าแม่บ้านอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกัน
เธอกดออดไม่นานป้าเจียมก็ออกมาเปิดประตู
“สวัสดีค่ะย่าเจียม”
เด็กหญิงจันทร์เจ้าขายกมือขึ้นมาไหว้ไม่พอ ยังย่อตัวถอนสายบัวอีกต่างหาก ทำให้คนแก่ที่แทนตัวเองว่าย่าเจียมยิ้มเอ็นดู
เด็กอะไรก็ไม่รู้หน้าตาราวกับตุ๊กตา แก้มป่องเหมือนซาลาเปา กิริยามารยาทก็น่ารัก
“สวัสดีจ้า มาๆ เข้ามาในบ้านเถอะ คุณหนู เอ่อ คุณจอมบอกป้าไว้แล้วเรื่องที่หนูช้องจะมาสอนภาษาไทยคุณหนูน้อย หมายถึง คุณหนูใจฟูน่ะ”
คุณแม่บ้านเชื้อเชิญสองแม่ลูก ให้เดินตามตนเองเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านสีขาวสองชั้นสไตล์ยุโรป ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยสนามหญ้าและต้นไม้ ซึ่งมีความเขียวชอุ่มทำให้คนมองรู้สึกประหลาดใจ
“บ้านสวยมากเลยค่ะป้าเจียม ต้นไม้ล้อมรอบธรรมชาติมาก”
“เหมือนไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เห็นจากข้างนอกไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้”
“บ้านหลังนี้มีมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ของคุณจอม ท่านทั้งสองชอบต้นไม้เลยปลูกเอาไว้ แต่น่าเสียดายพวกท่านจากไปไวเกิน”
ป้าเจียมอธิบายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ยามที่คิดถึงเจ้านายทั้งสอง ซึ่งจากโลกนี้ไปหลายปีมากแล้ว หลังจากที่คุณหนูใจฟูเกิดเพียงไม่นาน
จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น เพราะป้าเจียมไม่อยากพูดถึงเรื่องของเจ้านายมากเกินไป
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน สองแม่ลูกถึงกับตาลุกวาว ข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในสวยยิ่งกว่า มีทั้งโซฟา โคมไฟระย้า ของประดับตกแต่งแต่ละชิ้นคงแพงน่าดู
ช้องมาศเริ่มกังวลใจเล็กน้อย กลัวเจ้าของบ้านจะไม่ให้เธอนำตัวลูกสาวมาด้วยจึงเอ่ยถามป้าเจียม
“ป้าเจียมคะ ในระหว่างสอนพิเศษ ช้องต้องพาเจ้าขามาด้วย ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ถามด้วยความเกรงใจ ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมลูกสาวต้องอยู่กับแม่ตลอด ไปฝากคนอื่นดูแลก็มีเรื่องค่าใช้จ่ายมาเกี่ยวข้อง อีกอย่างเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย กลัวจะเป็นเหมือนในข่าว
“ไม่เป็นไรเลย หนูเจ้าขาออกจะน่ารักขนาดนี้ คุณจอมไม่ว่าหรอก”
“โล่งอกค่ะ ช้องไม่อยากพาลูกไปฝากใครเลี้ยงเลย”
“พามาที่นี่แหละ เดี๋ยวป้าดูแลให้ ไปๆ ป้าพาไปหาคุณจอม”
“ค่ะ เจ้าขาไปลูก มัวแต่มองอะไรอยู่” ช้องมาศก้มมองลูกสาวที่กำลังเงยหน้ามองรอบตัวไม่หยุด
ปากน้อยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข บ้านของเด็กชายปองคุณใหญ่มากเหลือเกิน เจ้าขาอยากมีบ้านแบบนี้บ้าง เด็กน้อยคิดในใจก่อนจะหันมาตอบมารดาเสียงใส ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ
“บ้านของใจฟูใหญ่มากเลยค่า เจ้าขาชอบ”
“เอาไว้แม่แม่มีเงิน เดี๋ยวแม่แม่ซื้อให้หนูนะคะ”
พูดไปก็อายปาก ตนเองจะเอาเงินจากไหนมาซื้อบ้านหลังใหญ่โตให้ลูกสาว ทุกวันนี้แค่มีเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องก็บุญโขแล้ว แต่ไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีลมหายใจเธอก็ยังมีหวัง
“ค่า ย่าเจียมขาใจฟูอยู่ไหนคะ” เด็กน้อยพยักหน้าเสร็จก็หันไปถามคุณแม่บ้าน เมื่อวานเล่นกับใจฟูสนุกมาก วันนี้เจ้าขาจะเล่นกับใจฟูอีก ใจฟูนิสัยดีเจ้าขาอยากเล่นด้วย
“คุณหนูน้อยอยู่ในห้องทำงานของคุณพ่อเดี๋ยวก็ได้เจอจ้า”
“ป้าเจียมคะ เอ่อ คุณจอมดุไหม แล้วบ้านหลังนี้อยู่กันกี่คน”
“ไม่ดุหรอก บ้านนี้อยู่กันเท่าที่เห็นนี่แหละหนูช้อง”
ช้องมาศอยากจะถามมากกว่านี้ แต่เกรงใจเลยหุบปากลง จากนั้นก็จูงมือลูกสาว ซึ่งอยู่ในชุดน่ารักสมกับเป็นเด็กผู้หญิง เดินตามป้าเจียมขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
จันทร์เจ้าขามองทางนั้นทางนี้ด้วยความชอบใจ ก่อนจะร้องว้าวเมื่อเจอรูปของจอมทัพถ่ายคู่กับลูกชาย
“โอ้โฮใจฟูได้ขึ้นเครื่องบินด้วย แม่แม่ขาดูเร็วใจฟูกับคุณพ่อ”
เด็กน้อยชี้ให้แม่ดูด้วยความตื่นเต้น ลืมเรื่องที่คุยกับมารดาเมื่อคืนไปเสียสนิท เผลอเรียกจอมทัพว่าคุณพ่อเหมือนที่คุยกับปองคุณเมื่อวาน
ช้องมาศถอนหายใจเล็กน้อย กลัวใครมาได้ยินแล้วเข้าใจผิดหาว่าเธอไม่สอนลูก
“เจ้าขาแม่แม่บอกแล้วไง อย่าเรียกคุณจอมแบบนั้น”
“เจ้าขาขอโทษค่ะ เจ้าขาลืม”
“แล้วเจ้าขาต้องเรียกยังไง”
“คุณลุงค่า”
“ดีมากค่ะ ไปเถอะใจฟูรออยู่”
“ค่า”
จันทร์เจ้าขาขานรับด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำให้ช้องมาศรู้สึกสงสารไม่น้อย แต่ไม่อยากให้ลูกสาวเสียมารยาท จอมทัพอาจจะไม่พอใจเอาได้ ที่มีเด็กซึ่งไม่ใช่ลูกไปเรียกตนเองว่า คุณพ่อ
หลังจากเข้ามาในห้องทำงานของจอมทัพเรียบร้อย เด็กน้อยก็ไม่รอช้าที่จะยกมือขึ้นมาไหว้คุณลุงสุดหล่อ จากนั้นก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จาเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น เหมือนไม่ใช่จันทร์เจ้าขาคนเมื่อวาน ทำให้จอมทัพเกิดความสงสัย
“สัญญาอยู่ในเอกสารตรงหน้า คุณช้องอ่านให้ละเอียดนะครับ” เขาบอกเธอแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของแม่หนูน้อย
“ค่ะ แล้วงานที่จะให้ช้องทำอีกอย่างคืออะไรคะ”
เธอถามเพราะอยากรู้เอามากๆ เมื่อวานจอมทัพค้างเรื่องนี้เอาไว้ ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ
นาทีนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับช้องมาศอีกแล้ว
“ผมอยากให้คุณช้องช่วยมาเป็นไม้กันหมา”
“ไม้กันหมา! ยังไงคะ เกี่ยวกับผู้หญิงที่เจอเมื่อวานเหรอ”
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้คุณช้องอ่านสัญญาเรื่องสอนพิเศษก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องงานนั้นค่อยคุยกันหลังจากคุณช้องเซ็นสัญญาเรียบร้อย”
“โอเคค่ะ ขอเวลาสักครู่”
“ครับตามสบายเลย”
จากนั้นห้องทำงานจึงตกอยู่ในความเงียบ ช้องมาศค่อยๆ ดึงเอกสารออกมาจากซอง แล้วไล่อ่านทีละบรรทัดเพื่อทำความเข้าใจ
จอมทัพจึงหันไปให้ความสนใจยัยหนูตัวน้อย ที่ยังแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยไม่เปลี่ยน ปากเล็กๆ เหมือนจะเบะปล่อยเสียงได้ตลอดเวลา ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินสำหรับคนมอง
“เจ้าขาเป็นอะไรคะทำไมวันนี้ดูซึมจังเลย”
คุณลุงใช้เสียงนุ่มนวลสอบถามเด็กน้อย
จันทร์เจ้าขาเงยหน้ามองบิดาของปองคุณพลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบ
“เจ้าขาเสียใจ”
น้ำเสียงเศร้า ใบหน้าหม่นหมองจนคนฟังอยากรู้จริงๆ เด็กตัวแค่นี้มีเรื่องอะไรให้ลำบากใจนักหนา
“เสียใจเรื่องอะไรครับ หนูบอกลุงได้ไหมเอ่ย” เพราะเขามีลูกชายวัยเดียวกับจันทร์เจ้าขา ถึงได้รู้วิธีการเข้าหาเด็ก
ยัยหนูได้ยินอย่างนั้น ก็รีบกระโดดลงจากโซฟา แล้วเดินไปฟ้องคุณลุงทันที
“แม่แม่ดุเจ้าขา แม่แม่ไม่ให้เจ้าขาเรียกคุณลุงว่าคุณพ่อ”
ลูกสาวทำปากจู๋งอนมารดาในขณะฟ้องคุณลุง ดวงตากลมโตใสซื่อบริสุทธิ์ทำให้จอมทัพใจอ่อนยวบ
“เจ้าขาอยากเรียกลุงเหมือนใจฟูเหรอคะ” คุณลุงยิ้มเอ็นดู มือหนาลูบหัวแม่หนูน้อยตรงหน้าด้วยความเห็นใจ
เด็กอยากมีพ่อแม่เหมือนกันทุกคน ใจฟูเองก็อยากมีแม่
“ค่า เจ้าขาอยากมีคุณพ่อใจดีเหมือนใจฟู หล่อด้วย”
คำตอบของยัยหนูทำให้จอมทัพเผลอยิ้มกว้างถูกใจที่โดนชมว่าหล่อมากกว่าใจดี เพราะแบบนี้อย่างไรเล่าสาวน้อยสาวใหญ่ถึงอยากได้เขาไปเป็นพ่อของลูก
“เจ้าขาไม่เอาลูก ขอโทษด้วยนะคะคุณจอม อย่าถือสาเจ้าขาเลยค่ะ เจ้าขายังเด็ก” ช้องมาศเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ กลัวจอมทัพจะโกรธจันทร์เจ้าขา อีกอย่างเธอกลัวคนรักของเขามาได้ยิน
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเจ้าขาอยากเรียก ลุงอนุญาต ต่อไปเจ้าขาเรียกลุงว่าคุณพ่อเหมือนใจฟูได้เลย ตกลงไหม”
แพ้เด็กอย่างไม่ต้องสงสัย บอกตามตรงเขาแพ้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชาย
จันทร์เจ้าขาออกจะน่ารักขนาดนี้จะไปขัดใจได้อย่างไร แค่เปลี่ยนการเรียก จากคุณลุงเป็นคุณพ่อ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
“ตกลงค่า แม่แม่ขาคุณลุง เอ๊ยไม่ใช่สิ คุณพ่ออนุญาตแล้ว เย่” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ หน้าบานยิ่งกว่ากระด้งหาได้สนใจสีหน้ากระอักกระอ่วนของมารดา
“จะดีเหรอคะคุณจอม ถ้าเกิดภรรยาของคุณรู้เข้าจะโกรธเอาได้” กังวลเรื่องนี้ที่สุด กลัวมารดาของเด็กชายปองคุณไม่พอใจ
เธอไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเขาเท่าไรจึงไม่รู้ว่าจอมทัพยังโสด ไม่เคยผ่านการแต่งงานเหมือนตนเอง
“ผมไม่มีภรรยา ไม่เคยแต่งงาน เอาเป็นว่าผมโสด”
จอมทัพบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้ช้องมาศงงเล็กน้อย ถ้าเขาโสดแล้วปองคุณมาจากไหน ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามต่อก็ต้องสะดุ้งตกใจกับมือน้อยๆ ที่มาปิดตาตนเอง