“พี่ปลื้มดูแลญากับลูกมานาน ถึงเวลาที่ญาควรเปิดทางให้มีคนดีๆ มาดูแลพี่ปลื้ม ถ้าญาไม่อยู่พี่ตรีอย่าให้พี่ปลื้มดื่มจนเมาไม่รู้เรื่องอย่างวันนี้อีกนะคะ ญาไม่อยากให้พี่ปลื้มมีปัญหากับที่บ้าน”
“มีลูกมีเมียดีไม่รู้จักรักษา ไม่รู้ในหัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือเปล่า”
“ญาแค่ผู้หญิงธรรมดา หาจากไหนก็ได้ หลุดพ้นจากญา พี่ปลื้มอาจจะเจอคนที่ดีกว่าร้อยเท่าพันเท่าก็ได้”
“พี่จะลองคุยกับมัน เผื่อว่ามันจะเปลี่ยนใจ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ญาเตรียมเอกสารไว้หมดแล้ว ถ้าเรียบร้อยก็จะย้ายออกจากบ้านหลังนี้”
“ทำไมต้องไปอยู่ที่อื่น ไอ้ปลื้มมันไม่ทวงบ้านคืนหรอก”
“อยากหาที่สงบๆ เขียนหนังสือค่ะ” เป็นเหตุผลเดียวที่สามารถพูดได้ นอกนั้นเก็บไว้ในใจเถอะพูดไปไม่มีประโยชน์
“อย่าเงียบหายคอยส่งข่าวถึงพี่ด้วยนะ มีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือโทรมาได้ น้องญาเหมือนน้องสาวอีกคนของพี่”
“ขอบคุณมากนะคะ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าไม่มีพี่ตรีกับพี่กันต์คอยช่วยเหลือคอยห่วงใย ญากับลูกน่าจะแย่เอาการ”
“ที่ไหนล่ะ ที่น้องญาจะพาลูกไป คิดไว้หรือยัง”
“ญารอบอกทีหลังดีกว่าค่ะ พี่ตรีขับรถดีๆ นะคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ญาจะดูแลพี่ปลื้มให้ดี”
“จ้ะ ล็อกบ้านดีๆ ด้วยนะ” ตรีวิทย์ตัดใจเดินออกจากบ้าน รอให้หล่อนเข้าบ้านก่อนถึงขับรถออกไป
ญาตาวีกลับมาพิมพ์งานต่อไม่นานก็ปิดเพราะขาดสมาธิ นำผ้าชุบน้ำบิดหมาดไปเช็ดตัวให้ปรเมศวร์ที่นอนแผ่
ปรเมศวร์รู้สึกตัวทำเสียงรำคาญพลิกตัวหนี
“ไปให้พ้น”
เมาไม่รู้เรื่องยังกล้าปากดี สมแล้วที่เป็นเขา เสียสติที่หัวเราะทั้งที่ถูกขับไล่ อาจเพราะชิน ถูกเขาไล่มาหลายปีแล้วนี่นา ไล่ไปเถอะ อีกหน่อยจะไม่มีโอกาส
ญาตาวีตัดสินใจแน่วแน่จะหย่าร้าง และพาลูกสาวย้ายไปอยู่ที่อื่น อยากคืนชีวิต ความสุข และอิสรภาพให้เขา ปรเมศวร์เรียนจบสูง หน้าที่การงานดี เกิดในครอบครัวมีฐานะ รายล้อมด้วยคนสวย คนเก่ง เขาควรมีชีวิต มีคู่ครองที่ดีกว่านี้ ขอบคุณที่ถึงแม้จะไม่ได้รัก แต่ก็ทนดูแลหล่อนกับลูกมานาน ขอบคุณจากหัวใจ แต่ต่อไปนี้ พี่ปลื้มไม่ต้องลำบากอีกแล้ว ญาจะดูแลลูก ดูแลตัวเองให้ดี จะอยู่ให้ได้ และไม่กลับมารบกวนพี่ปลื้มอีก
หญิงสาวชุบผ้าเปียกในชามน้ำนำมาเช็ดทั่วแผ่นหลังแข็งแรง ออกแรงจับเขากลับมานอนหงายมาเช็ดทั่วแผ่นอก ชุบน้ำใหม่มาเช็ดหน้าจนเขารู้สึกตัวขยับเปลือกตาขยุกขยิกไม่ช้าเปิดดวงตาปรือๆ ขึ้นมา
ญาตาวีถูกแช่แข็งด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยได้รับ ว่ากันว่าคนเมามักจะพูดความจริง แวบหนึ่งในหัวนึกอยากให้เขาบอก รัก สักครั้ง ต่อให้เป็นคำโกหกก็จะถือเป็นคำพูดจริง แต่จนแล้วจนเล่าเขาไม่พูดออกมา เป็นฝ่ายญาตาวีที่โน้มปากอิ่มลงไปจูบเขา
“วันนี้แปลกๆ นะว่าไหม ไม่ได้ยินเสียงคุณแม่บ้านทะเลาะกัน”
สาวรับใช้ประจำบ้านกระซิบใกล้ริมหูเพื่อนร่วมงาน ขณะเดียวกันก็เร่งมือจัดวางพืชผักสวนครัว เนื้อสัตว์ วัตถุดิบทำอาหารนานาชนิดบนโต๊ะทำครัวยาวสามเมตรให้เป็นระเบียบ
“พูดเสียงดัง เดี๋ยวแม่ผ่องได้ยิน”
อีกคนปรายสายตาไปทางแม่ผ่อง แม่บ้านคนสนิทของคุณผู้หญิงคนรอง แม่ผ่องหูตาไวปานสับปะรดสองคนก้มหลบ
“อย่าพูดมาก เร่งมือเข้า ไม่ทันเวลาตั้งโต๊ะระวังโดนดี”
ออกคำสั่งเสียงทรงอำนาจ ล้วงกระดาษแผ่นเล็กที่มีรายชื่ออาหารประจำวันมาอ่านทวนให้สาวรับใช้หลายชีวิตได้จัดเตรียม ส่วนตนเองมีหน้าที่ปรุงอาหารให้ถูกปากเจ้าของบ้าน
แม่ผ่องยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ร่างกายอ้วนท้วนของหญิงวัยใกล้เคียงกัน เบียดร่างกายเล็กผอมของหล่อนเข้ามาในห้องครัว
“เพิ่มกุ้งทอดกระเทียมพริกไทยอีกหนึ่งจาน คุณหนูของฉันจะมาร่วมโต๊ะ” แม่นวล เข้ามาแย่งชามกุ้งสดน็อกน้ำแข็งจากมือสาวใช้ข้ามหน้าข้ามตาแม่ผ่อง แม้ว่าวันนี้จะเป็นเวรแม่ผ่องทำอาหาร
ตัวเล็กกว่าแล้วไง คิดเหรอคนอย่างแม่ผ่องจะยอมแพ้ง่ายๆ กระทืบเท้าปังๆ เลือดร้อนเข้าไปแย่งกุ้งคืน
“เอาคืนมา ฉันเป็นคนไปจ่ายตลาด ถ้าแกอยากทำให้คุณหนูของแกกินก็ไปซื้อเองสิ”
“กุ้งตั้งสองกิโล แบ่งมาสักครึ่งจะเป็นไร!”
“เป็นสิ! คุณหนูของฉันอยากกินกุ้งเหมือนกัน! แล้วเชื่อได้เหรอว่าทำแล้วคุณหนูของแกจะมากิน ไม่กลับมานอนบ้านสักวัน!” แม่ผ่องหัวเราะสะใจ หลังถากถางแม่บ้านคู่อริได้สำเร็จ
“เพราะที่บ้านมีกาฝากอย่างพวกแกอยู่เยอะไง คุณหนูของฉันถึงไม่อยากกลับมาใช้อากาศสกปรกเดียวกันหายใจ!”
แม่นวลกล่าวเสียดสีแม่บ้านคนสนิทของเมียน้อยเจ้าบ้าน
นายแพทย์สิทธิเดชร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี บริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนเกือบยี่สิบสาขาในประเทศไทย บ้านหลังใหญ่โตปานคฤหาสน์ สาวรับใช้ คนสวน ทำงานหลายสิบชีวิต
ด้วยเสน่ห์ของเม็ดเงินดึงดูดผู้หญิงเข้ามาทอดกายจนพลาดมีลูกกับเมียน้อย ช่วงแรกเหมือนจะสำนึกในความผิด ละอายใจไม่กล้าสู้หน้าภรรยาที่ตบแต่งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ช่วงหลังหลงกันหัวปักหัวปำถึงขั้นหักหน้าคุณผู้หญิงของแม่นวล พาเมียน้อยมาอยู่รวมกันที่นี่และมีลูกด้วยกันถึงสามคน เหตุนี้คุณผู้หญิงของแม่นวลกับคุณหนูปลื้มลูกชายท่านทนรับสภาพไม่ได้ ไม่ลงรอยพ่อผิดใจกันมาถึงปัจจุบัน ถึงขั้นคุณหนูปลื้มไม่กลับมาอยู่บ้าน ปล่อยพวกเห็บหมัดกัดกินเลือดพ่อให้อิ่มจนท้องแตก
เมียน้อยกับลูกๆ หน้าด้าน ลูกชายคนโตแต่งงานพาคู่สมรสเข้ามาร่วมบ้าน ลูกสาวคนรองไม่ได้ความ เรียนไม่จบ สวยไปวันๆ ลูกสาวคนเล็กนิสัยดีกว่าพี่ๆ สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ เรียนชั้นปี 5 ที่เชียงใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นแม่นวลก็ไม่เอ็นดูเพราะเกลียดชังเชื้อสายเด็กสาว
แม่นวลทำงานรับใช้คุณผู้หญิงคุณกาญจนากับเลี้ยงคุณหนูปลื้มตั้งแต่ยังเล็ก จนตอนนี้คุณหนูแม่นวลโตเป็นหนุ่มอายุครบสามสิบสี่ เจ็บแค้นเหลือทนที่ต้องทนดูพวกมันลอยหน้าลอยตาในบ้าน ขณะที่ลูกชายผู้มีสิทธิ์สืบทอดทรัพย์สมบัติทั้งหมดต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก แค่จะกลับมาร่วมโต๊ะอาหารช่วงวันหยุดยังไม่อยากมา
แม่นวลโทษว่าเป็นความผิดเจ้านายแม่ผ่องจึงเกลียดชังน้ำหน้า
“ถ้าไม่อยากหายใจใกล้พวกฉันก็กลั้นหายใจตายไปเลย”
แม่ผ่องกัดฟัน สาดน้ำมันหลายลิตรเข้าไปในกองไฟที่ลุกโชน
“มึงกล้าว่าคุณหนูกูเหรอ อีผ่อง!”
“เออ อีนวล!” ทั้งสองชี้หน้าขึ้นเสียงใส่กัน