บทที่12 จับมือแล้ว

965 คำ
บทที่12 จับมือแล้ว วันต่อมา ฉันลงมาข้างล่างก็เจอคุณว่าที่คู่หมั้นกำลังนั่งคุยกับแม่และป้าพลอยอยู่ในห้องรับแขก ใช่วันนี้ฉันจะไปซื้อของกับเขาแต่จะไปที่ไหนฉันก็ไม่รู้เมื่อวานไม่ได้ถามมัวอึ้งกับคำว่า น่ารักดี “โน้นไอ้ตัวแสบมาโน่นแล้ว” แม่ฉันโบ้ยหน้ามาหาฉันพี่วาโยเลยหันมามอง วันนี้ฉันใส่กางเกงขายาวเสื้อครอปมันดูแปลกใช่ไหม ฉันเองก็แปลกตาเหมือนกัน “ไม่กินข้าวกันก่อนเหรอวาโย หรือจะพาน้องไปกินข้าวข้างนอก” ป้าพลอยถามว่าที่หลานเขยที่ก้มหน้ามองต่ำด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวผมพาน้องไปทานข้างนอกครับ นัดเพื่อนเอาไว้ด้วย” รอยยิ้มที่ดูเขินๆ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มออกมาพร้อมกัน หรือว่าชายหนุ่มจะเริ่มตกหลุมรักตัวแสบของบ้านเข้าแล้ว ระหว่างทางฉันสังเกตว่าพี่วาโยดูเกร็งๆ เลี่ยงที่จะสบตาฉันเลยหันไปเอียงคอมองหน้าเขาพร้อมส่งสายตาแบ้วๆ ให้เขาไป “พี่วาโยเป็นอะไรทำไมหน้าแดงจังเลยคะ” รังสีคนตกหลุมรักฉันหรือเปล่านะที่มันประกายวิบวับออกมาแบบนี้ “ปะ เปล่าไม่ได้เป็นอะไร ข้างหน้าก็ถึงแล้วอีกไฟแดงเดียว” “ร้านอาหารจีนใช่ไหมคะ เบลเคยมาแอบทานติ่มซำกับคุณพ่อ อร่อยมากๆ เลยค่ะ^^” ฉันยิ้มให้เขาขณะรถติดไฟแดง มันทำให้ทั้งฉันและเขาได้สบตากันแต่สิ่งที่มันทำให้ฉันต้องรีบหุบยิ้มแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางก็คงเป็นเสียงหัวใจของฉันนี่แหละที่มันเต้นแรงมาก แรงกว่าปกติ หรือฉันจะเป็นโรคหัวใจ.... มาถึงร้านอาหารจีนวันนี้เหมือนมีงานจัดเลี้ยงทางด้านโซนวีไอพี แถมคนยังเบียดเสียดกันจนฉันถูกผู้ชายคนนึงเบียดจนต้องรีบเอามือปิดหน้าอกเอาไว้ หมับ! มือหนาของวาโยรีบคว้ามือของลัลลาเบลเอาไว้และดึงเข้าหาตัวเพื่อกันไม่ให้ใครได้เข้าใกล้เธอ เมื่อทางสะดวกวาโยจึงรีบพาลัลลาเบลขึ้นมาชั้นสองโดยที่ทั้งสองยังเดินจับมือกันขึ้นมา ถึงห้องวีไอพีเหมือนวาโยจะพึ่งรู้ตัวจึงรีบปล่อยมือลัลลาเบลแล้วพาเธอเข้ามาในห้องอาหาร ภายในห้องมีเพื่อนของเขานั่งรออยู่ “สวัสดีค่ะพี่บอล พี่ไกด์” ฉันยกมือไหว้จนหันมาอีกด้านก็เจอผู้ชายอีกคนนึงที่ความหล่อไม่แพ้พี่วาโยเลย “นี่เพื่อนพี่อีกคนชื่อโอม เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเดี๋ยวเราก็คงได้เจอ” “สวัสดีค่ะอาจารย์^^” ฉันยกมือไหว้อาจารย์พร้อมกับรอยยิ้มแต่อาจารย์รีบโบกมือยิกๆ จนฉันต้องรีบเอามือลง “อยู่ข้างนอกไม่ต้องเรียกอาจารย์หรอก เรียกพี่ดีกว่า ว่าแต่จะหมั้นกันเมื่อไหร่เหรอ” เป็นคำถามที่ทำให้ฉันอึ้งจนต้องหันไปมองคนข้างๆ ที่ยืนล้วงกระเป๋าไม่พูดอะไร จนพี่ไกด์ต้องขยับที่ให้ฉันกับพี่วาโยได้นั่ง ระหว่างทานทั้งสี่หนุ่มก็คุยกันถึงเรื่องธุรกิจที่พวกเขาร่วมกันลงทุนนั่นก็คือนำเข้ารถยนต์และอะไหล่รถหรู ฉันพึ่งรู้ว่าพี่วาโยชอบแข่งรถมากถึงว่าเขาขับแต่รถหรู แถมยังขับรถปาดซ้ายปาดขวา ปาดหมดไม่สนลูกใคร “น้องลัลลาเบลสนใจความเร็วไหมครับ” ไกด์นั่งมองสาวน้อยที่มองตามผู้ใหญ่คุยกันไปมาโดยที่เธอไม่ได้แสดงอาการเบื่อหรือรำคาญแต่อย่างใด “ก็น่าสนใจนะคะ สก๊อยเก่าค่ะแต่ตอนนี้อัพเกรดแล้วคิกๆ” “ดูพูดเข้า คนเรามันต้องเคยผิดพลาดกันบ้างเป็นเรื่องปกติครับน้องลัลลาเบล เห็นพวกพี่ดูมีหน้าที่การงานดีแบบนี้ตอนอยู่เมืองนอกก็สุดโต่งเหมือนกันนะ เรียนคือเรียนแต่โชคดีที่ในกลุ่มไอ้วาโยมันดูเป็นผู้เป็นคนสุดฮ่าๆๆ” “ค่ะ เบลก็ผิดพลาดมาเยอะดื้อเลยแหละ ดื้อจนคุณพ่อต้องปล่อยแต่พลาดเมื่อไหร่คุณพ่อซ้ำเลย” ฉันเล่าวีรกรรมสมัยวันเฟี้ยวฟ้าวให้หนุ่มๆ ได้ฟัง ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าฉันแสบมาก แต่ตอนนี้ฉันก็เฉยๆ นะไม่ได้อยากต่อต้านครอบครัวแล้ว จะพูดว่าหลังจากโดนไม้เรียวคุณพ่อไปวันนั้นเหมือนฉันได้สติคืนมาบ้าง ส่วนแผนการที่จะหลอกฟันว่าที่คู่หมั้นฉันยังไม่ลดความพยายามนะ แต่ไม่อยากรุกในตอนนี้ ค่อยๆ ทำให้เขาคลั่งฉันก่อนจากนั้นฉันก็เทเขา สะใจดี! พวกเราทุกคนทานอาหารกันจนอิ่มพี่วาโยก็พาฉันขับรถมายังโกดังอะไรสักอย่างโดยมีรถของพี่บอล พี่ไกด์และพี่โอมขับตามมาจอด ฉันมองไปรอบๆ มันอยู่ห่างจากอาคารอื่นพอสมควรด้านหน้าติดถนนใหญ่มีลานปูนกว้างๆ แต่พอมองไปมองมาเหมือนมันยังก่อสร้างไม่เสร็จมากกว่า “ที่นี่จะเป็นโชว์รูม อู่รถแข่ง และเป็นออฟฟิศตอนนี้มันยังไม่เสร็จดีอีก3เดือนน่าจะเสร็จ” ฉันเดินตามเข้ามาดูด้านในตอนนี้มีรถหรูจอดไว้โดยมีผ้าคลุมอย่างมิดชิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากิจการของพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ “ถ้าวันไหนพี่วาโยมีแข่งรถพาเบลไปด้วยนะคะเบลอยากเห็นพี่วาโยแข่งค่ะ เบลจะไปเชียร์^^” “ได้แข่งวันไหนจะบอกล่วงหน้าก็แล้วกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม