ค่ำคืนไร้จันทรา แหงนมองฟ้าเพียงเดียวดาย
อ้อนวอนดาราฉาย ส่องประกายแห่งความหวัง
น้ำตาไหลหลั่งริน กัดกร่อนกินใจบอบบาง
ภาพจำสีซีดจาง เจ็บกี่ช้ำจะร้างลืม
ตอนที่ 4
สองเดือนผ่านไป ซือเหยียนสอบได้จอหงวนฝ่ายบุ๋นตามที่คาดหวังและอีกไม่นานเขาจะได้รับช่วงเป็นนายอำเภอประจำอยู่ที่เมืองลู่เจ๋อแทนท่านนายอำเภอคนเก่าซึ่งใกล้ถึงวาระเกษียณราชการในเร็ววัน ระหว่างนั้นซือเหยียนได้ออกไปหาความสำราญตามประสาชายโสดพร้อมกับบ่าวรับใช้ส่วนตัวเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เคยคร่ำหวอดอยู่กับการศึกษาตำรากฏหมายมานานหลายเดือน
“หญิงสาวเหล่านี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราเขียนหน้าทาปากกันสุดฝีมือ พยายามทำตัวให้งามแต่ก็ดูฉูดฉาดลวงตานัก”
ซือเหยียนเชิดใบหน้าหล่อเหลาขึ้นด้วยความหยิ่งทระนงขณะนั่งชมเหล่าสาวงามแห่งหอคณิกาเลื่องชื่อของเมืองลู่เจ๋อร่ายรำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแขก พวกนางสวมเสื้อผ้าเนื้อบางเบาเปิดเผยสัดส่วน เคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยและต่างชะม้ายชายตามายังคุณชายซือเหยียนซึ่งรูปงามปานเทพบุตรด้วยความหวังว่าจะได้ร่วมหลับนอนกับเขาสักค่ำคืน
หากแต่ซือเหยียนนั้นยังติดตรึงใจเรือนร่างบอบบางอรชรราวนางอัปสรและผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหยกขาวเนื้อดีของหลิวอี้เฟยซึ่งงามล้ำยากหาผู้ใดเปรียบเทียบ จึงมองเห็นพวกนางเหมือนก้อนดินก้อนกรวดที่ไร้ความสำคัญ ไม่มีนางโลมคนไหนสามารถปลุกกิเลสตัณหาของเขาได้สำเร็จ ขณะที่บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายซือนั้นคันมือคันไม้อยากร่วมหลับนอนกับสาวงามของหอคณิกาเลื่องชื่อแห่งเมืองลู่เจ๋อสักคน
เสี่ยวเอ้อของหอคณิกาเดินตรงมาหาบ่าวรับใช้ของซือเหยียนซึ่งกวักมือเรียกหยอยๆ
“นายท่านต้องการสิ่งใดขอรับ”
“ที่หอรัญจวนจิตไม่มีสาวงามเลอโฉมเลยรึ”
ผู้ถามไถ่ทำท่าถอนหายใจด้วยความเบื่อระอา
“นายท่าน หอรัญจวนจิตขึ้นชื่อว่าเป็นหอคณิกาที่เลื่องชื่อที่สุดในลู่เจ๋อ สาวงามของหอรัญจวนจิตย่อมเลอโฉมกว่าหอคณิกาทุกแห่ง” ฝ่ายเสี่ยวเอ้อก็กุลีกุจอตอบอย่างกระตือรือร้น
“แต่ว่าคุณชายซือของข้าไม่ถูกใจใครเลยสักคน เจ้ารู้ไหมว่าสาวๆ ของที่นี่งามได้ไม่ถึงครึ่งของสาวเสิร์ฟโรงเตี๊ยมเมืองซือโฉวด้วยซ้ำนา”
บ่าวรับใช้ของซือเหยียนกล่าวด้วยความเจ้าเล่ห์ที่มีไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นนาย
“รอสักครู่เถิดนายท่าน ข้าจะไปแจ้งท่านเจ้าของหอให้ส่งแม่นางซู่ฮวาดาราของหอรัญจวนจิตออกมาอวดโฉม รับรองว่าคุณชายของท่านจะต้องตกตะลึงในความงามของแม่นางซู่ฮวาจนตาค้างอย่างแน่นอน”
เสี่ยวเอ้อผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าจนอกผึ่ง เขากล่าวอย่างมาดหมายและรู้สึกราวตัวเองกำลังถูกหยามก็ไม่ปาน
หลังจากเสี่ยวเอ้อผู้นั้นจากไปได้ไม่นาน นักดนตรีประจำหอรัญจวนจิตก็บรรเลงเพลงพิณท่วงทำนองครึกครื้นสนุกสนาน บรรดานางโลมหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราสวมชุดสีขาวแบบเดียวกันทะยอยออกมาร่ายรำอย่างเข้าจังหวะ สักครู่ดนตรีก็เร่งเร็วจนถึงขีดสุดและหญิงสาวเหล่านั้นก็ถลาล้มลงระเนระนาด สร้้างความฉงนสนเท่ห์ให้แก่บรรดาแขกซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการแสดงเป็นอย่างมากซึ่งก็รวมไปถึงซือเหยียน
ในชั่วขณะนั้นกลางเวทีก็มีกลุ่มควันสีแดงหนาตาพวยพุ่งขึ้นแล้วค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวซึ่งสวมใส่ชุดสีแดงเพลิงทำจากผ้าเนื้อบางเบาผู้หนึ่งที่ปรากฎตัวพร้อมกับท่วงทำนองดนตรีของเพลงชมจันทร์จังหวะหวานซึ้ง
เมื่อกลุ่มควันสีแดงสลายเลือนรางลง จนสามารถมองเห็นความงดงามหวานล้ำของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นนางโลมที่มีความงามเป็นอันดับหนึ่งแห่งหอรัญจวนจิต เสียงพร่ำพูดชื่นชมความงามและเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวกลบทุกสรรพเสียงในหอคณิกา
ทุกสายตาจับจ้องไปยังสาวงามนางนั้น แต่ทว่าสายตาของนางกลับมองเพ่งไปยังชายหนุ่มรูปงามท่าทางสำอางค์ซึ่งเหล่านางโลมต่างร่ำลือถึงความหล่อเหลาราวเทพบุตรเพียงคนเดียว
“สาวงามผู้นี้มองคุณชายไม่วางตาเลยนะขอรับ”
บ่าวรับใช้คนสนิทของซือเหยียนกล่าวด้วยอากัปกิริยาแย้มยิ้มหน้าบานอย่างภาคภูมิใจแทนผู้เป็นนาย ส่วนซือเหยียนนั้นกำลังลุ่มหลงในความงามของดาราแห่งหอรัญจวนจิตแบบหน้ามืดตามัว กระทั่งลืมเลือนความมุ่งมั่นตั้งใจจริงว่าจะซื่อสัตย์ต่อคนรักไปเสียสิ้น
ดาราหอรัญจวนจิตกอดจูบเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่าของซือเหยียนด้วยอารมณ์ปรารถนาร้อนแรง นางยั่วยวนให้เขาอยากร่วมรักอย่างสุดฝีมือ ทำให้เขาแทบคลุ้มคลั่งด้วยความกระสันสวาทเจียนบ้าและจู่ๆ นางก็หยุดชะงักการกระทำทั้งหลายทั้งปวงลง
“คุณชายข้าอยากให้ท่านดูอะไรบางอย่าง”
“รีบๆ แสดงให้ข้าดูเสียสิ”
ซือเหยียนเร่งเร้า เพราะอยากให้นางพาขึ้นสวรรค์เต็มกำลัง
ซู่ฮวาเลิกพรมที่ปูพื้นตรงด้านหน้าเตียงนอนขึ้นแล้วสอดนิ้วเข้าไปในรูเล็กๆ เพื่อยกแผ่นไม้ขนาดกว้างเท่าฝ่ามือยาวสองคืบออก ก่อนกล่าวเชิญชวนซือเหยียนมองลอดลงไปทัศนาสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในห้องหับเบื้องล่าง
“ข้าซื้อยาจกชายผู้นี้มาจากขบวนพ่อค้าทาส เขาทำหน้าที่หาบน้ำและช่วยบำบัดอารมณ์ที่คั่งค้างจากการรับแขกให้แก่สาวๆ ในหอรัญจวนจิต”
ซู่ฮวาพูดด้วยน้ำเสียงพร่าสั่นขณะลูบไล้เรือนร่างกึ่งเปลือยของตน
ภายในห้องหับคับแคบนั้นมีหญิงนางโลมผู้หนึ่งกำลังเปลือยกายคุกเข่าลงบนพื้นเบื้องหน้าของชายผิวคล้ำแดดร่างสูงใหญ่บึกบึนซึ่งเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน นางกำลังทำโอฐษ์กามให้กับชายหาบน้ำด้วยความระริกระรื่น
เรื่องพรรณนี้ไม่ได้ทำให้ซือเหยียนรู้สึกแปลกใจนัก ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกคือเครื่องเพศขนาดใหญ่โตเทียบเคียงอาชานัยของยาจกชายผู้นั้น
หญิงนางโลมเคลื่อนเรือนกายเปลือยเปล่าขาวโพลนขึ้นไปนอนกึ่งนั่งเกยสะโพกหมิ่นเหม่ตรงขอบเตียงเตาและกางขาทั้งสองข้างออกกว้างจนกลีบอวบอูมซึ่งนวลเนียนเกลี้ยงเกลาเพราะผ่านการกำจัดเส้นขนจนหมดจด กระทั่งดอกบัวตูมของนางแยกแย้มเบ่งบานแลเห็นร่องฉ่ำสวาทสีแดงจัด
“ทำให้ข้าขาดใจตายด้วยความสุข แล้วเจ้าเองก็จะได้ขึ้นสวรรค์”
นางกล่าวเชื้อเชิญชายหาบน้ำด้วยน้ำเสียงกระหายราคะ ดวงตาปรือเยิ้มด้วยอารมณ์ตัณหา
“กางขาของเจ้าออกให้กว้างกว่านี้”
ชายหาบน้ำใช้มือข้างหนึ่งแหวกกลีบเนื้อของนางอ้าออกแล้วนำทวนสวาทท่อนใหญ่โตเสือกเข้าไปในรอยแยกซึ่งสั่นระริกร่านรอคอยท่าอย่างยินดีปรีดาด้วยความดุดันไร้ปราณี
“โอววว... ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้”
นางโลมผู้นั้นกรีดร้องครวญครางด้วยน้ำเสียงอันถึงอกถึงใจอย่างยิ่งยวด นางสอดแขนรั้งขาพับทั้งสองข้างเอาไว้แน่นกระทั่งสะโพกผายแอ่นขึ้นเหนือพื้น โหนกเนินอวบอูมลอยเด่นถูกเครื่องเพศท่อนใหญ่ยาวของชายหาบน้ำร่างยักษ์ชำแรกชำเราเข้าออกอย่างล้ำลึกด้วยจังหวะอันหนักแน่นสม่ำเสมอและทบทวีความเร็วแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อต่อเนื้อกระทบกระแทกกันและเสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ดังก้องไปทั้งห้องหับเล็กแคบเท่าแมวดิ้นตาย
ร่่่่างบางอรชรบิดแอ่นอย่างทรมานใต้ร่างล่ำหนา ก้อนเนื้อทรวงสาวถูกมือหยาบกร้านเพราะกรำงานหนักขยี้ขยำจนปริปลิ้น ทว่านางโลมผู้นั้นกลับส่งเสียงเร่งเร้าให้ชายหาบน้ำกระทำชำเรานางรุนแรงยิ่งขึ้น
นางกรีดร้องเสียงโหยหวนเมื่อถูกกระทำกระทั่งสำเร็จสวาท ทว่าคนทั้งคู่ยังไม่ยุติความสำราญอยู่เพียงแค่นั้น
ชายหาบน้ำผละออกจากเรือนร่างยั่วกาม เขานั่งลงข้างกายนางและเอนนอนอวดความแข็งแรงล่ำสันอันชูชันชวนให้หวาดหวั่นใจ
“อยากได้ความสุขมากเท่าไหร่ก็จงกอบโกยเอาเองเถิด”
นางโลมผู้นั้นตะกายขึ้นไปคร่อมขี่เหนือหน้าตักแกร่ง จับเครื่องเพศของชายหาบน้ำแยงแหย่ร่องสวาทของนางแล้วขย่มสะโพกผายลงจนเกิดเสียงเนื้อเสียบเนื้อดังสวบสาบ โดยมีมือหนาคอยประคองเอวบางเพื่อจับร่างอรชรกระแทกกระทั้นขึ้นและลงอย่างดุดันเร็วแรง ขณะที่นางส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความสาแก่ใจไม่หยุดปาก
“รูปร่างท่านก็สูงใหญ่พอกันกับเขา แต่ขนาดอาวุธของท่านช่างทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังนัก ตอนนี้คุณชายซือคงรู้แจ้งชัดเจนแล้วว่าเสน่ห์อันแท้จริงแห่งบุรุษเพศนั้นอยู่ที่ราศีใด”
เสียงหวานรื่นหูดังขัดจังหวะความตื่นเต้นระทึกใจของซือเหยียน ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรเจื่อนไปถนัดตาเมื่อได้ยินนางกล่าว ซือเหยียนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมซู่ฮวาจึงยุติกามกรีฑาลงกระทันหัน
“คงจะมีเพียงหญิงร่านกระมังที่คิดเช่นนั้น”
ซือเหยียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดี ทว่าภายในใจกลับรู้สึกว่าตนช่างเป็นชายที่มีอาวุธแห่งบุรุษเพศกระจ้อยร่อยน้อยนิดเหลือแสนหากถูกเปรียบเทียบกับชายหาบน้ำของหอคณิกา
“หญิงสาวที่ไม่มีความร่านย่อมมิใช่อิสตรีผู้เปี่ยมล้นเสน่ห์ ชายหนุ่มที่ไร้ซึ่งตัณหาย่อมมิใช่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าในที
“วาจาสามหาวนัก ข้าจะบอกเจ้าของหอรัญจวนจิตว่าเจ้าไร้มารยาทกับแขก”
ร่างสูงโปร่งงามสง่าลุกขึ้นยืนและสวมใส่เสื้อผ้า ปิดปังความเป็นชายอันซีดขาวขนาดเท่าจิ้งจกที่เกาะพนังห้องนางโลมหอคณิกาของตนด้วยท่าทางฟึดฟัด
“คุณชายซือคงไม่รู้กระมังว่า... ซู่ฮวาผู้นี้คือเจ้าของหอรัญจวนจิต”
นางยิ้มแย้ม ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมนุ่มสลวยเล่นแบบไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็จงเตรียมตัวปิดกิจการของเจ้าได้เลย”
ซือเหยียนกล่าวด้วยความมีน้ำโหสุดขีด แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินปึงปังตรงไปที่ประตู ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกนางเรียกเอาไว้
“ช้าก่อนคุณชายซือ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ต้องการเห็นสาวงามร้องครวญครางใต้ร่างเช่นนั้นบ้าง”
ซู่ฮวากล่าวต่อเมื่อเห็นร่างสูงสง่าหยุดนิ่ง “ซู่ฮวาสามารถช่วยให้คุณชายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้”
ซือเหยียนหันกลับมามองใบหน้างดงามของซู่ฮวาซึ่งกำลังส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้ตนด้วยท่าทางครุ่นคิด
หากเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แล้วสามารถทำให้หลิวอี้เฟยร้องครวญครางใต้ร่างได้คงดีไม่น้อย ครั้งแรกของเขาและนางที่ธารน้ำตกวันนั้นช่างทำให้ซือเหยียนขายขี้หน้ายิ่งนัก ยังไม่ทันได้ขึ้นทับสาวเขาก็หลั่งรดดอกไม้งามอย่างหมดท่า