ตอนที่ 5 ความสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้
หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมงร่างที่หลับก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นภามกะพริบตาเพื่อปรับแสง ใบหน้าน่ารักที่คุ้นเคยภามขยับตัวกอดเอวของข้าวตังไว้แน่นภาพเมื่อกลางวันฉายขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเอาคนของเขาไปแน่นอนเขาไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ภามหลับตาภาพในวัยเด็กฉายขึ้นมาอีกครั้งความร้อนที่แผดเผาเสียงปลอบโยน ท่ามกลางสติที่เลือนรางร่างของแม่เขาก็ล้มลง
“เฮีย?” เมื่อเห็นว่าอีกคนนิ่งไปข้าวตังจึงได้แตะที่บ่าใหญ่ สัมผัสอบอุ่นทำให้ภามกลับมาอยู่ในโลกความจริงเขาขยับตัวนอนหงายสบตากับข้าวตังที่กำลังก้มหน้าลงมา
“เมื่อตอนเย็น” เสียงของภามสั่นระริกทำให้ข้าวตังนึกถึงตอนที่เขายืนอยู่กับกวินและแผ่นหลังของภาม
“ไม่มีอะไรครับ ตอนนั้นผึ้งบินเข้ามาใกล้ ผมตกใจเลยไม่ได้ขยับออก” ข้าวตังยิ้มเมื่อเห็นสายตาหวาดกลัวของภามแม้ว่าภายนอกเจ้าตัวจะดูเป็นคนนิ่ง ๆ แต่ความจริงแล้วภามก็ไม่ต่างจากเด็กมีปมด้อย
“จริงเหรอ” เมื่อได้ยินคำพูดของข้าวตังใบหน้าของภามก็ดีขึ้นเผยรอยยิ้มหล่อออกมา เมื่อเห็นสีหน้าของภามดีขึ้นแล้วข้าวตังก็พลอยมีความสุขไปด้วย
ภามดันตัวขึ้นก่อนจะดึงอีกคนเข้าหาประกบจูบแผ่วเบามันอ่อนโยนในช่วงแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนสองลิ้นเกี่ยวพันกันอยู่ในโพรงปากหวาน ใบหน้าหวานแดงระเรื่อการจูบเป็นไปอย่างเนิ่นนานสมองของข้าวตังมึนเบลอรู้ตัวอีกทีก็เป็นฝ่ายนอนราบไปกับโซฟาแล้ว ทั้งสองอยู่ในสายตาของน้ำเพชรมือเล็กกำแน่นก่อนจะรีบเดินออกมาเกรงว่าหากอยู่นานกว่านี้ทั้งคู่จะสงสัยเอาได้
“เฮีย พอก่อน” ข้าวตังเอ่ยเสียงสั่น ภามมองคนใต้ร่างใบหน้าสวยหวานเยิ้มผมสีเทาประบ่ากระจายไปที่โซฟาทำให้ดูเซ็กซี่ ผิวสีสว่างยามเขินอายเห็นสีแดงได้ชัดเจน
โครกกกก
“งั้นเรากลับกันเถอะ” ภามหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องส่วนข้าวตังหน้ามุ่ยก็ตอนนี้มันเลยเวลาอาหารเย็นมาตั้งนานแล้วจะไม่หิวได้ยังไง แต่ก่อนจะออกไปเขายังไม่ได้ถามเรื่องเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของเฮียภามเลย
“เฮียทำไมเสื้อผ้าถึงเป็นแบบนั้น” สายตาของข้าวตังแหลมคมทำเอาภามรู้สึกหนาวสั่น
“ก่อนนอนเฮียปลดมันเอง เฮียว่านอนพักสายตาสักแป๊บไม่คิดว่าจะเผลอหลับ” เมื่อเห็นสายตาเหมือนกำลังหาร่องรอยผิดปกติภามก็รู้สึกหนาวขึ้นมาแม้ว่าข้าวตังจะเป็นคนเรียบง่ายดูเหมือนจะเรียบร้อยแต่ความจริงก็ร้ายเอาเรื่องช่วงที่เขาอุ้มเข้าห้อง (จีบ) เขาก็โดนต่อยไปหลายหมัด
“แล้วพี่ชาล่ะครับ ไปไหน”
“ลาหยุดสามวันไปดูเมียเห็นว่าพาไปฝากท้องน่ะ” แม้ว่าจะรู้จักมาหลายปีแต่ข้าวตังเคยเจอภรรยาของชาแค่ครั้งเดียวเธอเป็นสาวสวยที่สำคัญเป็นชาวต่างชาติด้วยพ่อก็หล่อแม่ก็สวยลูกออกมาต้องน่ารักมากแน่ ๆ
“กำลังคิดอะไรอยู่ หรืออยากมีบ้าง” ภามอุ้มคนตัวเล็กมานั่งบนตักโอบเอวบางไว้อย่างหวงแหน
“อย่ามาเนียนเลยนะครับ กลับกันเถอะ” ข้าวตังดันตัวเองลุกขึ้น หลังจากเก็บของเสร็จทั้งคู่ก็เดินลงมาด้านล่างรถคันหรูยังคงจอดที่เดิม ถนนเต็มไปด้วยแสงไฟแม้ว่าจะรำคาญเพราะรถติดแต่ก็ได้ชมบรรยากาศยามค่ำคืน
“วันนี้หนูทำงานเหนื่อยไหม” ระหว่างติดไฟแดงภามเอ่ยขึ้น ภายในรถมีเพียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ แอร์ที่แรงพอดีไม่ทำให้หนาวหรือร้อนเกินไป
“ผมอยู่แต่ที่ร้านจะเอาอะไรไปเหนื่อยครับ เฮียเถอะเป็นยังไงบ้างงานราบรื่นดีไหมครับ” หากเอาร้านของเขาไปเทียบกับธุรกิจมูลค่ามหาศาลมันคงเทียบกันไม่ได้คำถามนี้ควรเป็นเขาที่ถามภามมากกว่า
“หนูเป็นห่วงเฮียด้วยดีใจจังเลย” ภามขยับโน้มตัวไปหาคนด้านข้างข้าวตังเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีจากอ้อมกอดของภาม ทั้งคู่สบตากันข้าวตังเหลือบตามองคอเสื้อที่แหวกออกตอนนี้ภามยังไม่ได้ติดกระดุมสามเม็ดบนเลยทำให้เห็นแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มือเรียวยาวลูบไปที่แผ่นอกก่อนจะปรายตามองด้านบน
“ถ้าหนูยังทำแบบนี้จะโดนดีนะ” ข้าวตังกระตุกยิ้มก่อนจะผลักภามออกไปไม่นานนักไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ภามหันกลับไปตั้งใจขับรถด้วยท่าทีเสียดายใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงคอนโดหรูใจกลางเมือง คอนโดนี้เป็นห้องแบบพิเศษกินพื้นที่ชั้นบนสุดทั้งชั้นมีทั้งห้องทำงาน ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกายส่วนตัว สระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องดูหนัง มันหรูหราและอื่น ๆ อีกมันน่าอยู่ไม่ต่างจากบ้านแน่นอนว่าราคาแสนจะแพงจนเขาไม่กล้าคิด หลังจากเข้ามาในห้องข้าวตังก็เดินไปทำอาหารง่ายๆ ก่อนจะพบว่าของในตู้เย็นกำลังจะหมด
“เฮียของจะหมดแล้วพรุ่งนี้ผมปิดร้านพอดีเฮียจะไปเดินซื้อของด้วยกันไหมครับ” เขามีแผนจะปิดร้านสามวันอากาศเริ่มหนาวเมื่อเข้าสู่เดือนที่สิบช่วงนี้อากาศดีเหมาะกับการปลูกดอกไม้จะมีการจัดนิทรรศการดอกไม้เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสาวกดอกไม้แล้วไม่อาจพลาดงานนี้ได้ งานจัด 7 วันยาว ๆ มีดอกไม้นานาพันธุ์ดอกไม้บางชนิดก็เป็นดอกไม้หายาก
“เฮียมีประชุม น่าเสียดายจัง” ภามพูดด้วยท่าทีเสียดาย
“ไม่เป็นไรครับผมแค่ถามเฉย ๆ เผื่อเฮียว่าง ผมจะหยุดร้านสามวันไปเดินเที่ยวนิทรรศการดอกไม้”
“สามวันเองเหรอ พรุ่งนี้เฮียมีงานต้องบินไปต่างจังหวัด” ใบหน้าของภามบิดเบี้ยวทำไมเวลาว่างของเขาไม่ตรงเลยหากมันเป็นการประชุมไม่สำคัญเขาคงเลื่อนไปแล้วแต่ครั้งนี้เป็นการพูดคุยเรื่องธุรกิจที่จะขยายไปโซนยุโรปการนัดคุยกันแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองฝ่ายก็ยุ่งไม่ต่างกัน
“ไม่เป็นไรครับ” แม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปด้วยกันแต่ข้าวตังก็เข้าใจหากมีความรับผิดชอบเยอะเวลาก็น้อยลง
ค่ำคืนนี้ความฝันยังคงเหมือนเดิมร่างเล็กถูกเขย่าโดยใครบางคนเสียงทุ้มเอ่ยด้วยท่าทีเสียใจ ร่างเล็กตะโกนเสียงดังมันชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ‘ออกไปจากชีวิตผม’ ความเจ็บปวดภายในใจเขารู้สึกว่าคำคำนี้ไม่ควรออกจากปากของร่างเล็กเขาอยากให้อีกคนหยุดพูดแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่มองร่างเล็กเดินออกไปกับใครบางคนและมีอีกคนเดินเข้ามาโอบกอดคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นความรู้สึกไม่ยินยอมเกิดขึ้นภายในใจแต่ก่อนจะได้ทำอะไรข้าวตังก็สะดุ้งตื่นก่อนเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอภามแล้วตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่เมื่อเดินมาที่โต๊ะกินข้าวก็เจออาหารถูกจัดใส่จานไว้และมีกระดาษแผ่นเล็ก
‘เฮียต้องขึ้นเครื่องแต่เช้า หนูอย่าลืมทานข้าวนะ รักนะครับ’
ข้าวตังอมยิ้มเก็บกระดาษไว้ในชั้นด้านบนอาหารเช้าเป็นข้าวต้มปลานึ่งจากร้านอาหารชื่อดังหลังจากทานอาหารเสร็จข้าวตังก็ไปอาบน้ำแต่งตัวแผนวันนี้เขาจะไปซื้อของเข้าห้อง วันพรุ่งนี้ไปเดินงานดอกไม้และวันสุดท้ายไปพบหมอจิตแพทย์เขาเคยไปปรึกษาหมอหลายครั้งแล้วอีกสองวันก็ถึงกำหนดวันนัดดูอาการพอดี
ช่วงสายข้าวตังมาเลือกซื้อของที่ห้างใกล้คอนโดวันนี้ไม่ใช่วันหยุดแต่ในห้างคนก็ยังเยอะเมื่อเขาเข็นรถมาโซนอาหารก็เจอกับแม่บ้านหลายคนระหว่างที่เลือกซื้อของสายตาก็เหลือบไปเห็นกวินพอดีอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวถึงได้หันมามองเหมือนกันก่อนจะเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว สวัสดีครับคุณข้าวตัง บังเอิญจังเลยนะครับ”
“สวัสดีครับ” ข้าวตังแปลกใจในความบังเอิญนี้หนุ่มหล่อหน้าตาดีแบบกวินเขาไม่คิดว่าอีกคนจะมาเดินในโซนอาหาร
“มาซื้อของเหรอครับ วันนี้ตกใจเห็นร้านประกาศปิดสามวัน” กวินเผยรอยยิ้มเรียกสายตาสนใจของสาว ๆ หลาย ๆ คนปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากวินให้ความรู้สึกอบอุ่นและยังมีใบหน้าที่โดดเด่นไม่แปลกที่สาว ๆ ให้ความสนใจ
“ครับ” ข้าวตังยิ้มอย่างสุภาพพยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมามากกว่าลูกค้าคนหนึ่งเขารู้ว่ากวินกำลังสนใจเขาอยู่แม้ว่ามันจะดูเป็นความคิดที่หลงตัวเองแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองคิดผิด
“จริงสิ คุณข้าวตังชอบดอกไม้จะไปงานดอกไม้ไหมครับ” กวินมองร่างเล็กเมื่อเห็นท่าทีห่างเหินจึงได้เอ่ยขึ้นเขาไม่ยอมปล่อยอีกคนไปง่าย ๆ หรอก
“ครับ” ข้าวตังรู้สึกอึดอัดแต่ก็พยายามอดทนไว้ยังคงเผยรอยยิ้มไว้บนใบหน้า
“ถ้าอย่างนั้นช่วยไปเลือกดอกไม้กับผมหน่อยได้ไหมครับ พอดีเป็นงานสำคัญ” กวินเอ่ยด้วยแววตาคาดหวังแต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์เศร้าข้าวตังไม่คิดว่าอีกคนจะแกล้งทำเมื่อเห็นท่าทีจริงจังจึงไม่ได้คิดอะไรไม่ได้รู้เลยว่ามันเป็นแผนของกวิน
“ได้สิครับ ยังไงผมก็จะไปอยู่แล้ว”
“ขอบคุณมากเลยนะครับงั้นไปวันไหนดีครับ”
“วันพรุ่งนี้ดีไหมครับ คุณกวินว่างไหม”
“ว่างครับ เดี๋ยวผมรอที่หน้างานนะครับ” ข้าวตังพยักหน้าหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินแยกกันไประหว่างซื้อของข้าวตังก็คิดเรื่องของกวินไปด้วยทั้งที่ตลอดหลายปีรอบตัวเขาไม่มีคนอื่นเลยนอกจากเฮียแต่จู่ ๆ ก็มีกวินเข้ามานอกจากนี้ยังมีน้ำเพชรเข้ามาหาเฮียด้วยแม้มันจะดูแปลกแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันแปลกจากตรงไหนทุกอย่างมันดูเต็มใจไปหมดจนน่าแปลกใจแต่ไม่ว่าจะสงสัยมาแค่ไหนเขาคงต้องค่อย ๆ พยายามคลำหาคำตอบด้วยตัวเอง
---------------------------------------------
เรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ สบาย ๆ(?) สามารถคอมเมนต์มีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้นะคะ (อินได้เต็มที่เราไม่ว่า)(ด่าตัวละครได้)
แต่ อย่าด่านิยาย อย่าด่าไรท์
ถ้าคิดว่านิยายเรื่องนี้ไม่สนุกและไม่คิดจะอ่านต่อรบกวนไม่ต้องคอมเมนต์ให้เรารู้สึกเสียใจนะคะ
สุดท้าย
ขอบคุณทุกๆคนที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้นะคะ❤❤