“ถือชายกระโปรงให้หน่อยสิ เดี๋ยวมันจะเปื้อน”
เจ้าสาวในชุดที่ด้านบนเป็นเกาะอกด้านล่างเป็นกระโปรงฟูฟ่องชุดเดียวแบบในแบบที่คล้ายๆกับวันที่ถ่ายพรีเวดดิ้งเดินยกกระโปรงตัวยาวเข้ามาหาวาสิตาที่นั่งอยู่แถวหน้างาน
เธอทั้งเหนื่อยที่ต้องหอบชุดยาวๆไปไหนมาไหนด้วยตัวเองเลยอยากหาตัวช่วยที่มักชอบทำตัวน่าสงสารอย่างวาสิตา
เพราะงานนี้คงเหมาะกับวาสิตาดีด้วยเธอคงได้คะแนนสงสารมากพอสมควรสมใจอยากกันเลยก็ว่าได้
“ถือเองซิ”
มือบางที่จับชายกระโปรงอยู่กำลังจะยื่นมันให้กับวาสิตาต้องชะงักเมื่อมีเสียงหนาเข้ามาขัดจังหวะ
ใบหน้าหวานของเจ้าสาวที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเอาไว้อย่างสวยงามหันไปมองตามเสียงนั้นในทันที
“ฉันอยากจะใช้ใครมันก็เรื่องของฉัน”
พอหันไปดูจนรู้ว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาส่งเสียงขัดจังหวะเธอ ณลินก็ส่งเสียงแหวใส่เขาทันที โดยไม่สนว่าจะมีแขกบางคนเริ่มทยอยเดินเข้ามาในงานแต่งนี้แล้ว
ด้วยเธอไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาหน้าใครทั้งนั้น สนใจแต่จะใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่เพื่อให้อีกฝ่ายรีบๆเบื่อเธอซะ
“ฉันสั่งเธอก็ควรทำตาม”
พายัพเสียงดังใส่เธอกลับอย่างไม่มียอมและไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะเขาไม่ชอบเห็นการทำตัวข่มกันเพื่อให้อีกคนดูด้อยกว่าอย่างที่เธอกำลังทำกับน้องของตัวเองอยู่ เธอควรได้รับการสั่งสอนให้หลาบจำจะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาเสียบ้าง
“ฝันไปเถอะที่จะสั่งคนอย่างฉันได้”
สองมือบางจับชายกระโปรงยาวและฟูของเธอเอาไว้อย่างดีไม่ให้มันหล่นลงมาลากกับพื้น
แล้วเธอก็เดินหนีออกไปจากตรงนั้นหายเข้าไปในงานโดยไม่หันมามองคนทั้งคู่อีก
“คุณหมอไม่น่าจะพูดแบบนั้นกับพี่ณิเลย แค่ถือชายกระโปรงแค่นั้นเองอิ้งทำได้ค่ะ”
วาสิตามองตามพี่สาวของเธอที่เดินจากไปจนสุดสายตาราวกับอยากจะเดินตามไป
พร้อมกับเอ่ยคำพูดต่อว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเบาๆที่มาต่อว่าพี่สาวของเธอ
“คนแบบนั้นควรได้รับการดัดนิสัย ต่อไปน้องอิ้งอย่าไปยอมอีกนะ”
สายตาคมมองตามหลังของเจ้าสาวของตัวเองไปอย่างไม่พอใจนักที่เธอมาเดินหนีเขาไปแบบนั้น
แต่ก็พยายามข่มใจไว้ไม่ตามไปเพราะไม่อยากต้องทะเลาะด้วยจนงานแต่งนี้พัง
“ค่ะ”
วาสิตารับปากอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะไม่อยากทำอะไรที่ขัดใจณลินอย่างที่ทุกๆคนเห็นอยู่เสมอๆ
“ไอ้เหนือ”
ภูผาที่เดินเข้ามาภายในงานพร้อมกับครอบครัวและพี่น้องคนอื่นๆเอ่ยทักทายน้องชายคนที่สี่ของเขาก่อนใคร
ด้วยเขาค่อนข้างตื่นเต้นกันงานนี้จนเก็บอาการไม่มิดเพราะไม่คิดว่าน้องชายคนนี้จะยอมแต่งงาน ถึงจะแค่ต้องการจบเรื่องบ้าๆบอๆก็ตาม
“ไหนเจ้าสาววะ เห็นแต่รูปเต็มงาน”
รัตติที่เดินเข้างานมาพร้อมกับทุกคนเอ่ยขึ้นเมื่อเขาพี่ชายผู้เป็นเจ้าบ่าวของงานนี้ยืนอยู่คนเดียว
“ไม่รู้เหมือนกัน”
พายัพหันไปทักทายหลานๆของเขาที่เดินเข้ามาภายในงานพร้อมกับพี่น้องของเขา แล้วก็หันมาตอบคำถามไปด้วยอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
เพราะงานนี้มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ไปเดินหลงที่ไหนหรอก
“เจ้าสาวหายไป แบบนี้ก็ได้เหรอวะ”
เวฆาเอ่ยพูดขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่เคยเห็นว่างานแต่งไหนๆจะเป็นแบบนี้เลย
“เดี๋ยวถึงเวลาเริ่มงานก็คงเดินมาเองแหละ”
พายัพยังคงเล่นกับหลานของเขาอย่างไม่สนใจอะไรอยู่ดี เพราะถ้าเจ้าสาวหายไปก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอย่ากับเธออีก
“เขากำลังจะเป็นเมียมึงเป็นว่าที่แม่ของลูก หัดดูแลเขาให้ดี”
ธาราเอ่ยพูดขึ้นอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทางดุดันเพื่อให้น้องชายที่กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวได้ลองหยั่งใจคิดดูใหม่
เพราะหลังจากแต่งงานแล้วก็ต้องดูแลกันเหมือนกับที่เขาและพี่ๆทำกันอยู่
ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบที่กำลังทำอยู่ เพราะวันหนึ่งอาจเกิดเรื่องที่น่าเสียใจขึ้นได้
“ใครบอกมึงว่ากูวางอนาคตไกลขนาดนั้น แค่แต่งให้เรื่องมันจบๆไปแค่นั้น”
พายัพหันมามองหน้าบรรดาพี่ชายน้องชายของเขาที่คงกำลังต้องการคำตอบแบบจริงๆว่าทำไมเขาถึงทำตัวแบบนี้ แล้วตอบคำตอบออกไปตามตรงอย่างไม่มีปิดบังอะไร
“เหรอ”
ภูผาฟังแล้วก็กรอกตาไปมาอย่างไม่เชื่อจนภรรยาของเขาอย่างอลิสสาต้องยกมือขึ้นตีเบาๆที่ต้นแขนของเขาให้เขาหยุดทำแบบนั้น
“แขกเริ่มมากันแล้ว มึงไปยืนต้อนรับแขกเหอะ เดี๋ยวพวกกูไปลองฉลองที่โต๊ะนะ”
เวฆาที่เบื่อจะซักถามคนที่ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน มีวิธีที่มัดใจดีแค่ไหน เลยไล่ให้พายัพไปทำหน้าที่ในคืนนี้เสีย
แล้วเขากับครอบครัวและพี่น้องคนอื่นๆก็พากันเข้าไปในงานแต่งที่จัดขึ้นอย่างหรูหราสมฐานะของพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของเขา
และงานนี้มันใหญ่โตมากเพราะเหมาะโรงแรมทั้งชั้นของน้องชายของเขาอย่างธาราจัดงานกันเลยทีเดียว
“ยายณิหายไปไหน”
เมื่อเริ่มมีการออกมาต้อนรับแขก คุณหญิงไขศรีก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
เพราะหลานสาวของเธอที่เป็นเจ้าสาวในค่ำคืนนี้ยังไม่ยอมออกมาต้อนรับแขกที่หน้างาน
แถมพอมองซ้ายมองขวาไปแล้วก็ยังไม่เห็นว่าอยู่ตรงส่วนไหนของงานอีก
“ไปเข้าห้องน้ำมั้งคะ”
ลักษณาที่คอยเดินประคองแขนคุณหญิงแม่ของเธออยู่เอ่ยตอบออกไปเพื่อให้คุณหญิงแม่ของเธอสบายใจ
ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้รู้อะไรด้วยตั้งแต่ลงมาจากห้องแต่งตัวก็ยังไม่เห็นณลินเลย
“ไปตามมา อย่าให้ทางนั้นเขาต้องหงุดหงิด”
ไขศรีรีบเร่งให้ลูกสาวของเธอออกไปตามแม่หลานสาวตัวดีมาก่อนที่ทางนู้นเขาจะถามหา
เพราะแค่ฟังคำตอบของผู้เป็นลูกสาวก็พอจะเริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่าหลานสาวตัวดีกำลังจะก่อเรื่อง
“ค่ะ”
ลักษณารีบออกไปทำตามคำสั่งของคุณหญิงแม่ของเธอทันที โดยมีวาสิตาเดินตามมาช่วยอีกแรง
“รอยายณิสักครู่นะคะ รายนั้นตื่นเต้นมากขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
ไขศรีรีบแก้ตัวออกไปก่อนที่ทางนู้นจะถามหาหลานสาวเหลือขอของเธอ เพราะไม่อยากขายขี้หน้ากลางงานที่อยู่ดีๆหลานสาวของเธอก็หนีหายไปไหนไม่รู้
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง ให้หนูณิทำธุระให้เสร็จเถอะค่ะ ไม่ต้องรีบ”
ศจีหันมาส่งยิ้มอย่างคนใจเย็นให้กับคุณหญิงไขศรีด้วยเธอไม่ได้เคร่งอะไรมากนัก อยากให้งานนี้เป็นแบบสบายๆและดูมีความสุข
แต่พายัพผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับหันมาส่งสายตาไม่พอใจเมื่อเขาต้องคอยมาตอบคำถามบรรดาแขกผู้ใหญ่ที่เริ่มจะถามหาเจ้าสาวของงาน
“สกล”
คุณหญิงไขศรีเห็นท่าไม่ค่อยดีเกรงว่าจะถูกเจ้าบ่าวของงานถอกงอกเอาได้เลยรีบเรียกลูกเขยให้เข้ามาหา
“ครับคุณหญิงแม่”
สกลที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนนักลงทุนด้วยกันรีบเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่ยายทันทีด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“แม่วานหน่อย ช่วยไปตามยายณิอีกแรง พาตัวมาให้ได้อย่าให้ก่อเรื่อง”
ไขศรีรีบไหว้วานลูกเขยในทันทีเพราะเกรงว่าสองคนแรกที่ส่งไปจะตามหาหลานสาวเหลือขอของเธอไม่เจอหรือเจอก็อาจจะพาตัวมาไม่ได้
ณลินไม่ใช่ธรรมดาที่เพียงแค่จะเดินไปนั่งพักเหมือนที่คนทั่วไปเขาทำกัน หายไปแบบนี้คงไปก่อเรื่องอะไรแน่นอน
“ครับคุณหญิงแม่”
สกลก้มหัวหนึ่งทีรับคำแล้วก็รีบเดินเข้าไปภายในงานที่ใหญ่โตทันทีเพื่อทำตามคำสั่งของแม่ยายของเขา