เที่ยงคืน

1969 คำ
ห้องโทนขาวดำที่มองแล้วเหมือนจะดูลึกลับ แต่กลับรู้สึกว่าปลอดภัย ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนของผับและเจ้าของห้องและผับก็คือไอ้หมอบ้านี่แหละ ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่นะเหรอ ก็ถูกลากมายังไงละเพราะดันไปต่อยหน้าเขานะสิ "โอ้ย ผู้หญ​ิงอะไรมัดหนักชะหนักเลย" เขาร้องเพราะความเจ็บปวดที่มุมปาก ขณะที่ฉันทำแผลให้ แถมยังบ่นว่าฉันมัดหนักอีก "แล้วใครให้นายมาแบบเงียบๆละ ฉันก็ตกใจเหมือนกันนะ" เขาที่จ้องหน้าฉันโดยมีแววตาที่เหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง "เธอไปยืนทำอะไรตรงนั้นแถมยังมีอาการแปลกๆ" ถามแบบนี้เลยเหรอ ถ้าฉันจะตอบว่าเห็นผีเขาคงคิดว่าฉันเป็นบ้าแน่ๆ "ปะ..เปล่าซ่ะหน่อย ฉันก็แค่กลัวความมืดนะ แหะๆ" เมื่อฉันตอบคำถามไป จากสายตาที่ดูจะสงสัยของเขาก็เปลี่ยนทันที "หึ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเธอจะกลัวความมืดกับเขาด้วย" หน้อย ผู้หญิงอย่างฉันจะกลัวความมืดไม่ได้หรือไง ฟู้ ใจเย็นๆเพื่อ ไม่ติด F. ฉันต้องใจเย็นๆ ฉันสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วยิ้มให้คนตรงหน้า "แหม่ ฉันก็เป็นผู้หญิงนะไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย" หมอต้าที่ไม่พูดอะไรแล้วลุกเดินเข้าไปในห้องทันทีคาดว่าจะเป็นห้องนอน เห้อ แล้วฉันจะอยู่ทำไมละกลับสิ พรึบ!! ขณะที่ฉันกำลังจะลุกเดินออกจากห้องก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างรอฉันอยู่นอกห้อง อึก!! ฉันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง อาจจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดก็ได้ "โอ้ย" ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูออกไปก็รู้สึกปวดที่หน้าอกข้างซ้ายขึ้นมา ความรู้สึกนี้มัน...ฉันมองไปที่สิ่งของที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ติดอยู่กับกำแพงห้อง ซึ่งมันก็คือนาฬิกา "เที่ยงคืน" บ้าไปแล้ว ตอนนี้ฉันคิดได้อย่างเดียวก็คือ ต้องกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด พรึบ!! เข่าฉันเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ "โอ้ย" มือที่แตะอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายเพราะรู้สึกว่ามันเริ่มมีอาการปวดมากขึ้น นี่แหละสาเหตุที่ฉันออกจากบ้านคืนวันพระไม่ได้ อาการปวดที่หน้าอกด้านซ้ายโดยไม่มีสาเหตุเพราะมันจะปวดทุกคืนวันพระที่มีพระจันทร์เต็มดวงตอนเที่ยงคืน และคืนนั้นร่างกายฉันจะอ่อนแอกว่าทุกๆวัน ซึ่งร่างกายฉันสามารถถูกครอบงำจากเล่าวิญญาณได้ง่าย นั่นก็คือวิญญาณสามารถสิงร่างของฉันได้ และตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้น "ยัยมะนาวเปรี้ยว เธอเป็นอะไร" เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง "อย่าเข้ามา" แฮก แฮก หมอต้าที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันต้องหยุดทันทีเพราะถูกฉันห้ามไว้ ฉันค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นพร้อมเสียงที่กำลังหอบเพราะความเจ็บปวด ฉันควรทำยังไงดีถ้าฉันออกจากห้องไปจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้างก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ขณะที่ผมออกมาจากห้องนอนก็พบกับมะนาวที่กำลังนั่งหอบแถมมือที่กำลังจับที่หน้าอกด้านซ้ายที่กำลังสั่นทำให้ผมเดินเข้าไปหาเธอทันที แต่ต้องหยุดฝีเท้าลงเพราะเธอห้ามไว้ "ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ" เธอบอกผมก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง แต่จู่ๆเธอก็ชะงัก จากการที่เธอต้องพยุงตัวเองเดินแต่ตอนนี้กลับเป็นปกติทุกอย่าง "เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร"เธอหันมาหาผมแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินไปนอกผับทันที ตึก ตึก ผมตัดสินใจเดินตามเธอไปโดยทิ้งระยะหว่างเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอรู้ตัว จู่ๆเธอก็มาหยุดอยู่ตรงแม่น้ำแห่งหนึ่ง "เธอคงไม่ได้จะคิดสั้นใช่ไหม" ผมพูดเบาๆเพื่อไม่ให้เธอได้ยิน เพราะตอนนี้เธอกำลังเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำเรื่อยๆ หมับ!! ผมรีบวิ่งไปคว้าตัวเธอทันทีก่อนที่เธอจะคิดทำอะไรบ้าๆ แต่คนตรงหน้ากลับหมดสติทันทีเมื่อผมคว้าตัวเธอมาได้ ฮือๆ อย่าฆ่าหนูเลย ไว้ชีวิตหนูเถอะ ฮือๆ ​หึ ฉันคงไว้ชีวิตหนูไม่ได้หรอก เพราะการที่หนูมีชีวิตอยู่ต่อจะทำให้ฉันเดือนร้อน พรึบ!! ตึก ตึก ช่วยด้วย ตึก ตึก ช่วยหนูด้วย ใครก็ได้ช่วยหนูที ฮือๆ ​หึ หมดทางหนีแล้วนะสิ ปัง!! ปัง!! อ๊าก ตูมมม ​เฮือก "รอยสัก" ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝันที่คอยตามหลอกหลอนฉันทุกครั้ง ฉันมองไปรอบๆห้องซึ่งเป็นห้องที่ไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ แอ๊ด เสียงเป็นประตูทำให้ฉันหันไปมองก็พบกับร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามา "หมอต้า" ฉันเบิกตากว้างทันทีก่อนที่จะก้มลงไปสำรวจตามร่างกายแต่กลับไม่มีอะไรผิดปกติ เห้อ โล่งอก แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง "ฟื้นแล้วเหรอ เธอเป็นบ้าอะไรอยู่ดีๆก็เกิดก็คิดสั้นขึ้นมา" "คิดสั้น" ฉันขมวดคิ้วทันที "หึ นี่อย่าบอกนะว่าจำอะไรไม่ได้" ฉันคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน ฉันที่กำลังจะเดินออกจากห้องแล้วจู่ๆก็เหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาหาตัวฉันอย่างรวดเร็ว และจากนั้น..ฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย ฉันยกมือกุมขมับตัวเองเพราะรู้สึกมึนๆที่ศีรษะ "เกิดอะไรขึ้นกับฉัน" "ก็เมื่อคืนอยู่ดีๆเธอก็มีอาการแปลกไป แล้วยังจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายอีก หึ ถ้าฉันไปช่วยเธอไม่ทันคงกลายเป็นผีเฝ้าแม่น้ำแล้วละ แถมต้องลำบากฉันที่ต้องอุ้มเธอมานอนที่ห้องอีก" ฉันกำลังจะฆ่าตัวตายเหรอ เมื่อคืนฉันต้องถูกวิญญาณเข้าสิงร่างแน่ๆ "ขอบใจนะที่ช่วยฉัน" "ฉันจะออกไปข้างนอก กลับมาหวังว่าจะไม่มีเธออยู่ในห้องนะ" เขาพูดจบก็ออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ฉันยืน งง อยู่คนเดียว "เออ ไปก็ได้วะ ไม่ต้องไล่" ฉันด่าตามหลังร่างสูงที่กำลังเดินออกไปโดยที่เขาไม่ได้ยิน ก่อนที่ฉันจะเดินออกจากห้องเพื่อจะกลับบ้าน ฟิ้วววว พรึบ พอฉันเดินมาถึงประตูบ้านก็ต้องหลบทัพพีที่ลอยมาทางฉัน โดยฝีมือของม๊าฉันเอง "แกออกไปไหนมา แล้วทำไมสภาพเหมือนศพแบบนี้" "แค่มีเรื่องนิดหน่อยน่ะม๊า" "ฉันห้ามแกไม่ให้ออกจากบ้านทำไมไม่เชื่อฉันบ้างห้ะ แกรู้ไหมว่ามันอันตรายมากแค่ไหน" ฉันที่เดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนพร้อมกับกอดที่เอวลวมๆ "ฉันก็ก็ปลอดภัยดี ครบสามสิบสองส่วนกลับมา ม๊าไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้ แหะๆ" ฉันเค้นหัวเราะเบาๆ ทำให้ม๊าอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย "แล้วเมื่อไหร่แกจะหางานได้สักที นี่มันก็เกือบเดือนแล้วนะ" เห้อ พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ฉันก็รู้สึกท้อขึ้นมาทันทีเลย ทำไมฉันถึงต้องหางานทำนะเหรอ เพราะฉันถูกไล่ออกไงละ เพราะดันไปมีเรื่องกับลูกชายผู้มีอิทธิพลน่ะสิ ย้อนไปเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว "มะนาววันนี้จะมีลูกค้า VIP พี่ขอให้ดูแลลูกค้าแทนพี่ได้ไหม คือพี่รู้สึกเหมือนจะไม่สบายน่ะ" พี่ส้มซึ่งเป็นพี่ที่ทำงานที่ดียวกับฉัน เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก คอยช่วยเหลือฉันตลอด "ได้ค่ะ เดี๋ยวนาวจะดูแลลูกค้าให้ค่ะ พี่ส้มพักผ่อนเยอะๆนะ จะได้หายไวๆ" ฉันยิ้มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ VIP ซึ่งก็พบกับผู้ชายสามคนอายุก็น่าจะประมานยี่สิบต้นๆ "ไม่ทราบว่าลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ" เมื่อฉันพูดขึ้นผู้ชายทั้งสามคนก็หันมามองฉันทันที "พี่ต้องการให้น้องมานั่งเป็นเพื่อน น้องคงไม่ขัดใจพี่นะ" ผู้ชายที่ดูน่าตาดีคนหนึ่งพูดขึ้นมา ฉันคิดอยู่สักพักก่อนจะเดินไปนั่งโดยเว้นระยะห่างไว้ หมับ!! ท่วา ฉันต้องเบิกตากว้างทันทีเมื่อผู้ชายคนนั้นกำลังโอบไหล่ฉัน ฟู้ ใจเย็นๆ ไอ้นาว งานนี้พังแกจบเหแน่ "พี่ชื่องแบงค์นะ แล้วน้องล่ะ" ฉันหันไปมองหน้าผู้ชายคนนั้นพร้อมกับยิ้ม "มะนาวค่ะ" จู่ๆเขาก็เอามือมาลูบแก้มฉัน ทำให้ความอดทนของฉันเริ่มหายไปทีละนิด พรึบ!! ฉันปัดมือเขาออก ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก "หึ แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นหวง" "หึ อย่างน้อยนายก็ควรให้เกียรติฉันบ้างนะ" "ทำไมฉันต้องให้เกียรติเธอ เธอก็ไม่ต่างกับผู้หญิงพวกนั้นหรอกนะ" "เหอะ ผู้ชายอย่างแกมันต้องเจอผู้หญิงแบบฉัน" ผลัวะ ฉันต่อยผู้ชายคนนั้น จนหน้าเขาหันไปตามแรงของฉัน ตอนนี้ฉันหัวร้อนเอามากๆเลย "นี่แกกล้าต่อยฉันเหรอ ไม่รู้หรอว่าฉันเป็นใคร" เห้อ มุกเก่าอีกล่ะ "เอ้า นายไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้หรอว่านายเป็นใคร" ขณะที่ฉันกำลังก้าวเท้าไปที่ผู้ชายคนนั้นก็ต้องหยุดชะงักทันที "มะนาวหยุดนะ นี่เธอทำอะไรลูกค้า ห้ะ" เสียงตะวาดของผู้จัดการร้านทำให้ฉันสะดุ้งไม่น้อย "ผมต้องขอโทษแทนพนักงานของผมด้วยนะครับ" "หึ ผมจะแจ้งตำรวจว่าพนักงานของคุณทำร้ายร่างกายผม" ผู้ชายคนนี้คงไม่คิดที่จะจบจริงๆใช่ไหม ณ สถานีตำรวจ "ผมจะเรียกค่าทำขวัญหนึ่งหมื่นบาท" ขวับ ฉันทันทีเมื่อผู้ชายคนนั้นต้องการเงินหนึ่งหมื่นบาท "นี่มันไม่มากไปเหรอ " ฉันลุกแล้วกำคอเสื้อผู้ชายคนนั้น "เองหยุดเลยนะไอ้นาว ถ้าคืนนี้ไม่อยากนอนคุก" เป็นเสียงจ่าเอกที่พูดขึ้นเพื่อห้ามปรามฉัน "จ่าก็ดูสิ คนรวยรังแกคนจนชัดๆ" ฉันปล่อยคอเสื้อผู้ชายคนนั้น แล้วนั่งกอดอกมองไปที่จ่าเอก "คุณชายครับที่จริงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ผิดซะทั้งหมด คุณเองก็ผิดถ้าคุณไม่ไปลวนลามเธอก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมว่าเรากลับบ้านกันเถอะ" เป็นเสียงของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทนายของนายแบงค์นี่แหละ ครืด!! เสียงลากเก้าอี้ออกพร้อมกับนายแบงค์ที่ยืนมองหน้าฉันด้วยแววตาที่โกรธแค้น ก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก "เฮ้อ ข้าละยอมเองจริงๆ วันก่อนก็ไปมีเรื่องกับพวกไอ้โจ้ พอวันนี้ก็ไปมีเรื่องกับลูกผู้มีอิทธิพล" จ่าเอกพูดพร้อมส่ายหน้าเบาๆ "ถ้าพวกนั้นไม่มารังคราญฉันก่อน ฉันก็ไม่ไปยุ่งกับพวกมันหรอกนะจ่า" "เออๆ หวังว่าข้าจะไม่เจอเองอีกนะไอ้นาว" กรี๊ง กรี๊งๆ เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้นก่อนที่ฉันจะหยิบขึ้นมารับสาย (นาวโอเคไหม) "นาวโอเคค่ะพี่ส้ม" (คือนาวพี่ต้องขอโทษด้วยนะที่ทิ้งงานให้) "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่นาวคงจะไม่มีโอกาสทำงานที่นั้นแล้วใช่ไหม" เมื่อฉันพูดก็เกิดความเงียบขึ้น (พี่ขอโทษนะที่ช่วยนาวไม่ได้) "นาวเข้าใจค่ะ" เฮ้อ ในที่สุดฉันก็ตกงาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม