ภาคภาคินทำตามที่พูดไว้จริง ประมาณสิบโมงครึ่งของวันถัดมาเขาก็ไปปรากฏตัวในห้องทำงานของลออสิริ ที่ตัวเขาเองไม่ค่อยได้มาบ่อยนักเพราะงานค่อนข้างยุ่ง นี่ถ้าเมื่อวานไม่ได้รับรู้เรื่องของวิคเตอร์ เขาคงไม่รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้
ลออสิริติดปัญหาเรื่องงานจึงส่งนันนิยามาดูแลรุ่นพี่ก่อน นันนิยาดีใจมากทีได้เจอภาคภาคิน ว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้เจอกับเขามาเป็นเดือน ได้แต่ส่องชีวิตของชายหนุ่มผ่านโลกโซเชียล
“ยัยสิกำลังคุยกับลูกค้าค่ะ พี่ภาครอแป๊บนะคะ” เสียงของเธออ่อนหวานอย่างเช่นทุกครั้งที่ได้คุยกับภาคภาคิน ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่ารุ่นพี่หล่อขึ้นกว่าเดิม แลดูยิ่งมีอายุยิ่งน่าครอบครอง
“ครับ พอดีพี่มีเรื่องจะถาม ไม่รู้ว่าถามน้องแนนได้ไหม”
ชายหนุ่มยิ้มหวานตอบ ก่อนจะเข้าเรื่องของตัวเอง เขาคิดว่าสอบถามคนตรงหน้าก่อนก็ได้ นันนิยาน่าจะมีข้อมูลพอสมควร
“เกี่ยวกับยัยสิเหรอคะ”
เธอถามด้วยน้ำเสียงสดใส สวนทางกับความรู้สึกแท้จริงข้างใน สำหรับภาคภาคภาคินแล้วเรื่องของลออสิริยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอสินะ หญิงสาวได้แต่รำพันกับตัวเองในใจ
“ครับ น้องสิตามจีบคุณวิคเตอร์อะไรนั่นจริงเหรอ”
เขาถามอย่างไม่อ้อมค้อม หน้าเสียขึ้นมาด้วยความรู้สึกกังวลเมื่อเห็นนันนิยาพยักหน้าให้ก่อนตอบ
“ใช่ค่ะ จีบมานานแล้วด้วย พี่ภาคไม่รู้?”
“ไม่รู้เลย แต่เคยได้ยินน้องสิพูด พี่นึกว่าน้องสิล้อเล่น”
“ไม่เล่นค่ะ เอาจริง ยัยสิตามไปเฝ้าฝ่ายชายทุกวัน ก็มีแต่ช่วงนี้แหละค่ะที่ไม่ค่อยได้ไปหา”
หึ! ถ้าไม่จริงจังคงไม่ตามจีบมาเป็นปีอย่างนี้หรอก พูดอยู่ทุกวันว่าคนนี้แหละว่าที่สามี พ่อของลูกฉัน แม้จะโดนฝ่ายชายปฏิเสธไม่รู้กี่ล้านรอบ แต่ลออสิริก็ไม่เคยลดละความพยายาม
ภาคภาคินถอนหายใจพรืด ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงอยากรู้ และไม่ทันได้สังเกตว่าแววตาของผู้หญิงตรงหน้าเปลี่ยนไป
“แล้วฝ่ายนั้นมีท่าทียังไง สนใจน้องสิบ้างไหม”
“เท่าที่รู้มา ไม่ค่อยสนใจค่ะ ยัยสิรักทางนั้นอยู่ฝ่ายเดียว”
“อ้อ แสดงว่าพี่ยังมีโอกาสใช่ไหม”
คราวนี้สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มดีขึ้นมาบ้าง คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาสคว้าหัวใจของรุ่นน้องสาว
นันนิยาเห็นสีหน้าของภาคภาคินแล้วรู้สึกเศร้าใจ อยากจะตะโกนออกไปดังๆ ว่าเธอชอบเขาแต่ก็ยังไม่กล้าพอ อยากให้เขาหันมามองเธอบ้าง แต่ก็กลัวจะถูกฝ่ายชายปฏิเสธ
“พี่ภาคชอบยัยสิจริงๆ เหรอคะ”
“ครับ ชอบมาก ชอบมาตลอด”
“ทำไมถึงชอบคะ ชอบยัยสิตรงไหน”
“น้องสิเป็นคนน่ารัก นิสัยดี มีน้ำใจ”
“แต่อ้วนนะคะ พี่ภาคไม่สนใจเรื่องนี้เหรอ”
“ไม่ครับ พี่รักที่น้องสิเป็นแบบนี้ ไม่ได้สนใจรูปร่างหน้าตา”
“รักเลยเหรอคะ แนนนึกว่าแค่ชอบ”
“รักครับ ไม่ได้ชอบ”
คำว่ารักจากปากของรุ่นพี่ทำให้นันนิยารู้สึกเจ็บในอก ปากยังยิ้มให้ชายหนุ่มทว่าในใจกลับรู้สึกริษยา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาคภาคินก็ยังชอบลออสิริเหมือนเดิม
เธอสวยกว่าตั้งเยอะทำไมเขาถึงไม่หันมามองบ้าง หรือเป็นเพราะว่าครอบครัวของเธอจน เขาถึงไม่เคยชายตามอง มันต้องเป็นอย่างหลังแน่เนื่องจากครอบครัวของเขารวย
นันนิยาเลือกโทษไปที่พ่อแม่และภูมิหลังของตัวเอง ว่าเป็นเพราะความจนทำให้เธอพลาดโอกาสดีๆ หลายอย่าง ต้องดิ้นรนจนแทบจะหมดแรงกว่าจะได้ของตามต้องการ ไม่เหมือนลออสิริ เพียงแค่เอ่ยปากพ่อกับแม่ก็พร้อมประเคนให้ราวกับเสก
“น้องแนนเป็นอะไรไหมครับ”
“....”
“น้องแนน”
“...”
“น้องแนนครับ”
“คะ? เอ่อพี่ภาคเรียกแนนเหรอ” คนเผลอหลุดเข้าไปในห้วงแห่งความคิดรู้สึกตัวเมื่อภาคภาคินเอามือมาแตะลงตรงแขน
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงอดถามไม่ได้เผื่อมีปัญหาอะไร เขาจะได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันเวลา
“ครับ คิดอะไรอยู่ทำไมหน้าเครียดจัง”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“มีอะไรบอกพี่ได้นะ น้องแนนก็เหมือนน้องสาวพี่” คำว่าน้องสาวยิ่งไปตอกย้ำสถานะของนันนิยา ความรู้สึกริษยาพวยพุ่งจนเธอทนไม่ไหวต้องหาเรื่องตัดกำลังใจภาคภาคิน
“แนนแค่รู้สึกสงสารพี่ภาคเท่านั้นเองค่ะ”
“สงสารพี่? ทำไม สงสารเรื่องอะไร”
“ยัยสิรักจริงหวังแต่งมากนะคะ ยังไงก็จะเอาคุณวิคเตอร์มาเป็นพ่อของลูกให้ได้ ยัยสิไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นหรอก แนนเตือนด้วยความหวังดีค่ะ”
“น้องแนนกำลังจะบอกให้พี่ตัดใจใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ แนนไม่อยากเห็นพี่ภาคเสียใจไปมากกว่านี้ พี่ภาคทั้งหล่อ ทั้งรวย นิสัยก็ดีมากๆ หาคนรักได้ไม่ยากหรอก”
และคนนั้นก็คือเธอที่กำลังส่งสายตาบอกเขา ทว่าเขากลับมองไม่ออกยังคงเห็นเธอเป็นแค่รุ่นน้องเท่านั้น ภาคภาคินเงียบไปชั่วขณะที่สายตากำลังมองออกไปนอกกระจก
“แนนไม่ได้จะพูดให้พี่ภาคเสียใจนะคะ”
“ครับ พี่เข้าใจ”
“แนนหวังดีถึงได้พูดแบบนี้”
“แต่ตราบใดที่น้องสิยังไม่แต่งงานหรือมีแฟน พี่ก็จะไม่ตัดใจเด็ดขาด” คำตอบตรงไปตรงมาของผู้ชายตรงหน้าไม่ต่างจากการราดน้ำมันเข้ากองไฟ นันนิยากำมือที่วางอยู่บนตักแน่น
แม้ปากจะฉีกยิ้มให้เขาแต่หัวใจกำลังเจ็บ มันปวดรวดร้าวจนเธอทนนั่งต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยปากขอตัว หากอยู่ต่อไปเขาคงได้เห็นน้ำตาแห่งความเสียใจ และแววตาแห่งความริษยาที่น้อยครั้งมากจะแสดงออกมา
“แนนขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เชิญพี่ภาคตามสบายค่ะ”
“ครับ อ้อ เที่ยงนี้พี่จะออกไปกินข้าวกับน้องสิ อาจจะมาส่งช้าหน่อย บอกไว้ก่อนเผื่อกลับช้าจริงๆ”
“ไปกันสองคนเหรอคะ ไม่เห็นชวนแนนบ้าง เสียใจจัง”
“ขอโทษนะน้องแนน แต่รอบหน้าพี่ชวนแน่ รอบนี้ขอไปกันสองคนก่อน ไม่โกรธพี่ใช่ไหม”
“ล้อเล่นค่ะ ใครเขาอยากไปกอขอคอกันเล่า พี่ภาคกับยัยสิตามสบายเถอะค่ะ แนนมีนัดอยู่แล้วด้วย ต่อให้พี่ภาคชวนก็ต้องปฏิเสธ”
เธอโกหกตาใส ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานที่ค้างต่อ แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ทำตามที่พูดเพราะหายเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแทน จากนั้นก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่เคยถ่ายสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
เป็นรูปที่ถ่ายกันสี่คน มีตัวเธอ ลออสิริ เพื่อนผู้ชายในแก๊งที่ชื่อเหนือกาลเวลา และภาคภาคิน สมัยไปออกค่ายอาสาในถิ่นทุรกันดารเพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมโรงเรียนยากจน เธอยืนเคียงคู่กับรุ่นพี่แต่สายตาเขากลับมองไปยังลออสิริ
“แนนจะไม่ยอมให้พี่ภาคเป็นของยัยสิ ไม่มีทางยอม”