ลออสิริมัวแต่อยู่ในโลกของการออกแบบ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเห็นนาฬิกาบอกว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เธอแอบตกใจเล็กน้อยที่เห็นเบอร์โทรของวิคเตอร์ติดต่อเข้ามาหลายสายจึงรีบโทรกลับ รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ เธอจึงสอบถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ฮัลโหลพี่วิค โทรหาสิหลายสายมีอะไรคะ” สีหน้าของคนถามไม่สู้ดีเพราะเครียดกับงาน บวกกับนั่งบนเก้าอี้ติดกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงร่างกายจึงเริ่มประท้วงด้วยอาการปวดหลัง
“ทำไมไม่รับสาย ผมโทรจนมือหงิกหมดแล้ว” เขาบ่นเสียงขุ่น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากโทรหาเธอ พอโทรไปไม่รับกลับยิ่งรู้สึกโมโห
“สิทำงานอยู่ค่ะ พอดีว่าเพลินไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มหวานขณะเอนตัวนอนลงบนโซฟาเพื่อพักร่างกาย ตั้งแต่รู้จักกันนี่คือครั้งแรกเลยที่ชายหนุ่มติดต่อมาก่อน มันเป็นนิมิตหมายที่ดีใช่ไหม
“ตกลงพี่วิคมีอะไรคะ คิดถึงสิใช่ไหม”
“หลงตัวเอง ผมแค่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร คุยได้เลยค่ะ”
“ขี้เกียจคุยผ่านโทรศัพท์ เดี๋ยวไปรับ”
“มารับ! หมายถึงมารับสิ?”
“ผมคุยกับคุณ ก็ต้องไปรับคุณอยู่แล้ว”
“ไปไหนคะ คือสิยังทำงานไม่เสร็จ”
“งั้นผมไปหาคุณที่บริษัทก็แล้วกัน”
“ค่ะ เดี๋ยวสิลงไปรับใต้ตึก”
“อืม”
วิคเตอร์ตัดสายทิ้ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปหาลออสิริตามที่พูด ก่อนไปถึงบริษัทเธอเขายังแวะซื้อของกินไปฝากอีกด้วย ตอนนี้มืดแล้วเขาคิดว่าเธอน่าจะหิว
หลังจากชายหนุ่มมาถึง หญิงสาวก็รีบลงไปรับแล้วพาเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะเชื้อเชิญให้เขานั่งบนโซฟาซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมห้อง
ลออสิริเป็นคนมีหัวทางด้านศิลปะจึงจัดห้องทำงานได้น่าอยู่มาก ออกแนวมินิมอลสบายตา แม้แต่คนอย่างวิคเตอร์ที่ชอบความหรูหรายังรู้สึกชอบ ถึงขนาดกวาดตามองรอบห้องด้วยความสนใจ
“พี่วิคมีเรื่องอะไรจะคุยกับสิเหรอคะ เรื่องใหญ่ใช่ไหม”
เธอถามเสียงเครียดหลังจากนั่งลงข้างเขา
“พนักงานกลับไปหมดแล้วเหรอ” แต่เขากลับไม่ตอบคำถามเพราะอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า ตอนนี้ที่บริษัทของลออสิริไม่มีใครอยู่เลยใช่ไหมถึงได้ให้ความรู้สึกเหมือนบริษัทร้าง แตกต่างจากบริษัทของเขามาก
“ค่ะ มันเลยเวลางานแล้ว ที่นี่ตรงเวลา เข้าตรง ออกตรง”
“แสดงว่าคุณอยู่คนเดียวสิ”
“ค่ะ สิยังทำงานไม่เสร็จ ไม่อยากให้ค้างก็เลยทำต่อ”
“แล้วคุณกินอะไรรึยัง พอดีผมเห็นว่ามันลดราคาเลยซื้อมาฝาก” คนมีน้ำใจแต่ปากแข็งชี้ไปยังอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ลออสิริหน้านิ่วเล็กน้อยหลังจากเห็นถุงใส่อาหาร ถ้าจำไม่ผิดร้านนี้ขายดีมากไม่เคยเห็นจะลดราคาเลยสักครั้ง
“วันนี้ทำไมมาแปลกจัง ถึงว่าฝนตกตั้งแต่ก่อนเลิกงาน”
เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองนอกกระจกของตัวอาคาร ท้องฟ้ายังปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ แม้ว่าฝนจะหยุดตกแล้ว เพราะนั่งอยู่กันตามเพียงลำพังต่อให้กระซิบเบากว่านี้วิคเตอร์ก็ได้ยิน
“ไม่อยากกิน? งั้นผมเอากลับ”
“กินค่ะ ตกลงพี่วิคมาหาสิถึงที่นี่มีอะไรกันแน่”
“สิ้นเดือนนี้บริษัทจะจัดงานเลี้ยงครบรอบห้าสิบปี พี่รักให้ผมชวนคุณไปงานด้วย คุณจะไปไหม”
เขาบอกเธอพลางยื่นการ์ดเชิญ ลออสิริไม่คิดปฏิเสธรีบยื่นมือไปรับซองพร้อมกับพยักหน้าดีใจ
“ไปค่ะ งานดีๆ แบบนี้สิจะพลาดได้ยังไง”
ถ้าพลาดเสียดายแย่ ต่อให้วิคเตอร์ไม่ชวนเธอก็จะไป งานเลี้ยงบริษัทแบบนี้มีคนไปร่วมงานเยอะแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะได้รู้จักเจ้าของแบรนด์ต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ
“เดี๋ยวผมจะไปบอกพี่รักว่าคุณตกลงแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรทำไมถึงดีใจที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธ
“สิไปแน่นอนค่ะ งานเลี้ยงของครอบครัวว่าที่สามีทั้งที ไม่ไปได้ยังไง ถึงไม่ชวนก็จะหน้าด้านไปอยู่ดี”
เธอพยักหน้าจริงจัง ปากสีสวยยิ้มกว้างแค่จินตนาการว่าได้เดินควงแขนวิคเตอร์เข้างานก็มีความสุข
“ผมรู้ หน้าคุณหนา”
“พี่วิคก็”
“กินสิเดี๋ยวมันจะเย็นก่อน”
“พี่วิคจะกลับเลยไหม เดี๋ยวสิลงไปส่ง”
“กลับพร้อมคุณก็แล้วกัน นั่งทำงานคนเดียวไม่กลัวเหรอ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ ปกติไม่ค่อยอยู่แบบนี้หรอก วันนี้เคสพิเศษ”
หญิงสาวบอกขณะแกะกล่องอาหารตรงหน้า ด้วยความที่เธอกินข้าวไม่ค่อยตรงเวลาทำให้หลังจากเคี้ยวข้าวไปไม่กี่คำอาการปวดท้องก็เริ่มกำเริบ หากแต่ไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นห่วงจึงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณแต่งห้องทำงานได้สวยมาก” แขกหนุ่มลุกขึ้นเดินไปดูของตกแต่งห้องอย่างสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือพวกงานโมเดลตุ๊กตา ที่เขาเรียกกันว่าอาร์ตทอย
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ โอ๊ย!”
กระทั่งอาการปวดเป็นหนักขึ้นเธอจึงเอามือขึ้นมากุมท้องพร้อมกับหลุดเสียงร้อง วิคเตอร์หันกลับมามอง เห็นลออสิรินั่งตัวงอก็รีบเดินกลับมาหา
“เป็นอะไรคุณ ทำไมหน้าซีดแบบนี้”
“ปวดท้องค่ะ โรคกระเพาะ”
“โรคกระเพาะ”
“ค่ะ ช่วยไปเอายาให้หน่อยได้ไหม”
“อยู่ตรงไหน”
“ตู้ยาในห้องครัว”
เสียงอ่อนแรงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มต้องรีบวิ่งออกไปที่ห้องครัวอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็จัดการหยิบขวดยาพร้อมกับคว้าน้ำดื่มมาด้วย
ลออสิริเจ็บจนต้องพาตัวเองนอนลงบนโซฟา เมื่อยามาถึงมือก็รีบยกขวดซดเข้าไปหลายอึก ไม่สนใจตวงตามที่ฉลากบอก
ช่วงนี้นอกจากกินข้าวไม่ตรงเวลา ยังมีปัญหาเรื่องงานทำให้เกิดอาการเครียดสะสมจนส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
“อาการคุณดูไม่ค่อยดีเลย ไปหาหมอไหม”
วิคเตอร์เอื้อมมือไปวัดไข้คนป่วยอย่างลืมตัว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ร่างกายของลออสิริไม่ได้มีไข้แต่มือเย็นมาก เขากลัวว่าเธอจะช็อกและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ความห่วงใยจากใจจริงของผู้ชายปากร้ายทำให้คนเจ็บยิ้มบางๆ เห็นไหมวิคเตอร์เหมาะกับการเป็นสามีของเธอขนาดไหน ถึงจะร้ายแต่ก็น่ารัก แล้วเธอจะไปชอบคนอื่นได้อย่างไร ในเมื่อเขาทั้งหล่อและนิสัยดีขนาดนี้
“ไม่ต้องค่ะ กินยาแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น พี่วิคกลับก่อนก็ได้”
เธอเอ่ยด้วยความเกรงใจหลังจากเหลือบไปมองนาฬิกา เวลานี้ชายหนุ่มควรกลับไปพักผ่อน ไม่ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนอย่างที่ชอบทำ
“ได้ยังไง เก็บของเถอะ”
“...”
“ผมไปส่งคุณเอง”
“...”
“ไม่ต้องทำงานแล้ว”
“แต่ว่า...”
“ห้ามแต่”
“ก็ได้ค่ะ”
“ไปเก็บของ”
“แต่สิลุกไม่ไหว รบกวนพี่วิคช่วยเก็บของหน่อยได้ไหม”
เธออ้อนเขา คิดว่าวิคเตอร์จะปฏิเสธแต่ที่ไหนได้
“เรื่องมาก เห็นว่าคุณเจ็บหรอกนะถึงช่วย”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับราวกับจำใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการเก็บข้าวของบนโต๊ะ ในขณะที่หญิงสาวยังนอนตัวงออยู่บนโซฟา
วิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด หลังจากได้เห็นข้อความที่ลออสิริคุยกับมารดาในช่องแชตของเฟซบุ๊กผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
ใจความว่าชุดที่เธอออกแบบได้ไม่นาน กำลังจะสั่งผลิตกลับมีคนเอาออกมาขายแล้ว แบบเสื้อเหมือนกันเป๊ะ เธอคิดว่ามีคนในบริษัทแอบเอาแบบไปขาย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าใคร
“มีคนก๊อบงานคุณเหรอ”
“...” เธอตกใจเล็กน้อยกับคำถามของเขา
“เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจอ่าน มันเห็นผ่านตาน่ะ”
“ค่ะ”
“คุณแน่ใจเหรอ”
“สิอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เรื่องบังเอิญแหละ”
“ผมว่าถ้าเหมือนกันเป๊ะมันไม่เรียกว่าบังเอิญหรอก”
“แต่สิไม่รู้ว่าใครทำ”
“บริษัทคุณก็มีอยู่ไม่กี่คน ถ้าจะหาตัวคนร้าย ผมว่าไม่ยาก”
“เฮ้อ สิว่าครั้งนี้จะช่างมันไปก่อน”
“จะรอให้มีครั้งต่อไปอีก”
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เลยว่าช่างมัน”
“คุณก็เลยแก้ปัญหาด้วยการออกแบบชุดใหม่”
“ค่ะ หวังว่าคราวนี้จะไม่ถูกขโมยแบบอีก”
ชายหนุ่มส่ายหัวให้กับคำตอบของหญิงสาว จากนั้นก็จัดการปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเก็บข้าวของตามที่ลออสิริบอกใส่กระเป๋า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยสองหนุ่มสาวก็เดินออกจากออฟฟิศ
ลออสิริยังคงมีสีหน้าซีดเซียว แต่อาการปวดท้องดีขึ้นมากแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ในรถเธอไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทำให้บรรยากาศวังเวงไม่น้อย
วิคเตอร์จึงเลือกเปิดวิทยุเพื่อฟังเพลง หันมาอีกครั้งก็เห็นหญิงสาวหลับคอพับไปแล้ว ประจวบเหมาะกับโทรศัพท์มีสายเรียกเข้าพอดี เขาจึงถือวิสาสะกดรับเพราะไม่อยากให้ไปรบกวนการพักผ่อนของคนที่นั่งข้างกัน
“น้องสิครับ พี่ภาค...” / “สวัสดีครับ”
“คุณเป็นใคร มารับโทรศัพท์น้องสิได้ยังไง”
“ลออสิริหลับอยู่ ผมก็เลยรับโทรศัพท์แทน”