บทที่ 3 หัวใจรู้สึกเจ็บ (2)

1460 คำ
บริษัท พนัสพาณิชย์ จำกัด ผลิตและจัดจำหน่ายชุดนักเรียนให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะภาคไหนก็มีแต่คนรู้จัก ถ้าบอกชื่อยี่ห้อไปคนต้องร้องอ๋อแน่นอน ปัจจุบันมีวันรักเป็นประธานกรรมการ ส่วนน้องชายรับหน้าที่เป็นรองประธาน ตอนนี้ทางบริษัทกำลังจะตีตลาดคนวัยหนุ่มสาวจึงตัดสินใจผลิตกระเป๋าออกมาขาย ลลินาคือพรีเซนเตอร์ของบริษัท เมื่อวานเธอมาหาก็เพราะเรื่องงาน “สรุปพี่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในงานเลี้ยงครบรอบห้าสิบปีของบริษัทด้วย” “ใช่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไง” “ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดงบ” “แกอย่าลืมชวนน้องสิมางานด้วยนะ” “ถึงผมไม่ชวนยัยน้องสิของพี่ก็ต้องไปอยู่แล้ว เพราะเธอคือหลานรักของคุณปลายฝันกับคุณวินธัย” คิดถึงสีหน้าของลออสิริเวลาคุยกับคุณตาคุณยายของเขาแล้วรู้สึกหมั่นไส้ เธอไปเรียนวิชาเข้าหาผู้ใหญ่จากไหน ทำไมถึงได้ผลขนาดนี้ “รู้ตัวก็ดี แกมันตกกระป๋องไปแล้ว” “อวยกันเข้าไป ผมไม่มีทางชอบยัยนั่น” “พี่จะคอยดู ว่าแต่ทำไมไม่เห็นน้องสิในห้องของแก วันนี้ไม่มาเหรอ หรือว่าแกไปทะเลาะอะไรกับน้อง” “ยัยน้องสิของพี่รักก็ต้องทำงานนะครับ มีบริษัทเป็นของตัวเอง จะทำตัวเป็นเห็บเหาเกาะติดผมตลอดเวลาได้ยังไง” “ถ้าน้องเป็นเห็บเหา แกก็คือหมาขี้เรื้อนสิ” “โอ้โฮเปรียบเทียบ” “แกพูดเอง พี่ก็แค่ทำให้เห็นภาพมากขึ้น ฮ่าๆๆๆ” “ใกล้เที่ยงแล้วไปกินข้าวด้วยกันไหมพี่รัก” “ไปสิ วันนี้สามีติดประชุม พี่ต้องกินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว” สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปกินข้าวเที่ยง บังเอิญจริงๆ ที่ลลินากับผู้จัดการก็มากินข้าวที่ร้านนี้เหมือนกัน ทำให้ทุกคนได้เจอกัน วันรักจึงชวนนั่งกินข้าวที่โต๊ะเดียวกันไปเลยจะได้คุยงานไปด้วย ความบังเอิญไม่ได้เกิดกับลลินาเท่านั้น ยังไปเกิดกับลออสิริที่อยากกินข้าวเที่ยงร้านนี้พอดี เธอสั่งอาหารเสร็จเพื่อนก็สะกิดให้หันไปมองโต๊ะทางด้านหลัง “นั่นมันคุณวิคใช่ไหมแก” “ไหน” “นั่นไงที่นั่งอยู่กับลลินา” “ใช่จริงด้วย ไหนบอกว่าติดงาน” ลออสิริเพ่งมองดีๆ จึงเห็นตามที่นันนิยาบอก เธอหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที คิดว่าที่เขาไม่ให้ไปหาเพราะอยากมากินข้าวกับลลินานี่เอง “ดูๆ ไปสองคนนี้ก็เหมาะสมกันดีเนอะ คนหนึ่งสวย คนหนึ่งหล่อ ถ้าคบกันจริงถือว่าลงตัว” “ฉันไม่เถียง แต่คนเราจะรักกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาอย่างเดียวนะแก มันอยู่ที่หัวใจด้วย” “ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็เลือกลลินา มองมุมไหนก็สวย หุ่นอย่างปัง ผิวอย่างเนียน แกดูพวกเราสิว่าขาวแล้วนะ ยังสู้หล่อนไม่ได้” “เรื่องรูปร่างหน้าตา ฉันสู้ลลินาไม่ได้ก็จริง แต่เรื่องหัวใจไม่มีใครรักพี่วิคได้เท่าฉันหรอก ถ้าไม่รักจริงฉันไม่ทนจีบมาเป็นปีๆ แบบนี้ เฮ้อเมื่อไหร่พี่วิคจะรับรักฉัน” “จีบต่อไป จีบจนกว่าจะได้มาครอบครอง” “แน่นอนอยู่แล้ว ไปต่อค่ะจนกว่าจะหมดแรง” “แล้วจะเข้าไปทักทายไหม ไปแสดงตัวหน่อยว่าแกก็อยู่ที่นี่” “จะดีเหรอ ฉันว่าอย่าดีกว่า” “พี่วิคของแกดูมีความสุขจังเวลาคุยกับลลินา” ลออสิริหันไปมองตามที่นันนิยาพูด เห็นวิคเตอร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แตกต่างจากตอนที่คุยกับตัวเองก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ หัวใจมันเจ็บจนอยากจะร้องไห้ แต่เลือกจะเก็บความอ่อนแอเอาไว้ แล้วหันกลับมาส่ายหน้าให้เพื่อน วันนี้เธอไม่อยากเป็นนางร้ายแต่นันนิยาไม่สนใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปทักทายคนทั้งสองแทน วิคเตอร์ถึงกับหุบยิ้มทันควัน เมื่อเห็นว่าลออสิริก็มาด้วย ประจวบเหมาะกับที่วันรักและผู้จัดการของลลินาเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี จึงไม่ได้พูดอะไรกับลออสิริ “นั่งกินข้าวด้วยกันไหมคะน้องสิ” “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ สิสั่งอาหารไปแล้วด้วย” “เอาไว้วันไหนว่างๆ ค่อยนัดกินข้าวกันนะคะ” “ค่ะ งั้นสิขอตัวก่อนนะคะ ไปแนน” ลออสิริดึงแขนเพื่อนกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เธอบอกแล้วว่าไม่อยากเข้าไปทักทาย นันนิยาจึงเอ่ยขอโทษบอกว่าแค่อยากเข้าไปแสดงตัวแทนเพื่อนเท่านั้นเอง “แกไม่โกรธเหรอ คุณวิคเขามากินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น” ถามเหมือนอยากรู้แต่อันที่จริงมีความนัยบางอย่างแฝงอยู่ในน้ำเสียง หากลออสิริฉุกคิดสักนิดน่าจะรู้ว่าจริงๆ แล้วนันนิยาไม่ใช่เพื่อนที่น่าคบหานัก “ฉันจะโกรธได้ยังไง ฉันกับเขายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” คนเกือบอกหักคอตกเล็กน้อยเมื่อหันไปมองทางโต๊ะนั้น พลันคำพูดของนันนิยาก่อนหน้านี้ลอยเข้ามาในหู ก็จริงเนอะวิคเตอร์กับดาราสาวลลินาดูเหมาะสมกันมาก เคมีมันได้ เหมือนพระเอกกับนางเอกในซีรีส์ที่ชอบดูบ่อยๆ เป็นเธอต่างหากที่ไม่เหมาะสมกับเขา “แกไม่ต้องเศร้าไปหรอก เขาสองคนไม่ได้มากินข้าวด้วยกันสองต่อสอง มีคนอยู่ด้วยตั้งหลายคน เดินหน้าจีบต่อไป จีบจนกว่าจะได้ ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล มันต้องมีสักทางที่แกจะสมหวัง” “ฉันไม่ได้เศร้าเพราะเรื่องนี้” หากแต่คำปลอบโยนของเพื่อนไม่ได้ช่วยเธอเลย ลออสิริจิ้มอาหารเข้าปากอย่างซังกะตาย กินไปมองไป ยิ่งเห็นความเอาใจใส่ที่วิคเตอร์มีต่อลลินาก็ยิ่งเจ็บปวด “แล้วเศร้าเรื่องไหนล่ะ” นันนิยาขมวดคิ้วถาม ก่อนจะหันไปมองทางโต๊ะโน้นบ้าง มุมปากยกขึ้นด้วยความชอบใจหลังจากหันกลับมาเจอแววตาเศร้าสร้อยของลออสิริ “แกเห็นไหม พอพี่วิคเห็นฉันหน้าก็บึ้งทันทีไม่เหมือนตอนคุยกับลลินา” “เอาน่าอย่าเพิ่งเสียกำลังใจไป แกก็แค่...จีบต่อ” ลออสิริพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการต้องวิ่งตามความรักที่ไม่รู้ว่าจะถูกรักตอบวันไหน รักข้างเดียวเป็นความรู้สึกที่ทรมานมากจริงๆ เธออยากรู้เหลือเกินเมื่อไหร่ถึงจะครอบครองหัวใจของวิคเตอร์สำเร็จ ต้องพยายามไปอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะหันกลับมามองเธอบ้าง หรือความจริงแล้วเธอควรถอย “จีบต่อแหละ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องสู้เท่านั้น” “แกอยากให้ฉันช่วยก็บอก ฉันช่วยแกได้ทุกเรื่อง” “ขอบใจนะแนน แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” “กินข้าวๆ จะได้มีแรงไปจีบผู้ชายต่อ” “เออแกว่าใครคือคนที่เอาแบบเสื้อของฉันไปให้บริษัทนั้น” “ไม่รู้เหมือนกัน เดาไม่ออกเลย ทุกคนในบริษัทเป็นคนดีหมด น้องๆ ในทีม รวมถึงพี่ๆ ไม่มีใครน่าสงสัยเลย” “นั่นสิ ตอนนี้ฉันรู้สึกมืดแปดด้านไปหมด” เจ้าของแบรนด์เสื้อสาวพลัสไซซ์คอยิ่งตกหนักเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าใครเอาแบบเสื้อผ้าที่เธอคิดไปขายให้บริษัทคู่แข่ง จะเรียกคู่แข่งก็ไม่ได้เพราะทางนั้นเปิดมาก่อน เพียงแต่ไม่ได้ทำเสื้อผ้าสำหรับสาวอวบ ตอนนี้เธอเครียดมากหากผลิตออกมาก็จะถูกหาว่าก๊อบปี้อีก “อย่าไปเครียดแก ชีวิตคนเรามีปัญหาทุกคน” “เฮ้อ ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ผู้ชายก็กำลังจะโดนงาบไป ส่วนงานก็มีปัญหาให้แก้ตลอด เหนื่อยว่ะ” “สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้แกเสมอ” “ขอบใจแกจริงๆ รักแกว่ะแนน” นันนิยาพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์เมื่อมีข้อความจากใครบางคนส่งเข้ามา เธอรีบพิมพ์ตอบด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็บอกเพื่อนว่าเย็นนี้อยู่ทำโอทีไม่ได้ เพราะมีธุระต้องไปทำสำคัญมากและไม่สามารถปฏิเสธได้ “ไปเถอะ ฉันทำงานคนเดียวได้” “แกไม่ต้องเครียดนะ แกมีฉันเสมอ” “โชคดีจริงๆ ที่ฉันมีแกเป็นเพื่อน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม