บริษัท พนัสพาณิชย์ จำกัด ผลิตและจัดจำหน่ายชุดนักเรียนให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะภาคไหนก็มีแต่คนรู้จัก ถ้าบอกชื่อยี่ห้อไปคนต้องร้องอ๋อแน่นอน
ปัจจุบันมีวันรักเป็นประธานกรรมการ ส่วนน้องชายรับหน้าที่เป็นรองประธาน ตอนนี้ทางบริษัทกำลังจะตีตลาดคนวัยหนุ่มสาวจึงตัดสินใจผลิตกระเป๋าออกมาขาย ลลินาคือพรีเซนเตอร์ของบริษัท เมื่อวานเธอมาหาก็เพราะเรื่องงาน
“สรุปพี่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในงานเลี้ยงครบรอบห้าสิบปีของบริษัทด้วย”
“ใช่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไง”
“ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดงบ”
“แกอย่าลืมชวนน้องสิมางานด้วยนะ”
“ถึงผมไม่ชวนยัยน้องสิของพี่ก็ต้องไปอยู่แล้ว เพราะเธอคือหลานรักของคุณปลายฝันกับคุณวินธัย” คิดถึงสีหน้าของลออสิริเวลาคุยกับคุณตาคุณยายของเขาแล้วรู้สึกหมั่นไส้ เธอไปเรียนวิชาเข้าหาผู้ใหญ่จากไหน ทำไมถึงได้ผลขนาดนี้
“รู้ตัวก็ดี แกมันตกกระป๋องไปแล้ว”
“อวยกันเข้าไป ผมไม่มีทางชอบยัยนั่น”
“พี่จะคอยดู ว่าแต่ทำไมไม่เห็นน้องสิในห้องของแก วันนี้ไม่มาเหรอ หรือว่าแกไปทะเลาะอะไรกับน้อง”
“ยัยน้องสิของพี่รักก็ต้องทำงานนะครับ มีบริษัทเป็นของตัวเอง จะทำตัวเป็นเห็บเหาเกาะติดผมตลอดเวลาได้ยังไง”
“ถ้าน้องเป็นเห็บเหา แกก็คือหมาขี้เรื้อนสิ”
“โอ้โฮเปรียบเทียบ”
“แกพูดเอง พี่ก็แค่ทำให้เห็นภาพมากขึ้น ฮ่าๆๆๆ”
“ใกล้เที่ยงแล้วไปกินข้าวด้วยกันไหมพี่รัก”
“ไปสิ วันนี้สามีติดประชุม พี่ต้องกินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว”
สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปกินข้าวเที่ยง บังเอิญจริงๆ ที่ลลินากับผู้จัดการก็มากินข้าวที่ร้านนี้เหมือนกัน ทำให้ทุกคนได้เจอกัน
วันรักจึงชวนนั่งกินข้าวที่โต๊ะเดียวกันไปเลยจะได้คุยงานไปด้วย ความบังเอิญไม่ได้เกิดกับลลินาเท่านั้น ยังไปเกิดกับลออสิริที่อยากกินข้าวเที่ยงร้านนี้พอดี เธอสั่งอาหารเสร็จเพื่อนก็สะกิดให้หันไปมองโต๊ะทางด้านหลัง
“นั่นมันคุณวิคใช่ไหมแก”
“ไหน”
“นั่นไงที่นั่งอยู่กับลลินา”
“ใช่จริงด้วย ไหนบอกว่าติดงาน” ลออสิริเพ่งมองดีๆ จึงเห็นตามที่นันนิยาบอก เธอหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที คิดว่าที่เขาไม่ให้ไปหาเพราะอยากมากินข้าวกับลลินานี่เอง
“ดูๆ ไปสองคนนี้ก็เหมาะสมกันดีเนอะ คนหนึ่งสวย คนหนึ่งหล่อ ถ้าคบกันจริงถือว่าลงตัว”
“ฉันไม่เถียง แต่คนเราจะรักกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาอย่างเดียวนะแก มันอยู่ที่หัวใจด้วย”
“ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็เลือกลลินา มองมุมไหนก็สวย หุ่นอย่างปัง ผิวอย่างเนียน แกดูพวกเราสิว่าขาวแล้วนะ ยังสู้หล่อนไม่ได้”
“เรื่องรูปร่างหน้าตา ฉันสู้ลลินาไม่ได้ก็จริง แต่เรื่องหัวใจไม่มีใครรักพี่วิคได้เท่าฉันหรอก ถ้าไม่รักจริงฉันไม่ทนจีบมาเป็นปีๆ แบบนี้ เฮ้อเมื่อไหร่พี่วิคจะรับรักฉัน”
“จีบต่อไป จีบจนกว่าจะได้มาครอบครอง”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไปต่อค่ะจนกว่าจะหมดแรง”
“แล้วจะเข้าไปทักทายไหม ไปแสดงตัวหน่อยว่าแกก็อยู่ที่นี่”
“จะดีเหรอ ฉันว่าอย่าดีกว่า”
“พี่วิคของแกดูมีความสุขจังเวลาคุยกับลลินา”
ลออสิริหันไปมองตามที่นันนิยาพูด เห็นวิคเตอร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แตกต่างจากตอนที่คุยกับตัวเองก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ หัวใจมันเจ็บจนอยากจะร้องไห้ แต่เลือกจะเก็บความอ่อนแอเอาไว้ แล้วหันกลับมาส่ายหน้าให้เพื่อน วันนี้เธอไม่อยากเป็นนางร้ายแต่นันนิยาไม่สนใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปทักทายคนทั้งสองแทน
วิคเตอร์ถึงกับหุบยิ้มทันควัน เมื่อเห็นว่าลออสิริก็มาด้วย ประจวบเหมาะกับที่วันรักและผู้จัดการของลลินาเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี จึงไม่ได้พูดอะไรกับลออสิริ
“นั่งกินข้าวด้วยกันไหมคะน้องสิ”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ สิสั่งอาหารไปแล้วด้วย”
“เอาไว้วันไหนว่างๆ ค่อยนัดกินข้าวกันนะคะ”
“ค่ะ งั้นสิขอตัวก่อนนะคะ ไปแนน”
ลออสิริดึงแขนเพื่อนกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เธอบอกแล้วว่าไม่อยากเข้าไปทักทาย นันนิยาจึงเอ่ยขอโทษบอกว่าแค่อยากเข้าไปแสดงตัวแทนเพื่อนเท่านั้นเอง
“แกไม่โกรธเหรอ คุณวิคเขามากินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น”
ถามเหมือนอยากรู้แต่อันที่จริงมีความนัยบางอย่างแฝงอยู่ในน้ำเสียง หากลออสิริฉุกคิดสักนิดน่าจะรู้ว่าจริงๆ แล้วนันนิยาไม่ใช่เพื่อนที่น่าคบหานัก
“ฉันจะโกรธได้ยังไง ฉันกับเขายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
คนเกือบอกหักคอตกเล็กน้อยเมื่อหันไปมองทางโต๊ะนั้น พลันคำพูดของนันนิยาก่อนหน้านี้ลอยเข้ามาในหู ก็จริงเนอะวิคเตอร์กับดาราสาวลลินาดูเหมาะสมกันมาก เคมีมันได้ เหมือนพระเอกกับนางเอกในซีรีส์ที่ชอบดูบ่อยๆ เป็นเธอต่างหากที่ไม่เหมาะสมกับเขา
“แกไม่ต้องเศร้าไปหรอก เขาสองคนไม่ได้มากินข้าวด้วยกันสองต่อสอง มีคนอยู่ด้วยตั้งหลายคน เดินหน้าจีบต่อไป จีบจนกว่าจะได้ ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล มันต้องมีสักทางที่แกจะสมหวัง”
“ฉันไม่ได้เศร้าเพราะเรื่องนี้” หากแต่คำปลอบโยนของเพื่อนไม่ได้ช่วยเธอเลย ลออสิริจิ้มอาหารเข้าปากอย่างซังกะตาย กินไปมองไป ยิ่งเห็นความเอาใจใส่ที่วิคเตอร์มีต่อลลินาก็ยิ่งเจ็บปวด
“แล้วเศร้าเรื่องไหนล่ะ” นันนิยาขมวดคิ้วถาม ก่อนจะหันไปมองทางโต๊ะโน้นบ้าง มุมปากยกขึ้นด้วยความชอบใจหลังจากหันกลับมาเจอแววตาเศร้าสร้อยของลออสิริ
“แกเห็นไหม พอพี่วิคเห็นฉันหน้าก็บึ้งทันทีไม่เหมือนตอนคุยกับลลินา”
“เอาน่าอย่าเพิ่งเสียกำลังใจไป แกก็แค่...จีบต่อ”
ลออสิริพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการต้องวิ่งตามความรักที่ไม่รู้ว่าจะถูกรักตอบวันไหน รักข้างเดียวเป็นความรู้สึกที่ทรมานมากจริงๆ
เธออยากรู้เหลือเกินเมื่อไหร่ถึงจะครอบครองหัวใจของวิคเตอร์สำเร็จ ต้องพยายามไปอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะหันกลับมามองเธอบ้าง หรือความจริงแล้วเธอควรถอย
“จีบต่อแหละ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องสู้เท่านั้น”
“แกอยากให้ฉันช่วยก็บอก ฉันช่วยแกได้ทุกเรื่อง”
“ขอบใจนะแนน แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”
“กินข้าวๆ จะได้มีแรงไปจีบผู้ชายต่อ”
“เออแกว่าใครคือคนที่เอาแบบเสื้อของฉันไปให้บริษัทนั้น”
“ไม่รู้เหมือนกัน เดาไม่ออกเลย ทุกคนในบริษัทเป็นคนดีหมด น้องๆ ในทีม รวมถึงพี่ๆ ไม่มีใครน่าสงสัยเลย”
“นั่นสิ ตอนนี้ฉันรู้สึกมืดแปดด้านไปหมด”
เจ้าของแบรนด์เสื้อสาวพลัสไซซ์คอยิ่งตกหนักเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าใครเอาแบบเสื้อผ้าที่เธอคิดไปขายให้บริษัทคู่แข่ง จะเรียกคู่แข่งก็ไม่ได้เพราะทางนั้นเปิดมาก่อน เพียงแต่ไม่ได้ทำเสื้อผ้าสำหรับสาวอวบ ตอนนี้เธอเครียดมากหากผลิตออกมาก็จะถูกหาว่าก๊อบปี้อีก
“อย่าไปเครียดแก ชีวิตคนเรามีปัญหาทุกคน”
“เฮ้อ ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ผู้ชายก็กำลังจะโดนงาบไป ส่วนงานก็มีปัญหาให้แก้ตลอด เหนื่อยว่ะ”
“สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้แกเสมอ”
“ขอบใจแกจริงๆ รักแกว่ะแนน”
นันนิยาพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์เมื่อมีข้อความจากใครบางคนส่งเข้ามา เธอรีบพิมพ์ตอบด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็บอกเพื่อนว่าเย็นนี้อยู่ทำโอทีไม่ได้ เพราะมีธุระต้องไปทำสำคัญมากและไม่สามารถปฏิเสธได้
“ไปเถอะ ฉันทำงานคนเดียวได้”
“แกไม่ต้องเครียดนะ แกมีฉันเสมอ”
“โชคดีจริงๆ ที่ฉันมีแกเป็นเพื่อน”