7

1540 คำ
“เราก็อยู่กินข้าวกินปลาเสียก่อนนะเจ้าแซน แล้วค่อยเข้าไร่” ดูมารดาพูดกับเขา อธิราชรู้สึกเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก แต่เดี๋ยวนะ!!! มารดาบอกว่ากินข้าวเสร็จให้เขาเข้าไร่เลยใช่ไหม แบบนี้มันเรียกว่าไล่กันกลายๆ นี่หว่า “คืนนี้ผมจะนอนบ้าน” เขาทะลุกลางปล้องขึ้นมา มณีรัตน์มองหน้า ลูกชายอย่างงุนงง ร้อนวันพันปีไม่เคยคิดจะนอนบ้าน ขลุกตัวอยู่แต่ในไร่ เมากับคนงานแทบจะทุกวัน อธิปไตยกลั้นขำพี่ชาย แต่พอสบสายตาดุๆ ของอีกฝ่ายเขาก็เสไปมองทางอื่น อยากจะหัวเราะให้ลั่นบ้าน เขาซื้อหวยไม่เคยถูก แต่เดาใจพี่ชายจอมห่ามถูกทุกทีสิน่า “วันนี้อะไรเข้าสิงถึงจะนอนบ้าน ร้อยวันพันปีอยู่แต่ในไร่ แล้วดูผมเผ้าหนวดเคราสิ ยาวเฟื้อยไม่ยอมตัดให้เรียบร้อย อยู่ไม่เป็นผู้เป็นคนเข้าไปทุกวัน”มณีรัตน์บ่นอุบเมื่อเห็นสภาพของบุตรชายคนโต คันไม้คันมืออยากจะตัดผมโกนหนวดให้เสียเหลือเกิน แต่หน้าที่นี้คงต้องยกให้มิ่งขวัญมันถึงจะเหมาะ “ทำไมเหรอครับ ผมจะนอนบ้านบ้างไม่ได้หรือไง หรือพอลูกสาวสุดที่รักของคุณแม่กลับมา ผมเลยไม่มีความหมาย” “อย่ามาดราม่านะเจ้าแซน จะนอนก็นอนเถอะ ใครไปว่าอะไรเราล่ะ”นางจำได้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนลูกชายคนโตฉุดมิ่งขวัญออกไปกลางดึกกลางดื่น ก่อนจะพากลับมาโยนเอาไว้ในตอนเช้าแล้วหายหัวเข้าไร่ไปเลย ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง จนนางส่งมิ่งขวัญไปเรียนต่อ นี่เป็นครั้งแรกที่อธิราชออกมาจากไร่ในสภาพเหมือนมหาโจรดีๆ นี่เอง “แล้วไป นึกว่าผมนอนบ้านนี้ไม่ได้อีกแล้ว จะได้ไปนอนใต้โคนกล้วยกับวัวในไร่” คนห่ามพูดประชด เลยได้รับสายตาค้อนควักของมารดากลับมา เขาเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ใกล้มารดา เธอหลบวูบเมื่อสบตากับเขา พอหันไปเจอกับสายตารู้ทันของน้องชาย เขาก็ทำหน้าเก๊กขรึมทันที “หนูมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน” “ค่ะคุณแม่” “ชมพู่มาช่วยคุณขวัญหิ้วของหน่อยจ้ะ” มณีรัตน์หันไปสั่งสาวใช้ แต่ชมพู่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ ของเจ้านายหนุ่ม “ผมก็กำลังจะขึ้นห้อง เดี๋ยวผมหิ้วให้เอง ยังไงก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”คนหน้ามึนตรงเข้ามาหิ้วสัมภาระของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะแอบอมยิ้ม แต่ไม่มีใครพูดอะไร อธิราชกระแอมเสียงดัง แล้วก็เดินตึงๆ ขึ้นบ้านในทันที “คุณแม่ครับ” อธิปไตยเรียกมารดา ในขณะที่มณีรัตน์นั่งยิ้มแป้นอย่าง มีความสุขอยู่ใกล้สามี “อะไรเจ้าโซ่” “คุณแม่ยิ้มกว้างเกินไปแล้วนะครับ แถมยังเจ้าเล่ห์อีกด้วย” “แกว่าแม่จะได้อุ้มหลานกี่คน” คนเอ่ยถามยังยิ้มไม่หุบ “ผมให้หนึ่งทีมฟุตบอลเลยครับ” “พูดดีถูกใจ เอาไปยี่สิบ” คนเป็นแม่ควักแบงก์ออกมาให้ เจ้าลูกชายตัวดีก็ยื่นมือมารับ ยกมือไหว้เสียดิบดี อธิวัฒน์ขำทั้งภรรยาและลูกคนเล็ก ช่างเข้าขากันดีจริงๆ เลย “จะไปไหน” เสียงเข้มที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้มิ่งขวัญชะงักหันไปมอง “หนูจะเข้าห้องค่ะ” “ห้องเธออยู่นี่” อธิราชบุ้ยใบ้ไปที่ห้องของเขา เธอหน้าแดงในทันที ก่อนจะส่ายหน้าดิก “อะไร” เขาทำเสียงรำคาญ มองเธอนิ่ง “หนูนอนห้องนี้ค่ะ นั่นห้องคุณ” เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดเสียงเข้มอย่างเผด็จการ “ไปเปิดประตูห้องให้ฉันด้วย เห็นไหมว่าฉันถือกระเป๋าอยู่ มือไม่ว่าง” “ค่ะ” เธอรีบกุลีกุจอไปเปิดประตูให้เขา แต่เดี๋ยวนะ!!! มิ่งขวัญเพิ่งคิดได้แล้วทำไมเธอต้องไปเปิดประตูห้องให้เขาด้วยล่ะ จริงๆ มันต้องไปเปิดประตูห้องของตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วให้เขาหิ้วกระเป๋าเข้าไปไว้ในห้องของเธอสิ ขณะที่กำลังมึนงง มิ่งขวัญก็โดนร่างสูงของอีกฝ่ายใช้ลำตัวดันเข้าไปภายในห้องเสียแล้ว เสียงประตูที่ปิดลงทำเอาเธอสะดุ้งหันขวับไปมอง เขากด ล็อกประตูแน่นหนา เธอถอยหนีไปจนชนกับเตียงอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะหงายหลังล้มตึงลงไปนอนหงายไม่เป็นท่า “ที่ไปนอนหงายนี่รอให้ไปกดเหรอ เสียใจด้วยนะ ขาอ่อนฉันน่ะ เธอก็จะไม่ได้เห็นง่ายๆ หรอก” เธอรีบดีดตัวลุกขึ้น ค้อนเขาเสียหนึ่งที ก่อนจะโดนดันแผ่นหลังให้เข้าไปในห้องน้ำด้านใน “คุณแซนจะทำอะไรคะ” “เวลาเธอเข้าห้องน้ำ เธอเข้าไปกินข้าวเหรอไง” เธออยากตบปากเขานัก ดูพูดเข้าแต่ละอย่าง “ผสมน้ำให้หน่อยจะนอนแช่ ขับรถไปรับเธอทั้งร้อนทั้งเหนียวตัว” “ค่ะ” เธอรับคำเพราะจะเดินหนีออกจากห้องน้ำก็ไม่ได้ เขายืนขวางอยู่เหมือนยักษ์หน้าประตูทางเข้าถ้ำ อธิราชมองร่างเล็กแต่แสนอวบอิ่มกำลังก้มๆ เงยๆ ผสมน้ำให้เขาอยู่ ก้นงอนๆ ทำเขาจินตนาการไปไกลแสนไกล พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ กระแอมกระไอเสียงดัง ข่มขวัญเมียตัวขาวเสียเลย “เสร็จแล้วค่ะ” “อือ...” เขาตอบรับแต่ไม่ได้ขยับไปไหน ยังยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำเหมือนเดิม “เมื่อก่อนดำกว่านี้ ไปทำอะไรมาเหรอถึงได้ตัวขาว” เขาถามขึ้นลอยๆ เธอเหลือบมองเขา ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้ไปฉีดผิวมาให้ขาวเหรอ” แน่ะ! เขายังรู้จักอะไรพวกนี้ด้วยนะ เห็นอธิปไตยเล่าว่าอยู่แต่ในไร่ “ทาโลชั่นก็ขาวแล้วค่ะ” “อ้อ...” เขารับคำเธอเหล่ตามอง ไม่ค่อยไว้ใจคนหน้ายักษ์หนวดรกเท่าใดนัก ไม่คิดว่าเขาจะสนใจผิวของเธอด้วย “เขาว่าคนขาวใจดำ” “คะ?” เขาพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่เธอพยายามหาทางหนีทีไล่ คนฟังใบหน้าเหลอหลา ไม่แน่ใจว่าเขาว่าเธอหรือเปล่า “คืนนี้นอนนี่ไหม” คนถามทำหน้าขรึมขณะเอ่ยชวน “ไม่ค่ะ” “ที่ฉันชวนเพราะเธอเป็นเมียหรอกนะ ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้นอนสักหน่อย แต่แม่อยากอุ้มหลาน เราต้องรีบปั๊มลูกกันตอนนี้เลย” “คะ?” คนขี้เก๊กพูดเป็นตุเป็นตะ อ๊าย... คนบ้าอะไรมาชวนปั๊มลูกตอนนี้ “จะไปไหน” เธอทำท่าจะมุดเข้าใต้รักแร้หนี เขาก็รั้งไหล่ทั้งสองของเธอเอาไว้ “ออกไปข้างนอกค่ะ คุณแซนจะได้อาบน้ำ” เขาฟังประโยคเรียกขาน ของเธอแล้วหงุดหงิดนัก กับน้องชายของเขา เธอเรียกพี่โซ่ได้เต็มปากเต็มคำ ทีกับเขาเรียกเสียห่างเหิน “กับนายโซ่สนิทกันมากหรือไง” “คะ?” เธองุนงง จู่ๆ เขาก็ถามถึงอธิปไตย “เอาแต่คะ นี่พูดคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือไง” “ก็สนิทค่ะ พี่โซ่ใจดี” เธอรีบตอบเพราะโดนประชด แอบค้อนเขาหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้หน่อยๆ “ต่อไปเธอต้องเรียกฉันว่าพี่นะ” “คะ?” เธอหลุดคำนี้ออกมา จึงรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง อธิราชก้มลงมาหา ตาจ้องตา ก่อนที่เธอจะหลบวูบ เขาเพิ่งพูด อยู่หยกๆ เธอก็ดันหลุดปากคำนั้นออกไปอีก “อย่าดีใจไปล่ะที่ฉันให้ความสนิทชิดเชื้อด้วย ฉันทำไปเพื่อให้แม่สบายใจหรอกนะ เพราะเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว เรียกพี่มันดีกว่าเรียกคุณ” เขาออกตัวไว้ก่อน เธอก็พยักหน้ารับรู้ ใจคิดค่อนขอดเขาอยู่หน่อยๆ จริงๆ เธอจะเรียกเขาว่าลุงยังได้เลย ตาลุงขี้บ่น!!! ตาลุงขี้เก๊ก!!! ตาลุงฟอร์มจัด!!! “กับนายโซ่น่ะ” เขายังพูดต่อ เดินไปที่อ่างล่างหน้าแต่มือหนาข้างหนึ่งลากเธอติดมือไปด้วย “บีบยาสีฟันให้หน่อย” เขาหาเรื่องใช้แรงงานผู้อ่อนวัยกว่า ก่อนเดินไปปิดประตูห้องน้ำ กดล็อกเสร็จสรรพจนคนในห้องน้ำถึงกับสะดุ้งสุดตัว “พี่โซ่ทำไมคะ” เธอเอ่ยถาม รีบบีบยาสีฟันให้เขาทันที มือหนาข้างหนึ่งยื่นมารับแปรงสีฟัน อีกข้างคว้าหมับเข้าที่แขนของเมียเด็กแล้วรีบหนีบเข้ากับรักแร้กันเธอหนี มิ่งขวัญมองตาปริบๆ ดึงแขนหนีแต่หนีไม่พ้น เขายิ่งหนีบแรงขึ้นไปอีกจนเธอต้องล่าถอย ยอมยืนนิ่งๆ มองเขาแปรงฟัน เธอคันไม้คันมืออยากโกนหนวดโกนเคราของเขานัก ตอนเขาไปรับเธอที่หอพัก น่าแปลก... ที่เขาจำเธอไม่ได้เลย แต่เธอดันจำเขาได้อย่างแม่นยำ แม้เขาจะหน้ารกไปด้วยหนวดเคราและคมเข้มขึ้นกว่า แต่ก่อนมาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม