| 2 - 2

1152 คำ
"ว่ายังไงนะ"                                                                 เสียงทุ้มที่ถามขึ้นสั้นๆ ทำให้ต้องมนตร์รู้สึกตัว เธอจะตอบคำถามเขาแบบไหนดี ที่สามารถเก็บซ่อนเรื่องของคุณโรสิตาได้ด้วย "คือ พักนี้อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนคลาสพิเศษตอนเช้าค่ะ เลย..."   ต้องมนตร์อึกอัก เบือนดวงตาสายมามองคนที่มองเธอด้วยรอยขันในแววตาทั้งสอง เธอเชื่อว่า ในนามของคนที่ดูแลเธอกลายๆ ตามเงื่อนไขทางกฎหมายนั้น เขาคงรู้ทุกอย่างในมหาวิทยาลัยเธอดีอยู่แล้ว เรื่องคลาสพิเศษนี่อีกก็เช่นกัน มันไม่มีอยู่จริงน่ะสิ ทรงโปรดเบือนหน้าหนีเพื่อกลั้นยิ้ม ต้องมนตร์ยังคงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารู้จัก ที่โกหกใครไม่เป็น ซึ่งตรงนี้สำหรับเขาถือว่าดีมาก ทำให้เธอพิเศษและแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น แล้วเขาก็กระแอมไอ เปลี่ยนเรื่องเองเสียเพราะทนมองคนที่กำลังจะสำลักคำโกหกคำโตของตัวเองไม่ได้  "ที่ฉันมาพบเธอที่บ้าน ไม่ใช่เรื่องข้าวต้มมัดหรอกนะ เธอไม่ต้องลนลานขนาดนี้หรอก"                                                "คะ!" ต้องมนตร์เผลอขึงดวงตาใส่อย่างเสียรู้ เขาคงรู้เรื่องข้าวต้มมัดแล้วล่ะ เธอไม่อยากจะไปพบเขาเอง แล้วจะมาหลอกถามให้เธอมัวแต่แต่งเรื่องโกหกขึ้นมาทำไม!                             เมื่อทรงโปรดพูดเข้าเรื่องหลัก ท่าทีเขาก็ดูจริงจังมากขึ้น "จะมาพูดเรื่องฝึกงานในฐานะนักศึกษาฝึกงาน เธอได้ที่ฝึกงานแล้วเหรอ" ต้องมนตร์สะดุดไปเมื่อเขาถามถึงเรื่องนี้ ความจริงเรื่องนี้เธอก็นอนคิดหลายคืน เพราะยังไม่กล้าจะตัดสินใจส่งจดหมายฝึกงานไปที่บริษัทใด ใช่ ตัวเลือกเธอที่มีอยู่ ทำให้เธอเกิดความรู้สึกซับซ้อนทางด้านอารมณ์... บริษัทของเขาเป็นบริษัทแรกที่เธอคิดถึง แต่ก็เขาอีกนั่นแหละ ที่ทำให้เธอยังลังเลไม่แน่ใจ  "ต้อง..." ทรงโปรดเรียกชื่อเล่นเธอ ซึ่งนานๆ เขาจะเรียก ส่วนมากจะใช้คำสรรพนามระหว่างกันว่า 'เธอ' และ 'ฉัน' มากกว่า   "คะ..." "ก็ที่บริษัทฉันรับนักศึกษาฝึกงาน เธอไม่คิดจะสนใจหรือ" เมื่อเห็นหญิงสาวยังเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิด ทรงโปรดเลยต้องรีบขายของ "ที่นั่นมีโปรเจกต์ดีๆ สำหรับนักศึกษาฝึกงานทุกปี เธอเรียนด้านนิเทศฯบริษัทนั่นก็เหมาะกับเด็กนิเทศฯอยู่แล้วนี่ หรือเธอจะอยากฝึกงานที่บริษัทอื่นมากกว่า"  แล้วจึงพูดไปกระทบอีกเรื่องหนึ่ง เขาหมายถึงชายหนุ่มคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยนั้น ซึ่งถือว่าเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเจ้าของบริษัทคู่แข่งอันดับต้นๆ กับบริษัทของเขานั่นเอง ผู้ชายคนนั้นตามเทียวไล้เทียวขื่อต้องมนตร์อย่างออกนอกหน้า จนผู้ปกครองกลายๆ คนนี้พลอยร้อนใจอยู่เงียบๆ  "เปล่าสักหน่อย" ดวงตาคู่ตรงหน้าที่มองเธอนิ่งอย่างจับผิด ทำให้ต้องมนตร์รีบปฏิเสธในแบบที่เธอก็ไม่รู้ตัวว่า ทำไมต้องเสียงดังขึ้น และสีหน้าจริงจังตาม "ไม่ใช่ค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน!"  ทรงโปรดกดรอยยิ้มที่มุมปากลง ต้องมนตร์หลบตาวูบ รอยยิ้มนี้ทำให้เกิดอาการแน่นๆ ในหัวใจแปลกๆ               "ขอเวลาคิดอีกคืนเถอะค่ะ"                                                                               "พรุ่งนี้ฉันจะรอฟัง...ข่าวก็แล้วกัน"                              ต้องมนตร์แค่เงียบไม่พูดอะไรอีก เวลานั้นย่าของเธอนั้นก็เดินออกจากห้องครัวมาพอดี จึงยุติบทสนทนากับเขาเพียงเท่านี้ ต้องมนตร์เลยขอหาเรื่องกลับขึ้นห้องไป แล้วก็ไม่ลงมาพบเขาอีก กระทั่งชายหนุ่มขอตัวกลับไปเอง                                                            ต้องมนตร์ดูร่างจดหมายฝึกงานในแล็ปท็อป พร้อมกับกำลังจะตัดสินใจว่า พิมพ์ชื่อบริษัทที่เธอจะระบุอย่างแน่ชัดว่าจะฝึกงานที่นั่น เวลานี้เองประตูห้องนอนของเธอถูกเคาะเบาๆ หญิงสาวหมุนเก้าอี้กลับไป ย่านั่นเองที่เดินมาหาด้วยรอยยิ้มละไม หญิงสาวจึงลุก แล้วจับมือแห้งเหี่ยวของย่าให้มานั่งเก้าอี้ตัวที่เธอนั่ง ส่วนตัวเองก็นั่งเกาะขาท่านอยู่บนพื้นแทน     เธอส่งสายตามองย่าแล้วถาม "ย่ามีอะไรรึเปล่าคะ"            "ต้องจะทำงานเหรอ ย่าจะได้ไม่กวน"                                "เปล่าค่ะ ต้องแค่จะพิมพ์จดหมายขอฝึกงานให้เรียบร้อย แล้วส่ง...แต่ไม่ได้มีอะไรมากหรอก"                                  หลานสาวพูดแบบนี้มาก็ดี ตนจะได้เข้าเรื่องโดยเร็ว "แล้วต้องตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกงานที่ไหน"                                       จนวินาทีนี้เธอก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จึงตอบท่านเสียงเครียดๆ "ยังเลยค่ะ"                                                             "บริษัทคุณโปรดไง" ผู้เป็นย่าตอบแล้วจ้องหลานสาวเขม็ง        " นี่...เขาให้ย่ามาพูดแทนเหรอคะ"                                     ผู้เป็นย่าส่ายหน้า แล้วตอบว่า "เปล่าหรอกเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ย่าอยากมาพูดกับต้องเพื่อให้ต้องฝึกงานที่บริษัทคุณโปรดดีกว่า" แล้วลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ ก่อนจะให้เหตุผลส่วนตัวของตนอีกว่า "ตอนนี้ชีวิตย่ามีหลานคนเดียวนะ ต้องคือคนที่ย่าจะฝากฝีฝากไข้ด้วย สำหรับย่า คุณโปรดก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งของต้อง โลกภายนอกบ้านหลังนี้ที่ย่าไม่รู้อะไร ไม่เข้าใจแล้วว่าคนสมัยนี้เขาคิดอะไร ทำอะไรกัน"                                               "แต่... อีกไม่กี่วันถ้าต้องเรียนจบ เงื่อนไขที่เขาดูแลเราสองคนก็จะจบไปด้วย ย่าไม่คิดว่า หลังจากนั้น เราสองคนจะต้องอยู่ให้ได้ โดยที่ไม่มีเขาเข้ามาในชีวิตอีกเหรอคะ"                                  "เด็กโง่!" ผู้เป็นย่ารีบเอ็ดหลานสาวด้วยความเอ็นดู "ความผูกพันมันตัดขาดกันได้ง่ายๆ เหรอ เขาคอยช่วยเรามาตลอดกี่ปีแล้ว แม้เขาจะทำเพราะเรื่องทางกฎหมาย แต่ย่าก็รู้สึกว่าเขาทำอยู่บนพื้นฐานความจริงใจ ต่อให้เงื่อนไขที่ต้องว่าจะจบ ทุกอย่างก็จะดำเนินต่อไป นี่ที่ย่าพูดไม่ได้หวังจะให้เขามาดูแลเราสองคนไปตลอดหรอกนะ ต้องอย่าเข้าใจย่าผิดล่ะ"                        ต้องมนตร์ดึงมือของย่าที่ลูบผมมากุม แล้วถามตรงๆ "สำหรับย่า ต้องการให้ต้องไปฝึกงานที่บริษัทคุณโปรดเหรอคะ อันนี้ต้องถามตรงๆ" ย่าของเธอพยักหน้า "ใช่"                                                 "เพราะ..."                                                                        "ก็อย่างที่บอกว่าภายโลกนอกย่าไม่รู้อะไรแล้ว ย่าแก่แล้ว ก็มีแต่คุณโปรดที่เป็นหูเป็นตาดูแลต้องแทนย่าได้ ...สำหรับคนแก่ปูนนี้ คนที่มีหลานคนเดียวหวังจะฝากผีฝากไข้ก็มีเหตุผลแค่นี้แหละ"                                                                                    ต้องมนตร์ถอนใจตัดสินใจได้ในวินาทีนั้นแล้ว ก่อนจะรับคำผู้เป็นย่าเรียบๆ "ค่ะ เพื่อความสบายใจของย่า ต้องจะส่งจดหมายฝึกงานไปที่บริษัทนั้นก็แล้วกัน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม