ภายในห้องทรงงานของ หมิงซ่งเหยียน พลันปรากฏร่างของชายสองคนนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง มือหนาวางพู่กันไว้บนแท่นก่อนจะปรายตามองทั้งสองคน
“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะ!”
“อย่าลีลา รีบว่ามา”
“เมื่อครู่ หวางเฟยจู่ๆ ก็ล้มพับไปนอนขดบนพื้นดีที่องค์ชายใหญ่อยู่ด้วยจึงช่วยเหลือไว้ทัน”
“ปลอดภัยหรือไม่” ดวงตาเหยี่ยวหรี่ลงข่มความร้อนใจไว้
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย หวางเฟยเพียงพักผ่อนน้อยเท่านั้นและ…”
“และอะไร”
“ยินดีกับท่านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ หวางเฟยทรงพระครรภ์แล้ว” คราวนี้หมิงซ่งเหยียนเด้งตัวยืนตบโต๊ะเสียงดัง ปัง!
“เอ่อ ท่านอ๋อง…”
“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด”
“ตำหนักองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม พวกเจ้าไปได้แล้ว” ว่าแล้วสะบัดชายเสื้อแล้วเดินลิ่วออกจากห้องทรงงาน ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นเหนือเวหาไปทางวังหลวง วันนี้เขาอุตส่าห์ใจดีไม่ไปแกล้งชายาบุรุษแล้วไฉนถึงได้เจ็บได้ปวดอีก แล้วไหนเลยจะข้ามเรื่องตั้งครรภ์ ก็ชายาของเขาเป็นบุรุษเพศจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร!?
“หวางเฟยไหวไหมเพคะ” เหมยลี่ประคองร่างที่อ่อนแรงขึ้นมา สีหน้าย่ำแย่ยิ่งทำให้นางเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ข้าไหว องค์ชายใหญ่ไปไหนแล้ว”
“เมื่อครู่องค์ชายใหญ่เดินออกไปจากตำหนักแล้วเพคะ”
พอได้ยินเช่นนั้น ในหัวโจวผินซียิ่งคิดไม่ตก เขาทำอะไรผิดนะเจ้าเด็กนั่นถึงได้เดินสะบัดตูดหนีไปแบบนี้
“หวางเฟย!”
“อะ! ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ” เหมยลี่รีบลุกขึ้นทำความเคารพก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง
หมิงซ่งเหยียนเดินเข้าไปหาอีกคนที่นอนขดอยู่บนเตียงใหญ่ เขารู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ที่ชายานอนบนเตียงของชายอื่น แม้ว่าเจ้าของเตียงนั้นจะอายุเพียงสิบเอ็ดก็เถอะ
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“อือ”
“ทำอะไรมาถึงได้ปวดท้องเช่นนั้น”
“ข้าโดนหลานเจ้ายัดข้าวยัดขนมจนแน่นท้องไปหมด” โจวผินซีเอ่ยเป็นกันเองเมื่อบ่าวสาวออกไป
หมิงซ่งเหยียนเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มล้อ
“เพราะตะกละนี่เอง แล้วเรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์เล่า”
“นี่เจ้า!”
“หึหึ เห็นทีคงต้องหาเด็กมาต้มพวกที่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
“เด็ก ต้ม” โจวผินซีขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะเข้าใจความหมาย และยิ้มออกมา
ข่าวเรื่องครรภ์ของโจวหวางเฟย พระชายาเอกในเหยียนอ๋องลือกันทั่ววังหลวง ทุกฝ่ายต่างจับจ้องกันเป็นตาเดียวเมื่อองค์ฮ่องเต้เรียกเหยียนอ๋องและพระชายาเอกเข้าเฝ้า
“ครรภ์ของเจ้าโตขึ้นมากกว่าเดือนที่แล้วมากเลย มาๆ เจิ้นขออวยพรให้” ฮ่องเต้กล่าวเสียงอ่อนโยน พลางกวักมือเรียกชายาเอกของน้องชายให้เข้ามาใกล้ๆ
“เจิ้นขอให้ทั้งเจ้าตัวน้อยและตัวมารดาแข็งแรง ปลอดภัย ขอให้เกิดมาอย่างมีความสุขและเฉลียวฉลาด เก่งกาจเหมือนอย่างบิดา ให้งดงามสง่าผ่าเผยเหมือนมารดา”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“อืม เหยียนอ๋อง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ดูแลใส่ใจชายาให้ดีๆ”
“เป็นหน้าที่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้น ฮ่องเต้ก็ประชุมเช้าต่อ โจวผินซีจึงต้องพาตัวเองพร้อมก้อนผ้าที่หน้าอกและท้องออกมาเดินเล่นรอกับพวกเหมยลี่
ตั้งแต่วันนั้นที่หมอหลวงบอกว่าเขาตั้งครรภ์ สวามีจอมเจ้าเล่ห์และมากกลอุบายก็วางแผนต้มคนทั้งวัง โดยการให้เขาแกล้งตั้งครรภ์และไปรับเด็กทารกกำพร้ามาแสร้งว่าเป็นบุตรที่คลอดออกมา
ถ้านับดูก็ผ่านมาราวๆ สองเดือนได้แล้ว หมอหลวงตรวจครั้งเมื่อวันก่อนบอกว่าครรภ์เขามีอายุประมาณสองเดือนเห็นจะได้
ตอนนี้เขาจึงครรภ์ได้สี่เดือนแล้วอีกสามเดือน เจ้าอ๋องนั่นว่าให้ทำเป็นคลอดก่อนกำหนดและแกล้งทำเป็นบุตรไม่แข็งแรงไปก่อน
ก็ถือว่าเป็นแผนที่เข้าท่า
“หวางเฟยเพคะ นั่นองค์ชายใหญ่” ฉางเอ๋อร์เอ่ยเสียงร่าเริงพร้อมมองไปทางศาลาริมสระบัว ที่เมื่อก่อนเขามักมาเป็นประจำ
“ถวายพระพรองค์ชายเพคะ” โจวผินซีย่อกาย ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย หากเป็นเมื่อสองเดือนก่อนเด็กตรงหน้าคงยิ้มแล้ววิ่งเข้ามาหาทันที แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม พอเห็นหน้าเขาทำเหมือนเห็นผี ทั้งยังทำท่าจะเดินหนีอีกต่างหาก
“องค์ชายใหญ่ตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนแล้ว พระองค์ไม่พอพระทัยอะไรหม่อมฉันหรือเพคะ”
องค์ชายมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ไม่ ไม่มีอะไร”
“องค์ชาย…”
“ข้าขอตัว”
“เดี๋ยวเพคะ!” องค์ชายชะงักตัวไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเร็วหนีไปอีกทาง ทิ้งให้สามคนนายบ่าวยืนงงกัน แม้กระทั่งตัวต้นเหตุอย่างโจวผินซียังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร