แขนแกร่งโอบเอวฉันไว้ ก่อนจะออกแรงยกตัวฉันให้ขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ ร่างฉันถูกกักขังด้วยสองแขนของเขา
ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉันมาก จนฉันต้องยกมือขึ้นมาดันไหล่เขาเอาไว้ทั้งสองข้าง
เขาไม่ถอยหนีเลยสักนิด และยังคงเอาแต่มองหน้าฉันอยู่แบบนั้น รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา ทำให้ฉันคลายความกลัวไปได้เล็กน้อย
"ร้องไห้ทำไม" เสียงทุ้มที่ฟังแล้วรื่นหู ความอ่อนโยนของเขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกไปแค่ประโยคคำถามที่ดูอบอุ่น สามารถลบล้างกับความน่ากลัวเมื่อสักครู่นี้ได้
"ก็นาย... นายดุ"
"ไม่ได้ดุ แค่หยอกเล่น" คนตรงหน้ายิ้มกว้างมากขึ้น จนดูว่าน่ารักผิดไปจากเดิม
"กะ ก็ฉันกลัว"
เขาเอาแต่ยิ้ม สักครู่ก็ปล่อยแขนตัวเองออกจากเคาน์เตอร์ แล้วค่อย ๆ เช็ดใบหน้าของฉันให้คราบน้ำตาหายไป
ผมเพ้าที่ไม่เรียบร้อย เขาก็เกลี่ยมาทัดใบหูให้ อยู่ใกล้กันในสถานที่แบบนี้ ฉันก็เกร็งเหมือนกัน
"ห้ามร้องไห้อีกนะ"
"ก็..."
"ถ้าเธอร้องไห้อีก ฉันจะใช้ริมฝีปากเช็ดหน้าเธอ" ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เขาก็พูดขึ้นมาอีก
ประโยคนี้ของเขาทำเอาหน้าฉันร้อนผ่าว หายใจแรงขึ้นมากกว่าทุกที ก้มหน้าลงพยักหน้าให้ ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติ สลัดทุกความรู้สึกออกไป
"ไปทำงานเถอะ" ฉันเอ่ยขึ้นมา แล้วลงจากเคาน์เตอร์อ่างมายืนที่พื้น
"ห้ามหนีกลับนะ อยู่ตรวจความสะอาดทุกชั้นก่อน"
ฉันพยักหน้าให้เขาเป็นคำตอบ แล้วจับลูกบิดประตูให้เปิดออก เดินนำหน้าคนโหดลงมาข้างล่าง พวกเพื่อนเขายืนรออยู่ ต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขายิ้มอะไรกัน
ฉันและพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมจะแยกกันกลับ
คนอื่น ๆ เดินไปที่รถเก๋งของตัวเอง บางคันก็ถูกขับออกไปแล้ว เหลืออยู่สองคันที่จอดอยู่ คันหนึ่งมีคนนั่งประจำที่คนขับแล้ว นั่นก็คือชลธี
จะมีก็แต่นายภณ ภาณุ ที่ไม่ยอมก้าวขาเดินต่อ ฉันไม่ได้สนใจเขา แล้วเลือกที่จะเดินไปที่รถจักรยานของตัวเอง
สองมือจับแฮนด์รถแล้วจูงเดินออกมาจากที่จอดทางด้านข้างของตึกศูนย์หนังสือ เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าตึก ก็ได้ยินเสียงใบไม้แห้งถูกเหยียบจึงหันไปมอง
"นาย นายจะตามฉันมาทำไม" ถามคนด้านหลังที่กำลังเร่งฝีเท้ามาเดินอีกข้างของจักรยาน
"ก็จะไปส่ง ไปส่งถึงห้อง" คำตอบและสีหน้าของเขาชวนให้คิดไปไกล ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ แต่ภาพเหตุการณ์วันนั้นก็ดึงสติฉันขึ้นมา
"ไม่ ฉันไม่ไปกับคนน่ากลัวอย่างนาย"
"อย่ากลัวฉัน แล้วเราเดินไปด้วยกันเถอะนะ"
ถึงคำพูดของเขาจะฟังดูแปลก ๆ อยากจะหันไปมองหน้าเขา แต่ก็เลือกที่จะไม่หัน
ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามจะก้าวขาเดิน แต่มันเดินไม่ออก เพราะคนข้าง ๆ ที่ตามมาด้วย เขาคือคนที่น่ากลัว
น่ากลัวมากสำหรับฉัน... ไม่รู้ว่าที่จะตามไปนี่ เพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่
เขาไม่พอใจเรื่องที่ฉันมาคุมพวกเขาทำความสะอาดหรือเปล่า ฉันเด็กกว่าเขาแต่มาทำหน้าที่คุมพวกเขา เขาอาจจะไม่ชอบ
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้น แล้วจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ หรือว่า... เขาจะมาจีบฉัน บ้า ๆ ฉันคิดอะไรเนี่ย คนแบบนั้นน่ะเหรอที่จะมาชอบคนแบบฉัน
"ไม่ก้าวขาอะ" เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าฉันแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
"คือ..."
"ท่าทางแปลก ๆ นะเราเนี่ย มีอะไรในใจเปล่า" ยิ่งเขาเค้นถาม ฉันก็ยิ่งพูดไม่ออกก้มหน้าลงมองที่พื้น ไม่กล้าสบตาเขา จนอีกฝ่ายยื่นมือมาจับข้อมือฉัน
"ขนมผิงงงง" เสียงแจ้ว ๆ ของเพื่อนรัก เหมือนสวรรค์เข้ามาโปรด เธอมาได้ถูกเวลามากเลยน้ำมนต์
"จะกลับยัง" น้ำมนต์รีบสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เธอมองข้อมือฉันแล้วถามขึ้นมา
"กำลังจะกลับ" สะบัดข้อมือตัวเอง เพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่การสะบัดนั้นทำให้จักรยานเซจนเกือบล้ม
และคนที่เข้ามาใหม่ก็ช่วยประคองไว้ให้ เขาคือชลธี เพื่อนของนายโหดนี่เอง
"แล้วพวกนี้คือ... ไม่กลับบ้านกันเหรอ"
"ไม่กลับอะ มีไรป้ะ"
น้ำมนต์มองภาณุ สลับกับชลธีแล้วถามขึ้นมา ก็โดนตอบกลับอย่างกวน ๆ จากชลธี
"นายกลับไปได้แล้ว ฉันอยากกลับ" มองหน้านายโหดแบบจริงจัง อยากให้เขายอมปล่อยให้ฉันไปได้สักที
"ถ้าอยากกลับก็บอกมาก่อนดิ ทำไมเธอดูแปลก ๆ เหมือนกลัวฉันตลอด" คนตรงหน้าก็ถามกลับมาแบบจริงจัง
"ก็นายน่ากลัวไง ฉันถึงได้กลัว"
"น่ากลัวตรงไหน ฉันออกจะเป็นคนดี" เขาพูดจบก็ยิ้มขำออกมา เหมือนกลับว่าที่พูดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ก็อย่างว่า คนดี ๆ ที่ไหน เขาจะเหวี่ยงคนอื่นแบบนั้น
"ฮ่า ๆ ใช่ ๆ เพื่อนพี่อะมันดีไม่ห่างเหินเลย ฮ่า ๆ"
"ไอ้เชี้ยชล" นายโหดเอื้อมไปตบหัวเพื่อนตัวเอง แต่เขาทั้งคู่ก็หัวเราะกันอยู่ดี
"ทุเรศ" น้ำมนต์พูดใส่หน้าชลธี แล้วจับแฮนด์จักรยานฉัน เพื่อที่จะพาฉันเดินออกไป
ดีไม่ห่างเหิน... มันคืออะไรอะ ทำไมพวกเขาถึงขำกัน และทำไมน้ำมนต์ถึงได้ว่าพวกเขา
"นี่ ๆ เธออะไปไหนก็ไปเลย อย่ามายุ่งกับเขา"
"นายนั่นแหละที่อย่ามายุ่ง นี่เพื่อนฉันนะ"
"ไอ้ภณมันก็เพื่อนฉันเหมือนกัน เธอจะไปดี ๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไป" ชลธียกมือขึ้นเท้าเอวแล้วหรี่ตามองน้ำมนต์
เพื่อนรักของฉันหน้าเหวอที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น เธอหันมามองหน้าฉันเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ
"เอาไง จะไปหรือจะให้อุ้ม ถ้าให้อุ้มนี่ไม่บอกนะว่าจะอุ้มไปส่งที่ไหน"
"เอ่อ น้ำมนต์กลับเถอะ ฉันอยู่ได้" เห็นสีหน้าน้ำมนต์แล้วก็สงสาร ที่ต้องโดนขู่แบบนั้น
"ไม่ต้องห่วงขนมผิง พี่ไม่ทำไรเพื่อนน้องหรอก" นายโหดบอกน้ำมนต์
"เอาไง ตกลงจะให้อุ้มป้ะ ตัวเล็ก ๆ นี่น่าจะอุ้มแตงได้สบายมาก" ชลธีถามอีกครั้ง
"อี๋ ทุเรศ ไอ้บ้า อุบาทว์ที่สุด!" น้ำมนต์ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคู่ปรับของตัวเอง อีกทั้งยังด่าออกมา
ฉันก็ได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร อุ้มแตง... ก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าด่าเลยนี่หน่า
"ฮ่า ๆ ไอ้ชล มึงก็นะ" คนข้างฉันหัวเราะร่วน
"ฮ่า ๆ กูไปละ พี่ไปก่อนนะขนมผิง" ชลธีบอกเพื่อนตัวเอง แล้วก็หันมาบอกฉัน
"ค่ะ"
เห็นชลธีไปที่รถตัวเองแล้ว ฉันก็จะจูงจักรยานต่อ แต่นายโหดมาแย่งไป อีกทั้งยังขึ้นนั่งอีกด้วย
"ซ้อนดิ เดี๋ยวปั่นไปส่ง" เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันไม่ตอบอะไรแล้วยอมขึ้นซ้อนไป ถ้าขืนไม่ยอมไปด้วย คืนนี้คงได้นอนหน้าศูนย์หนังสือนี่แน่ ๆ
ระหว่างทางเขาชวนคุยบ้าง แต่ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากเสียงรถราบนท้องถนนที่ดังเกินกว่าจะตะโกนคุยกันได้
"จอดตรงหอสีฟ้าข้างหน้านะคะ" เอ่ยปากบอกคนขี่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว
เขาพยักหน้าแล้วค่อย ๆ จอดให้ฉันลงตรงที่ที่ฉันบอก แล้วเขาก็จูงจักรยานเข้าไปใต้ตึก จอดไว้ตรงที่จอด ส่วนฉันก็เดินเข้าไปเอาโซ่ล็อกล้อไว้
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"
"นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว" เขายิ้มแล้วตอบกลับมา
จริง ๆ ฉันไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย เพราะเขามาเอง ฉันไม่ได้ขอเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ พูดไปตามมารยาทก็แล้วกัน
"ขอตัวนะคะ" หมุนตัวหันหลังให้ จะเดินขึ้นไปด้านบน แต่ก็โดนคนข้างหลังคว้าแขนเอาไว้