บทที่ 2 : 2/2

1444 คำ
แขนแกร่งโอบเอวฉันไว้ ก่อนจะออกแรงยกตัวฉันให้ขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ ร่างฉันถูกกักขังด้วยสองแขนของเขา ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉันมาก จนฉันต้องยกมือขึ้นมาดันไหล่เขาเอาไว้ทั้งสองข้าง เขาไม่ถอยหนีเลยสักนิด และยังคงเอาแต่มองหน้าฉันอยู่แบบนั้น รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา ทำให้ฉันคลายความกลัวไปได้เล็กน้อย "ร้องไห้ทำไม" เสียงทุ้มที่ฟังแล้วรื่นหู ความอ่อนโยนของเขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกไปแค่ประโยคคำถามที่ดูอบอุ่น สามารถลบล้างกับความน่ากลัวเมื่อสักครู่นี้ได้ "ก็นาย... นายดุ" "ไม่ได้ดุ แค่หยอกเล่น" คนตรงหน้ายิ้มกว้างมากขึ้น จนดูว่าน่ารักผิดไปจากเดิม "กะ ก็ฉันกลัว" เขาเอาแต่ยิ้ม สักครู่ก็ปล่อยแขนตัวเองออกจากเคาน์เตอร์ แล้วค่อย ๆ เช็ดใบหน้าของฉันให้คราบน้ำตาหายไป ผมเพ้าที่ไม่เรียบร้อย เขาก็เกลี่ยมาทัดใบหูให้ อยู่ใกล้กันในสถานที่แบบนี้ ฉันก็เกร็งเหมือนกัน "ห้ามร้องไห้อีกนะ" "ก็..." "ถ้าเธอร้องไห้อีก ฉันจะใช้ริมฝีปากเช็ดหน้าเธอ" ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เขาก็พูดขึ้นมาอีก ประโยคนี้ของเขาทำเอาหน้าฉันร้อนผ่าว หายใจแรงขึ้นมากกว่าทุกที ก้มหน้าลงพยักหน้าให้ ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติ สลัดทุกความรู้สึกออกไป "ไปทำงานเถอะ" ฉันเอ่ยขึ้นมา แล้วลงจากเคาน์เตอร์อ่างมายืนที่พื้น "ห้ามหนีกลับนะ อยู่ตรวจความสะอาดทุกชั้นก่อน" ฉันพยักหน้าให้เขาเป็นคำตอบ แล้วจับลูกบิดประตูให้เปิดออก เดินนำหน้าคนโหดลงมาข้างล่าง พวกเพื่อนเขายืนรออยู่ ต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขายิ้มอะไรกัน ฉันและพวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมจะแยกกันกลับ คนอื่น ๆ เดินไปที่รถเก๋งของตัวเอง บางคันก็ถูกขับออกไปแล้ว เหลืออยู่สองคันที่จอดอยู่ คันหนึ่งมีคนนั่งประจำที่คนขับแล้ว นั่นก็คือชลธี จะมีก็แต่นายภณ ภาณุ ที่ไม่ยอมก้าวขาเดินต่อ ฉันไม่ได้สนใจเขา แล้วเลือกที่จะเดินไปที่รถจักรยานของตัวเอง สองมือจับแฮนด์รถแล้วจูงเดินออกมาจากที่จอดทางด้านข้างของตึกศูนย์หนังสือ เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าตึก ก็ได้ยินเสียงใบไม้แห้งถูกเหยียบจึงหันไปมอง "นาย นายจะตามฉันมาทำไม" ถามคนด้านหลังที่กำลังเร่งฝีเท้ามาเดินอีกข้างของจักรยาน "ก็จะไปส่ง ไปส่งถึงห้อง" คำตอบและสีหน้าของเขาชวนให้คิดไปไกล ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ แต่ภาพเหตุการณ์วันนั้นก็ดึงสติฉันขึ้นมา "ไม่ ฉันไม่ไปกับคนน่ากลัวอย่างนาย" "อย่ากลัวฉัน แล้วเราเดินไปด้วยกันเถอะนะ" ถึงคำพูดของเขาจะฟังดูแปลก ๆ อยากจะหันไปมองหน้าเขา แต่ก็เลือกที่จะไม่หัน ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามจะก้าวขาเดิน แต่มันเดินไม่ออก เพราะคนข้าง ๆ ที่ตามมาด้วย เขาคือคนที่น่ากลัว น่ากลัวมากสำหรับฉัน... ไม่รู้ว่าที่จะตามไปนี่ เพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่ เขาไม่พอใจเรื่องที่ฉันมาคุมพวกเขาทำความสะอาดหรือเปล่า ฉันเด็กกว่าเขาแต่มาทำหน้าที่คุมพวกเขา เขาอาจจะไม่ชอบ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้น แล้วจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ หรือว่า... เขาจะมาจีบฉัน บ้า ๆ ฉันคิดอะไรเนี่ย คนแบบนั้นน่ะเหรอที่จะมาชอบคนแบบฉัน "ไม่ก้าวขาอะ" เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าฉันแล้วเอ่ยถามขึ้นมา "คือ..." "ท่าทางแปลก ๆ นะเราเนี่ย มีอะไรในใจเปล่า" ยิ่งเขาเค้นถาม ฉันก็ยิ่งพูดไม่ออกก้มหน้าลงมองที่พื้น ไม่กล้าสบตาเขา จนอีกฝ่ายยื่นมือมาจับข้อมือฉัน "ขนมผิงงงง" เสียงแจ้ว ๆ ของเพื่อนรัก เหมือนสวรรค์เข้ามาโปรด เธอมาได้ถูกเวลามากเลยน้ำมนต์ "จะกลับยัง" น้ำมนต์รีบสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เธอมองข้อมือฉันแล้วถามขึ้นมา "กำลังจะกลับ" สะบัดข้อมือตัวเอง เพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่การสะบัดนั้นทำให้จักรยานเซจนเกือบล้ม และคนที่เข้ามาใหม่ก็ช่วยประคองไว้ให้ เขาคือชลธี เพื่อนของนายโหดนี่เอง "แล้วพวกนี้คือ... ไม่กลับบ้านกันเหรอ" "ไม่กลับอะ มีไรป้ะ" น้ำมนต์มองภาณุ สลับกับชลธีแล้วถามขึ้นมา ก็โดนตอบกลับอย่างกวน ๆ จากชลธี "นายกลับไปได้แล้ว ฉันอยากกลับ" มองหน้านายโหดแบบจริงจัง อยากให้เขายอมปล่อยให้ฉันไปได้สักที "ถ้าอยากกลับก็บอกมาก่อนดิ ทำไมเธอดูแปลก ๆ เหมือนกลัวฉันตลอด" คนตรงหน้าก็ถามกลับมาแบบจริงจัง "ก็นายน่ากลัวไง ฉันถึงได้กลัว" "น่ากลัวตรงไหน ฉันออกจะเป็นคนดี" เขาพูดจบก็ยิ้มขำออกมา เหมือนกลับว่าที่พูดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ก็อย่างว่า คนดี ๆ ที่ไหน เขาจะเหวี่ยงคนอื่นแบบนั้น "ฮ่า ๆ ใช่ ๆ เพื่อนพี่อะมันดีไม่ห่างเหินเลย ฮ่า ๆ" "ไอ้เชี้ยชล" นายโหดเอื้อมไปตบหัวเพื่อนตัวเอง แต่เขาทั้งคู่ก็หัวเราะกันอยู่ดี "ทุเรศ" น้ำมนต์พูดใส่หน้าชลธี แล้วจับแฮนด์จักรยานฉัน เพื่อที่จะพาฉันเดินออกไป ดีไม่ห่างเหิน... มันคืออะไรอะ ทำไมพวกเขาถึงขำกัน และทำไมน้ำมนต์ถึงได้ว่าพวกเขา "นี่ ๆ เธออะไปไหนก็ไปเลย อย่ามายุ่งกับเขา" "นายนั่นแหละที่อย่ามายุ่ง นี่เพื่อนฉันนะ" "ไอ้ภณมันก็เพื่อนฉันเหมือนกัน เธอจะไปดี ๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไป" ชลธียกมือขึ้นเท้าเอวแล้วหรี่ตามองน้ำมนต์ เพื่อนรักของฉันหน้าเหวอที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น เธอหันมามองหน้าฉันเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ "เอาไง จะไปหรือจะให้อุ้ม ถ้าให้อุ้มนี่ไม่บอกนะว่าจะอุ้มไปส่งที่ไหน" "เอ่อ น้ำมนต์กลับเถอะ ฉันอยู่ได้" เห็นสีหน้าน้ำมนต์แล้วก็สงสาร ที่ต้องโดนขู่แบบนั้น "ไม่ต้องห่วงขนมผิง พี่ไม่ทำไรเพื่อนน้องหรอก" นายโหดบอกน้ำมนต์ "เอาไง ตกลงจะให้อุ้มป้ะ ตัวเล็ก ๆ นี่น่าจะอุ้มแตงได้สบายมาก" ชลธีถามอีกครั้ง "อี๋ ทุเรศ ไอ้บ้า อุบาทว์ที่สุด!" น้ำมนต์ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคู่ปรับของตัวเอง อีกทั้งยังด่าออกมา ฉันก็ได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร อุ้มแตง... ก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าด่าเลยนี่หน่า "ฮ่า ๆ ไอ้ชล มึงก็นะ" คนข้างฉันหัวเราะร่วน "ฮ่า ๆ กูไปละ พี่ไปก่อนนะขนมผิง" ชลธีบอกเพื่อนตัวเอง แล้วก็หันมาบอกฉัน "ค่ะ" เห็นชลธีไปที่รถตัวเองแล้ว ฉันก็จะจูงจักรยานต่อ แต่นายโหดมาแย่งไป อีกทั้งยังขึ้นนั่งอีกด้วย "ซ้อนดิ เดี๋ยวปั่นไปส่ง" เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ฉันไม่ตอบอะไรแล้วยอมขึ้นซ้อนไป ถ้าขืนไม่ยอมไปด้วย คืนนี้คงได้นอนหน้าศูนย์หนังสือนี่แน่ ๆ ระหว่างทางเขาชวนคุยบ้าง แต่ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากเสียงรถราบนท้องถนนที่ดังเกินกว่าจะตะโกนคุยกันได้ "จอดตรงหอสีฟ้าข้างหน้านะคะ" เอ่ยปากบอกคนขี่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว เขาพยักหน้าแล้วค่อย ๆ จอดให้ฉันลงตรงที่ที่ฉันบอก แล้วเขาก็จูงจักรยานเข้าไปใต้ตึก จอดไว้ตรงที่จอด ส่วนฉันก็เดินเข้าไปเอาโซ่ล็อกล้อไว้ "ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" "นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว" เขายิ้มแล้วตอบกลับมา จริง ๆ ฉันไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย เพราะเขามาเอง ฉันไม่ได้ขอเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ พูดไปตามมารยาทก็แล้วกัน "ขอตัวนะคะ" หมุนตัวหันหลังให้ จะเดินขึ้นไปด้านบน แต่ก็โดนคนข้างหลังคว้าแขนเอาไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม