ตอนที่ 1 พ่อเธอเด็ด

3596 คำ
ตอนที่ 1 พ่อเธอเด็ด “เอ้า ชนแก้ว” ค่ำคืนวันศุกร์ วันที่ได้ขึ้นชื่อว่าร้านเหล้าไม่เคยว่าง จากที่คนเยอะอยู่แล้วแต่วันนี้คนในร้านยิ่งเยอะเป็นพิเศษ เพราะพวกผมยกกันมาทั้งเอกเพื่อเลี้ยงฉลองการกลับมาเจอกันในรอบสองเดือนกว่า และเป็นการเลี้ยงฉลองล่วงหน้าเพราะว่าหมด คืนนี้เราก็ต้องแยกกันอีกเนื่องจากต้องกลับไปฝึกงานต่อให้จบ ผมนั่งมองเพื่อน ๆ ที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพราะนาน ๆ ได้กลับมาเจอกันที ตัวผมเองก็อยากจะสนุกกับเพื่อนอยู่หรอก แต่วันนี้อารมณ์ผมมันไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะวันนี้ที่กลับมามหา’ ลัยเพื่อสัมมนารายงานผลการฝึกงานรอบแรก ผมดันเจออะไรที่ทำให้หงุดหงิดเข้า ก่อนอื่นคงต้องแนะนำตัวกันสักนิด ผมบิ๊กครับ ปีนี้อายุยี่สิบสอง ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ ส่วนเหตุผลที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจในวันนี้เพราะผมดันบังเอิญเดินไปเจอแฟนล่าสุดที่เพิ่งเทผมไปหาน้องรหัสของผม นึกแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด ตอนคบกันมันหลอกให้ผมเปย์ไปตั้งเยอะ แต่ตอนนี้กลับทิ้งผมไปหาคนที่ผมสุดแสนจะรักและเอ็นดู แล้วที่น่าโมโหคือผมเพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่แค่การเทผมแล้วไปคบกัน แต่สองคนนั้นหักหลังผมมาตั้งนานแล้ว พูดเรื่องความรักแล้วก็เซ็ง ไอ้ที่เล่าไปไม่ใช่กรณีแรกที่ผมเจอหรอกครับ ผมมันเป็นคนไม่มีดวงเรื่องความรัก อกหักซ้ำๆ อยู่หลายครั้งจนเหนื่อยใจ รักแรกของผมคือพี่ชายข้างบ้าน เขาเป็นคนทำให้ผมรู้ตัวว่าชอบผู้ชาย สอนให้ผมรู้จักกับเซ็กซ์ครั้งแรกในชีวิต เข้ามาวาดความฝันให้เด็กมัธยมอย่างผมหลงเชื่อ แต่ความจริงเขาก็แค่หลอกเอาเด็กอย่างผมแล้วสุดท้ายก็ทิ้งผมไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น นับตั้งแต่ความรักครั้งแรกมาผมเลยเหมือนฝังใจ เวลาเจอผู้ชายที่หน้าตาคล้ายเขาก็มักจะตกหลุมรักทุกที ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าเสียใจเพราะเขาขนาดนั้น แต่พอเจอคนหน้าแบบนั้นทำไมต้องชอบตลอด รู้แค่ว่ามันห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ จนครั้งล่าสุดที่ผมเจอผู้ชายหน้าตาแบบนั้น เขาเป็นคนที่ย้ายมาอยู่ข้างห้องผมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่มันดันหน้าตาเหมือนพี่คนที่ไอ้รักแรกของผมมันทิ้งผม ไปคบด้วย ผมได้ยินทั้งสองคนเอากันตั้งแต่วันแรก แต่ทั้งคู่ก็ยังปากแข็งบอกเป็น เพื่อนกัน ความหมั่นไส้ ความอยากเอาชนะทำให้ผมทำเรื่องบ้า ๆ อย่างการพยายามแย่งผู้ชายคนนั้นมา แต่สุดท้ายผมก็แพ้แบบราบคาบเหมือนเดิม หลังจากจบเรื่องนั้นไปผมก็คิดได้ขึ้นมาว่าควรเลิกยึดติดกับไอ้ผู้ชายหน้าตาแบบนั้นสักที เลิกแค้น เลิกอยากเอาชนะ เลิกตกหลุมรักผู้ชายทุกคนที่หน้าตาแบบนั้นด้วย พอคิดได้ผมเลยเริ่มต้นใหม่กับแฟนคนล่าสุดของผม แล้วสุดท้าย ทุกอย่างมันก็จบแบบเดิมคือผมโดนหักหลัง ผมมันคงไม่มีดวงด้านความรักจริง ๆ นั่นแหละ “เป็นไรมึง ทำหน้าเซ็ง” ไอ้ต้น เพื่อนร่วมเอกที่นั่งข้าง ๆ ทักผมขึ้น “เรื่องหัวใจชัวร์” ไอ้บูมเสริม ไอ้พวกนี้มันรู้ดีครับ รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง มันรู้กันหมดว่าผมชอบผู้ชาย แล้วก็เคยเห็นแฟน หรือคนคุยเก่า ๆ ของผมครบหมด “กูเซ็ง วันนี้กูเจอไอ้บอสมา” ชื่อแฟนคนล่าสุดที่เอ่ยออกไปทำให้พวกมันสองคนมองหน้ากันแล้วก็เข้าใจโดยทันที “ยังตัดใจไม่ได้เหรอ” “เปล่า กูแค่เห็นแล้วหงุดหงิด ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะให้มันกลับมาสักนิด” ผมตอบไปตามความจริง ผมไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์คนพันธุ์นั้นหรอก มันก็แค่หงุดหงิด ยิ่งเห็นมันควงมากับน้องรหัสที่ผมเคยซื้อข้าวซื้อน้ำให้ตอนรับน้อง คอยบอกแนวข้อสอบ เอาชีทให้ตลอดสามปีที่ผ่านมาแล้วมันก็ยิ่งรู้สึกแย่ “เอาน่า อย่างมึงหาใหม่ได้ หน้าตามึงก็ธรรมดาที่ไหน อีกหน่อยก็มีคน เข้ามา เชื่อพวกกู” “จริง แต่รอบหน้าก็ดูดี ๆ แล้วกัน แล้วก็อย่าไปป่วนเขาเหมือนที่เคยทำกับข้างห้องด้วย” “เออรู้แล้วน่า สงสัยเวรกรรมของกูมั้ง แต่ส่วนเรื่องใครเข้ามานี่กูไม่ได้สนใจแล้วล่ะ” “ปลงกับความรักแล้วเหรอ” “เออ จะไม่มีแฟนก็ไม่มี ขอมีผัวก็พอ” ผมยืนยันเจตนารมณ์แบบชัดเจนมุ่งมั่นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไลน์ทันที ที่ผมบอกว่าผมไม่สนใจเรื่องจะมีแฟนแล้วคือเรื่องจริง ถ้าชีวิตผมมันจะ ไม่เจอผู้ชายที่รักผมจริงก็ไม่ต้องเจอ ตอนนี้ผมไม่ต้องการความรักแล้ว ตอนนี้สำหรับผมแค่ความสัมพันธ์ภายนอกก็พอ ตู้ดุง เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นตรงจังหวะกับที่ผมกำลังเล่นไลน์อยู่พอดี ตั้งแต่ เลิกกับไอ้บอสไป ผมก็เริ่มเข้าสู่วงการนัดเย จุดเริ่มต้นมันมาจากการที่ผมฟุ้งซ่านแล้วไปกินเหล้า แล้วอยากประชดชีวิตเลยไปอ่อยผู้ชายคนหนึ่งเข้า สรุปเราก็ไปจบกัน ที่เตียง พอวันต่อมาผมยังเศร้า ผมก็ทำเหมือนเดิมอีก จนไป ๆ มา ๆ ผมรู้สึกว่าแค่มีคนนอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ต้องมีความรักให้มันช้ำใจ รู้ตัวอีกทีผมก็ก้าวเข้าสู่วงการเสียว ๆ คืนเดียวจนได้เดือนกว่าแล้ว และคืนนี้ผมก็ว่าผมจะล่า ผมจัดการไลน์บอกไอ้น็อตเพื่อนที่เคยอยู่คณะเดียวกับผม แต่มันซิ่วไปตอนเรียนปีสองเทอมสองเลยทำให้ตอนนี้มันเป็นรุ่นน้องผมสองปี ผมไลน์บอกมันว่าคืนนี้คงไม่ได้ไปนอนห้องมันตามที่บอกไว้ ใจจริงผมว่ากลับมาสัมมนาที่มหา’ ลัยทั้งทีก็อยากจะพักหน่อย ไม่อยากจะกินคนในมหา’ ลัย แต่หน้าไอ้บอสที่เห็นก็ทำผมหงุดหงิดจนต้องหาที่ระบายแบบนี้ หลังจากไลน์บอกน็อตเสร็จ ขั้นตอนต่อไปของผมก็คือหาเหยื่อ ผมนั่งดื่ม นั่งคุยกับพวกเพื่อน ๆ ไปก็พยายามสอดส่องหาคนที่ถูกใจ เดี๋ยวนี้สเปกผมเปลี่ยนไปแล้ว อย่างที่บอกผมไม่ได้ชอบแนวหล่อสุขุมเหมือนไอ้รักแรกของผมแล้ว เดี๋ยวนี้ผมชอบผู้ชายตัวโต ๆ หุ่นฮอต ๆ ให้ฟีลผู้ใหญ่ ๆ หน่อย ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เวลามีเซ็กซ์กับใครผมชอบโดนอุ้ม แล้วกลายเป็นตัวเล็กตัวน้อยสำหรับเขา ผมนั่งสอดส่องหาคนที่ถูกใจอยู่นานก็ไม่เจอคนที่ถูกใจ จนตอนนี้เราย้ายจากร้านเหล้ามาที่ผับกันแล้วผมก็ยังไม่เจอคนถูกใจ นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่แม้ผมจะเดินสายวันไนต์สแตนด์มาเป็นเดือนแล้ว แต่จำนวนหนุ่ม ๆ ของผมก็ยังมีไม่ถึงสิบคน เพราะผมเรื่องมากครับ สามสี่วันเจอคนถูกใจที และดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะไม่เจอ คนถูกใจเลยแฮะ “เป็นไง เจอยังผัวคืนนี้ของมึง” ไอ้ต้นกับไอ้บูมที่คอยอยู่ดูสเตปการล่าเหยื่อของผมถามด้วยใบหน้าเอือม ๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา “งั้นก็กลับ” “เออ ๆ กลับก็กลับ” สุดท้ายผมก็หาหนุ่มถูกใจไม่ได้ เลยต้องกลับไปกับไอ้เพื่อนทั้งสองคนแล้ว ไปอาศัยนอนที่ห้องแฟนไอ้บูมแทน เพราะดันบอกไอ้น็อตไปแล้วว่าจะไม่กลับไป นอนด้วย ผมกับไอ้บูมกลับมาที่ห้อง เห็นบูมมันบอกว่าตอนนี้แฟนมันกำลังติวหนังสือให้แก๊งน้องรหัสแฟนมันอยู่ น่าจะเพิ่งเลิกแล้วก็กำลังเก็บของ ได้ยินแบบนี้แล้วก็เซ็งขึ้นมา ผมก็เคยมีโมเมนต์นั่งติวหนังสือให้น้องรหัสในวิชาที่มันไม่ถนัดแบบนี้เหมือนกัน สุดท้ายเป็นไงล่ะ โดนมันแย่งแฟน ก๊อก ก๊อก ก๊อก ตอนนี้ผมกับบูมยืนอยู่หน้าห้อง เคาะประตูไม่นานก็มีคนมาเปิด แต่ผมจำได้ว่าไม่ใช่แฟนไอ้บูม เราเดินตามน้องเข้าไปพบว่ามีคนอยู่ในห้องสามคน คนหนึ่งคือแฟนไอ้บูม คนหนึ่งคือน้องที่เปิดประตู และอีกคนหนึ่งที่กำลังเก็บของ ผมเดาว่าทั้งสองน่าจะเป็นรุ่นน้องของแฟนไอ้บูม ซึ่งแฟนไอ้บูมอยู่ปีสอง น้องพวกนี้ก็น่าจะเพิ่งปีหนึ่ง อันที่จริงเด็กพวกนี้ก็ไม่ได้น่าสนใจสำหรับผมเท่าไร ถ้าไม่ติดว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนในสเปกที่ผมกำลังตามหามาทั้งคืน ผู้ชายตัวโต หุ่นล่ำ ลุคดูโต ๆ แถมยังเป็นลูกครึ่งขนาดคงจุใจน่าดู นี่มันสเปกผมเลย “มากันแล้วเหรอ รุ่นน้องวิวกำลังเก็บของพอดีเลย” วิวแฟนของไอ้บูมบอก แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจฟังเท่าไรนัก เพราะตาผมมันกำลังโฟกัสอยู่กับหนุ่มหล่อที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าอยู่ น้องคนนั้นเก็บของไปจนเสร็จ ก่อนจะลุกขึ้นมาไหว้ทักทายไอ้บูม แล้วหันมาที่ผม จังหวะที่น้องมองมา ผมก็จัดการส่งสายตาให้น้องเต็มที่ ปกติผมจะชอบมองแบบให้อีกฝ่ายรู้ไปเลยว่ากำลังสนใจ แล้วค่อยรอดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายว่าความต้องการตรงกันรึเปล่า “พี่บูม พี่บิ๊ก อันนี้วาโย กับกรีน รุ่นน้องของวิวเอง เด็ก ๆ อันนี้พี่บูมแฟนพี่ แล้วก็พี่บิ๊ก สองคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คณะเรานี่แหละ แต่พวกเราอาจจะไม่เคยเห็นเพราะ พี่เขาไปฝึกงานกัน” ระหว่างที่บูม (ไม่แน่ใจว่าควรเป็น วิว ไหมคะ) พูดไป ผมกับน้องที่ชื่อวาโยก็มองกันอย่างเปิดเผย ดูแล้วน้องน่าจะไม่ธรรมดา ดูจากสายตาที่ใช้มองผมทั้ง ๆ ที่ผมเป็นรุ่นพี่ตั้งสามปี แต่น้องดูพร้อมจะกินผมเลย “แล้วนี่สองคนนอนที่ไหนกันเหรอ ดึกขนาดนี้แล้ว” ผมถาม ระหว่างที่พูดก็เน้นย้ำคำว่า ‘นอน’ แล้วมองวาโยอย่างสื่อความหมาย ผมไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ดูออกไหม แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะถ้าได้จริงแล้วผมไปกับวาโย คนที่เหลือก็ต้องรู้อยู่ดี “กรีนอยู่หอใกล้ ๆ นี่เอง ส่วนวาโยกลับไปนอนที่บ้าน” วิวเป็นคนตอบแทน ดูแล้ววิวน่าจะไม่ได้สงสัยอะไร แต่ไอ้บูมน่าจะรู้แล้ว เพราะมันทำหน้าเอือมใส่ผมอยู่ “อ่อ” “งั้นเดี๋ยววิวลงไปส่งน้องข้างล่างนะ จะได้ไปแตะคีย์การ์ดให้น้อง” “ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวพี่กับไอ้บิ๊กไปดีกว่า วิวจะได้จัดการที่นอนรอ” พอไอ้บูมมันรู้เจตนาผมแล้วมันก็เลยช่วยโดยการอาสาลงไปเปิดประตูให้น้องแทน ซึ่งก็ได้ผล ระหว่างที่เราสี่คนเดินไปขึ้นลิฟต์แล้วลงจากหอก็ไม่มีใครพูดอะไรมาก มีแต่ไอ้บูมที่กระซิบถามผมว่าเอาจริงเหรอ น้องในคณะนะ ซึ่งผมก็แอบคิดหนักอยู่ เพราะไม่อยากได้น้องในคณะเท่าไร แต่พอหันไปสบตากับวาโย แววตาร้อนแรงที่มองมาก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ทันที น้องก็น้องดิวะ บูมจัดการแตะคีย์การ์ดให้ ไอ้บูมเดินไปส่งน้องกรีนที่รถมอเตอร์ไซค์ของน้อง ส่วนผมก็อาสาเดินไปส่งวาโยที่รถ “บ้านอยู่ไกลรึเปล่า” ระหว่างที่เดินไปผมก็ถามขึ้น วาโยดูร้อนแรงจริง ๆ แต่เจ้าตัวก็ค่อนข้างพูดน้อย ตั้งแต่ที่เจอกันผมยังไม่ได้ยินน้องพูดเลยสักคำ “ก็ไกล แต่ไม่มาก” “ไกลแบบนี้ขับรถกลับคนเดียวไม่เหงาเหรอ” ตอนนี้เราสองคนเดินมาถึงรถแล้ว แต่วาโยยังไม่ได้ปลดล็อกรถ พอผมถามน้องมันก็ดันผมให้ถอยหลังพิงไปกับรถ แล้วมันก็ขยับตัวมาคร่อมทับร่างผมไว้ รุกไวแฮะ “ถ้าเหงาพี่จะนั่งรถกลับเป็นเพื่อนผมไหมล่ะ” “ถ้าพี่นั่งไปกับเธอ แล้วตอนกลับมาพี่จะกลับมายังไงล่ะ” ผมถามเสียงอ่อย ระหว่างถามมือก็วางลงบนแผงอกของวาโย น้องมันไม่ได้แค่ดูเหมือนแน่น แต่มันแน่นจริง ๆ แฮะ รุ่นน้องคนนี้ดูแล้วน่าจะงานดีกว่าหนุ่ม ๆ ที่ผมเคยนอนด้วยหลายคน เลยละ “ถ้ากลับไม่ได้ พี่จะนอนที่บ้านผมก็ได้นะ” พอผมวางมือลงบนกล้ามอกน้อง น้องก็วางมือลงบนเอวผมบ้าง แต่น้องมันไม่ได้วางเฉย ๆ แบบผมหรอกนะ วาโย ลูบเอวผมเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อผมแล้วสัมผัสกับเอวผมตรง ๆ “แล้วบ้านเธอมีห้องเหลือให้พี่นอนเหรอ” “ห้องไม่มี สงสัยพี่ต้องนอนในห้องผม” ผมลูบมือลงมาที่หน้าท้องของวาโย แล้วมาหยุดอยู่ที่หัวเข็มขัด ส่วนวาโยเองก็เริ่มสอดมือเข้าไปในกางเกงผม มือหนาของน้องสัมผัสกับก้นของผมเต็ม ๆ “ให้พี่นอนพื้นเหรอ” “พี่จะนอนบนเตียงผมก็ได้” ผมยิ้มกับคำตอบของวาโย มือผมดึงเข็มขัดน้องให้น้องขยับตัวมาชิดผม ร่างกายของเราสัมผัสกันทุกสัดส่วน จังหวะนั้นนิ้วของวาโย ก็เริ่มสอดเข้าไปในร่องก้นผม “งั้นถ้าพี่ขอนอนบนตัวเธอล่ะ ได้ไหม” สิ้นสุดคำพูดของผม วาโยก็จัดการเปิดรถแล้วยัดผมเข้ารถไป จากนั้นน้อง ก็รีบขับรถกลับมาที่บ้านทันที ระหว่างที่น้องขับรถผมก็ช่วยโยกเกียร์น้องไปด้วย เตรียมพร้อมครับ ถึงบ้านจะได้ใส่เลย พอกลับมาถึงบ้าน ผมกับวาโยก็ได้จัดเต็มกันจริง ๆ วาโยไม่ใช่แค่หุ่นดี แต่น้องทำเก่งมาก ๆ ผมเสียวจนแทบขาดใจ น้องใส่เต็มมาผมก็ใส่เต็มกลับ รู้ตัวอีกทีเราก็ทำกันจนถึงเช้าเราถึงได้นอน ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีช่วงสาย ๆ เหตุผลที่ผมตื่นเร็วเพราะตอนนี้เจ็บคอมาก ๆ เลย “อื้อ” ผมครางเบา ๆ เพราะความเจ็บ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ผมก็เจ็บเพราะเมื่อคืนทำกันหนัก แถมขนาดของวาโยก็ไม่ได้ธรรมดาเลยเถอะ ผมลุกขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะหันไปมองวาโย น้องยังนอนหลับสบายอยู่ ตอนนี้ผมจัดอันดับน้องให้เป็นคู่นอนอันดับหนึ่งของผมเลยละ เมื่อพบว่าวาโยยังไม่ตื่น ผมก็ค่อย ๆ เดินลงไปชั้นล่างของบ้านน้องด้วยตัวเอง ก่อนจะนอนวาโยบอกผมไว้ว่าถ้าผมตื่นแล้วให้ลงมาหาอะไรกินข้างล่างได้ เพราะน้องค่อนข้างขี้เซามาก แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้หิวอะไรเท่าไรหรอก แค่อยากกินน้ำเพราะใช้เสียงเยอะ คอแห้งไปหมดแล้ว ผมจับราวบันไดแล้วค่อย ๆ เดินลงข้างล่างช้า ๆ ครัวของวาโยอยู่ด้านซ้ายของบันได พอไปถึงที่หมายผมก็รินน้ำกินแล้วนั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวอีกสักพักผมจะลองปลุกวาโยดู แต่ถ้าน้องไม่ตื่นผมคงกลับเลย เพราะเดี๋ยววันจันทร์ก็ต้องกลับไปฝึกงานต่ออีก ตึก ตึก ตึก ระหว่างที่ผมกำลังนั่งพักอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงเท้าเดินลงจากบันได ในใจ ตอนนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นวาโยแหละมั้ง พอเสียงเท้ามาหยุดอยู่ที่หน้าครัว ผมกำลังจะเอ่ยทักทายสามีหมาด ๆ ของผม แต่พอหันไปก็พบว่าคนที่ลงมาไม่ใช่วาโย “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้มาใหม่โดยอัตโนมัติแล้วรีบลุกขึ้นยืน ผมไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่ถ้าอยู่ในบ้านแบบนี้ก็คงจะเป็นพี่ น้า หรืออาจจะญาติวาโยแน่ ๆ “อื้ม ตามสบายเถอะ” คนตรงหน้าบอกผม ได้ยินแบบนั้นผมจึงยิ้มขอบคุณแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใหม่ คราวนี้ผมถึงได้มีเวลาพิจารณาคนตรงหน้าชัด ๆ คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้ชายหน้าตาดี ตัวสูงใหญ่ หุ่นแน่น ดูแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่ง ใบหน้าของคนตรงหน้ามีความคล้ายวาโย แต่ดูโตกว่า ดูสุขุมกว่า และดูฮอตกว่าวาโยมาก ๆ ถามว่าดูฮอตขนาดไหนน่ะเหรอ ก็แค่มองหน้าเขา ตอนนี้ใจผมมันก็เต้นรัวไปหมดแล้ว “ผมบิ๊กนะครับ เป็นเพื่อนวาโย” ผมเอ่ยแนะนำตัวออกไปเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปทางอื่น ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนมนตร์สะกดอะไรสักอย่าง ผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้เลย ถูกใจ ถูกใจมาก ๆ ถูกใจกว่าตอนเจอวาโย หรือตอนเจอแฟนคนเก่า ๆ ซะอีก “อื้ม” “แล้วคุณอาเป็น?” พอเจอคนถูกใจ สัญชาตญาณความแรดมันก็เข้าสิงผมทันที ผมมองคนตรงหน้าอย่างสื่อความหมาย พูดช้าขึ้น น้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่ได้เข้มเหมือนเดิม “พ่อวาโย” เขาตอบผมเสียงเรียบแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก คำว่า ‘พ่อวาโย’ เมื่อกี้เล่นเอาผมเสียววูบวาบในช่องท้องไปหมด ผมไม่ได้กลัวกับสถานะพ่อของเขาหรอกนะ เพราะผมไม่ได้อะไรกับวาโยอยู่แล้ว หมดคืนนี้ ไปทุกอย่างก็จบ แต่ที่ผมตื่นเต้นขนาดนี้เพราะเสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินมากกว่า ทำไมเสียงเพราะจัง ถ้าเรียกชื่อผมตอนทำเรื่องอย่างว่าคงเสียวน่าดู พอนึกได้แบบนั้นผมก็รีบส่ายหน้าไปมากับความคิดของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำกับวาโยมาทั้งคืน แต่พอตื่นมาเจอพ่อวาโยที่โคตรจะฮอตแล้วร่างกายผมมันก็เริ่มร้อนวูบวาบขึ้นมาอีก คุณพ่อของวาโยนอกจากมีภายนอกที่ดูดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือท่าทางของเขา ท่าทางที่ดูไม่สนใจผมเลยสักนิด ถึงผมจะชอบอะไรที่จัดเจน ดีลง่ายแบบวาโยมาก ๆ แต่พอเจอความนิ่ง แบบนี้ไป ใจมันก็แอบสั่นเหมือนกัน ผมรีบเก็บแก้วน้ำให้วาโยแล้วรีบเดินตามคุณพ่อของวาโยไปที่ห้องรับแขก ถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามคุณพ่อของวาโย นาทีนี้ผมไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทที่เด็กควรมีกับผู้ใหญ่เท่าไร เพราะผมไม่ได้ตามมาในฐานะเด็กที่เป็นเพื่อนลูก ผมตามคุณพ่อวาโยมาในฐานะคนที่อยากเป็นเมียเขานี่ “โยยังไม่ตื่นเหรอ” คุณพ่อของวาโยถาม ระหว่างที่ถามตาของเขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่จอทีวีที่กำลังรายงานข่าวในตอนเช้าอยู่ “ครับ สงสัยโยจะเพลีย” คำตอบของผมทำเอาคุณพ่อวาโยหันกลับมามองที่ผม ผมเลยใช้โอกาสนั้นขยับขาเรียวแล้วนั่งไขว่ห้าง ตอนนี้ผมใส่กางเกงขาสั้น และ ท่านี้คงทำให้มันเห็นไปถึงไหนต่อไหนแต่ผมไม่ได้สนใจ เพราะผมเองก็อยากให้คนตรงหน้าได้เห็นอยู่แล้ว “วาโยเพลียเหรอ” คุณพ่อวาโยถามแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ ตาเขายังคงมองมาที่ผมอยู่ “ครับ” “แล้วเธอไม่เพลียเหรอ เพิ่งได้นอนเองนี่” คุณพ่อวาโยถาม ดวงตาคมจ้องมองที่ผมตอนพูดว่าผมเพิ่งได้นอน ได้ยินแบบนั้นผมก็เผลอทำหน้าเหวอนิดหน่อย ไม่คิดว่าคุณพ่อของวาโยจะรู้ “คุณอารู้ได้ยังไงครับ ว่าบิ๊กเพิ่งนอน” “ก็เสียงเธอเพิ่งเงียบไปตอนเช้า ถูกรึเปล่า” คุณพ่อวาโยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แล้วหันกลับไปสนใจข่าวต่อ คราวนี้ผมถึงกับหน้าเหวอจริง นี่คือคุณพ่อวาโยรู้เหรอว่าผมไม่ใช่เพื่อนธรรมดาของวาโย หรือวาโยจะหิ้วคนมานอนด้วยเป็นปกติงั้นเหรอ บ้าเอ๊ย แล้วรู้ว่าห้องไม่เก็บเสียง ทำไมวาโยทำผมแรงขนาดนั้นเนี่ย แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมภาวนาอย่างเดียวว่าอย่าให้คุณพ่อของวาโยมองผมเป็นของของลูกแล้วจัดผมอยู่ในหมวดที่ห้ามยุ่งก็พอ เพราะพูดกันตรง ๆ ตอนนี้ผมอยากได้พ่อของวาโยไม่ไหวแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม