หลังจากวันนัดฟิตติ้งเสื้อผ้า จนมาถึงวันที่นัดถ่ายแบบปกนิตยสาร ทุกฝ่ายก็เตรียมงานเตรียมสถานที่ไว้สำหรับการถ่ายแบบ
“เป็นยังไงบ้างคุณปิ่น งานเรียบร้อยไหม..”
“ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะบอส รอแค่นายแบบกับนางแบบ”
“ผมฝากคุณด้วยก็แล้วกัน ผมไม่อยากมาดู..ถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปรายงานผมที่ห้อง”
“ได้ค่ะบอส..” ปิ่นกมลรับคำอย่างงุนงง เพราะปกติเจ้านายของเธอจะคุมงานเองทุกขั้นตอนไม่เคยคลาดสายตาเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
ไม่นานมัสยาก็เดินทางมาถึงสตูดิโอของสำนักพิมพ์
“สวัสดีค่ะพี่ปิ่น” มัสยาไหว้ทักทายบก.สาวอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะน้องเมย่า มาก่อนเวลาเหมือนเดิมอีกแล้วนะคะ เชิญเข้าไปแต่งหน้าแต่งตัวทำผมห้องนี้ได้เลยค่ะ” ปิ่นกมลเดินนำมัสยาเข้ามาในห้องแต่งตัว ระหว่างที่บรรณาธิการสาวรอนายแบบอีกคน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ..อะไรนะคะ!..ค่ะๆ ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้น้องแอนดริวหายไวไวนะคะ”
เมื่อผู้จัดการของนายแบบหนุ่มโทรเข้ามาแจ้งว่าแอนดริวเกิดประสบอุบัติเหตุไม่สามารถมาถ่ายแบบในวันนี้ได้ ปิ่นกมลจึงรีบไปบอกทศวินหรือพี่บิ๊กช่างภาพประจำสำนักพิมพ์ให้รับรู้ และปรึกษาหารือหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่บิ๊ก..”
“ปิ่นลองเลือกนายแบบคนใหม่และโทรติดต่อดูก่อนละกันว่าวันนี้มีใครคิวว่างหรือเปล่า”
“ได้ค่ะพี่บิ๊ก”
“และอย่าลืมถามไปทางสปอนเซอร์ก่อนด้วย!”
“ค่ะ” ปิ่นกมลเดินไปจัดการอย่างที่ทศวินแนะนำ ไม่นานนักเธอก็เดินหน้าเซ็งกลับมา
“แย่เลยพี่บิ๊ก เราจะทำยังไงกันดี ไม่มีนายแบบคนไหนว่างเลย คนที่ว่างก็ไม่หล่อไม่เด่นไม่ถูกใจสปอนเซอร์ เฮ้อ! วันซวยอะไรของนังปิ่นเนี่ย หรือเราจะยกเลิกงานเลื่อนเวลาออกไปก่อนดีคะ น้องเมย่าก็มาแต่งตัวรอนานแล้วด้วย..รายนั้นก็ยิ่งหาคิวยากซะด้วย” บรรณาธิการสาวบ่นร่ายยาว ทศวินยืนครุ่นคิด
“เอาอย่างนี้ดีมั้ย..พี่ขอแนะนำนะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาทุกฝ่าย..ดูจากหุ่นและเสื้อผ้าแล้ว..” ทศวินหันไปมองรินณภัทรที่เดินผ่านหน้าสตูดิโอไปและหันมองชุดสลับกัน
“พี่คิดว่า..คุณฟิคเหมาะสมที่สุด! ไม่ต้องหานายแบบคนอื่นเลย ทั้งรูปร่างหน้าตาส่วนสูง เพอร์เฟคเหมาะสมลงตัวกับน้องเมย่านางแบบฉบับนี้ของเราเป๊ะ! ปิ่น..เธอคิดว่ายังไง” ช่างภาพถามความคิดเห็นจากบรรณาธิการสาว
“เอ่อ..จะดีเหรอคะพี่บิ๊ก ปิ่นว่าพี่ไปถามบอสก่อนดีกว่านะ” ปิ่นกมลรู้ดีว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบและค่อนข้างจะอคติกับงานแบบนี้..
“เดี๋ยวพี่จะเซ็ทฉากรอ เธอนั่นแหละปิ่น ว่างอยู่ก็ไปถามให้พี่หน่อยละกัน”
“ห๊า! งานเข้านังปิ่นอีกแล้ววว..” ปิ่นกมลเดินบ่นพึมพำจนมาถึงหน้าห้องเจ้านาย เธอก็เคาะประตูและเปิดเข้าไป..
“บอสคะ เอ่อ..คือ..คือว่า..”
“มีอะไรคุณปิ่น..อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่น!”
“คือว่า..คุณแอนดริว นายแบบที่จะมาถ่ายแบบลงปกให้เรา ประสบอุบัติเหตุตกบันไดแขนหักจนต้องเข้าเฝือกน่ะค่ะ”
“คุณก็ติดต่อหานายแบบคนอื่นมาถ่ายแทนสิ มาบอกผมทำไม”
“ปิ่นทำแล้วค่ะบอส แต่หาคนที่เหมาะสมคู่กับคุณมัสยาไม่ได้เลย..”
“แล้วยังไง?”
“คือว่า..พี่บิ๊กให้มาบอกบอสว่า..”
“ว่าอะไร?” รินณภัทรขมวดคิ้วสงสัย
“พี่บิ๊กจะให้บอสเป็นนายแบบในฉบับนี้แทนคุณแอนดริวค่ะ”
“ปัง! ไม่!” รินณภัทรปฏิเสธพร้อมกับยืนขึ้นเอามือทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง!
”อย่าค่ะๆ บอสอย่าทำอะไรปิ่นเลยนะคะ ปิ่นไม่ได้เป็นคนต้นคิด พี่บิ๊กโน่นเลยค่ะ” ปิ่นกมลก้มหน้างุด พูดลนลานออกมาด้วยความกลัว
“คุณปิ่น!”
“คะๆ”
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ คุณจะกลัวทำไม”
“ก็..ก็..”
“ไหน..พี่บิ๊กบอกคุณว่ายังไง บอกมาให้ผมฟังอย่างละเอียด” รินณภัทรค่อนข้างจะเกรงใจพี่บิ๊กเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เขาเคารพและช่วยงานป๊าของเขามานานรวมทั้งบุกเบิกนิตยสารมากับเขาตั้งแต่เล่มปฐมฤทธิ์
“เอ่อ..พี่บิ๊กเห็นว่า..ไม่มีนายแบบคนไหนเหมาะสมและถูกใจสปอนเซอร์เท่ากับบอสแล้วค่ะ” บรรณาธิการสาวชี้แจงให้เจ้านายหนุ่มฟัง
“เฮ้อ! ทำไมเขายิ่งเกลียดถึงยิ่งเจอนะ!” รินณภัทรพึมพำออกมาเบาๆ
“บอสว่าอะไรนะคะ”
“เปล่า!..คุณกลับไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ค่ะบอส” ปิ่นกมลรีบลุกขึ้นเดินไปยังประตู
“เดี๋ยว! คุณปิ่น..”
“คะ?”
“คุณบอกพี่บิ๊กด้วยว่าเดี๋ยวผมจะตามออกไป..” รินณภัทรตัดสินใจเอ่ยออกมา ปิ่นกมลอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินแล้วรีบเปิดประตูออกไปบอกข่าวดีกับทศวิน
รินณภัทรนั่งถอนหายใจอย่างทำใจก่อนจะพิงพนักเก้าอี้แล้วเงยหน้าสูดอาการเข้าปอด ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยังสตูดิโอของสำนักพิมพ์
มัสยานั่งรอแอนดริวนายแบบหนุ่มครู่ใหญ่ก็สงสัยจนกระทั่งปิ่นกมลเข้ามาบอกกับเธอว่าแอนดริวไม่สามารถมาถ่ายแบบครั้งนี้ได้ แต่จะมีนายแบบคนใหม่ป้ายแดงมาถ่ายแบบแทน
“น้องเมย่ารอสักครู่นะคะ” ปิ่นกมลมีท่าทีตื่นเต้นผิดปกติ
“ค่ะ พี่ปิ่น..”
ครู่เดียวรินณภัทรก็เดินเข้ามาในสตูดิโอส่วนที่เซ็ทไว้สำหรับการถ่ายปกและถ่ายแบบลงในนิตยสาร...
“นายแบบของเรามาแล้วค่ะ..” บรรณาธิการสาวเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น มัสยาหันไปมองตามสายตาของปิ่นกมลก็ต้องแปลกใจ
(“เขาน่ะหรือจะมาถ่ายแบบกับเธอ!”) นางแบบสาวมองแล้วคิดอย่างไม่แน่ใจ
“น้องเมย่าคะ..นี่บอส..คุณรินณภัทรจะมาเป็นนายแบบจำเป็นคู่กับน้องเมย่าแทนคุณแอนดริวค่ะ”
“สวัสดีค่ะ..”
“สวัสดีครับ”
ทั้งคู่เอ่ยทักทายกันพอเป็นพิธี แต่ภายในใจยังคงคิดติดใจสงสัยบางอย่าง
“ทุกคนพร้อมแล้วนะครับ.. เพื่อไม่ให้เสียเวลา ระหว่างรอคุณฟิคเปลี่ยนชุดเซ็ทผม พี่จะขอเก็บภาพเดี่ยวของน้องเมย่ากันก่อน”
“ครับ | ค่ะ”
เมื่อทศวินถ่ายภาพเก็บภาพเดี่ยวของมัสยาได้ภาพจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาก็สั่งให้ทีมงานพามัสยาไปเปลี่ยนชุดเพื่อถ่ายภาพเซ็ทถัดไป รินณภัทรที่เซ็ทหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มเดินเข้ามายืนรอข้างๆทศวินที่กำลังเช็กภาพในกล้องถ่ายรูป
“สวยมั้ยครับคุณฟิค” ทศวินเอ่ยถามรินณภัทรที่ยืนจ้องมองภาพในจอมอนิเตอร์แสดงภาพตัวอย่างในคอมพิวเตอร์อย่างไม่กะพริบตา
“ครับ..ก็ดูสวยดี(แต่โป๊มากเกินไปหน่อย)” ตอนท้ายนั้นเขาเพียงแค่คิดและตอบไปในใจ
รินณภัทรกับทศวินยืนมองภาพอยู่เพลินๆก็ได้ยินเสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้น
“พี่บิ๊กคะ เมย่าพร้อมแล้วค่ะ..” รินณภัทรกับช่างภาพหนุ่มใหญ่ก็หันไปมองตามเสียงใสๆ ของนางแบบสาวพร้อมกัน
“น้องเมย่าสวยมาก..” ทศวินเอ่ยชมออกมาตรง ๆ
รินณภัทรยืนมองอย่างตะลึงกับภาพตรงหน้า แม้หน้าของเขาจะขรึมๆนิ่งเฉย แต่สายตากลับมองสำรวจร่างงามตรงหน้าอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงคนนี้ใบหน้ามีเสน่ห์สวยเนียนเป็นธรรมชาติ หุ่นดีไร้ที่ติ แต่ละสัดส่วนโค้งเว้ารับกันอย่างลงตัว สวยทั้งตัวจริงๆ ชุดสีเงินระยิบระยับที่แนบพอดีกับเรือนร่างสมส่วนก็ยิ่งทำให้เธอดูสง่างามราวกับนางพญา รินณภัทรคิดไปก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มจะเต้นผิดจังหวะ
“เริ่มถ่ายกันเลยไหมคะ” มัสยาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งงัน
“ครับ.. เริ่มได้เลย”
รินณภัทรกับมัสยาก้าวออกไปยืนเก้อเก้ๆกังๆหน้าฉากที่เซ็ทไว้
“ฉบับพิเศษนี้คอนเซปต์คือเป็นคู่รักที่รักกัน หวานๆซึ้งๆ แนว Anniversary พี่อยากให้ทั้งคู่พยายามสื่อออกมาทางดวงตา พอจะทำได้หรือเปล่า..”
“ค่ะ..ได้ค่ะ”
“คุณฟิค?”
“ครับ..ได้”
“น้องเมย่ายืนแนบชิดลำตัวคุณฟิคแล้วเงยหน้าขึ้นมอง คุณฟิคเอามือโอบเอวน้องเมย่าแล้วก้มหน้ามองตากันนะครับ” ทศวินอธิบายให้ทั้งคู่ฟัง
มัสยาขยับตัวเข้าไปใกล้รินณภัทร ทำอย่างที่ช่างภาพบอก แต่ชายหนุ่มกลับถอยห่างอย่างอัตโนมัติ ปฏิกิริยาเหมือนหวงตัวของเขายิ่งทำให้มัสยานึกแปลกใจ
(“ยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่อีกหรือบนโลกใบนี้..ผู้ชายที่หวงตัวยิ่งกว่าผู้หญิง”) มัสยาอมยิ้มนึกขัน ยิ่งรินณภัทรจะถอยหนีเธอก็ยิ่งขยับเข้าใกล้ถึงเนื้อถึงตัวแนบชิดเขายิ่งขึ้น จนเขายืนนิ่งทำตัวแข็งทื่อ นางแบบสาวเลื่อนมือไปจับเอวชายหนุ่มไว้แล้วเงยหน้ามองตาเขา ปฏิกิริยาต่อต้านของเขายิ่งทำให้เธอกล้าที่จะท้าทาย
(“ผู้หญิงอะไรกล้าก๋ากั่นซะเหลือเกิน!”) รินณภัทรคิดพร้อมกับขมวดคิ้วทำหน้าดุขรึมใส่อีกฝ่าย
“คุณฟิค..คุณฟิค!”
“ครับ..พี่บิ๊ก..อะไรนะครับ”
“โอบเอวน้องเมย่าแล้วมองตากันซึ้งๆนะครับ”
“อ๋อ..ครับ..” รินณภัทรเอ่ยรับคำแล้วเอื้อมมือไปโอบเอวบางและมองคางเรียวไล่ขึ้นมายังริมฝีปากอิ่มสีชมพูจมูกรั้นจนมาถึงดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับสดใส
“พร้อมนะครับ..มองตาและพยายามนึกถึงคนที่เรารัก แสดงให้เห็นถึงความสุขความอบอุ่นอ่อนโยนรักใคร่”
เมื่อทศวินเริ่มกดชัตเตอร์เก็บภาพ มัสยาสังเกตเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายังคงทำหน้าขรึมคิ้วขมวด เธอจึงอมยิ้มยักคิ้วส่งสัญญาณให้เขาเพื่อเป็นการเตือน รินณภัทรเมื่อคิดได้ว่ากำลังทำงานอยู่ก็พยายามลืมสิ่งที่ครุ่นคิดแล้วค่อยๆอมยิ้มออกมา ใบหน้าที่ขรึมๆก็ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลน่าค้นหามากยิ่งขึ้นทันที
(“ทำไมผู้ชายคนนี้ยิ้มแล้วทำให้ใจของเธอเต้นแรงแบบนี้นะ..”) มัสยาคิดอย่างใจสั่นเต้นแรงผิดปกติ ต่างคนก็ต่างมองตาของอีกฝ่ายอย่างอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดสบตาประสานกัน
“โอเค! ถ่ายเซ็ทต่อไป..” เมื่อได้ยินเสียงช่างภาพเรียกสติเขากลับมา รินณภัทรก็เลื่อนมือออกและหลบตาจากสายตาเป็นประกายที่มีเสน่ห์เหมือนมีมนต์สะกดอยู่ตรงหน้าทันที
“เซ็ทต่อไป..พี่อยากได้รอยจูบแบบรอยริมฝีปากของน้องเมย่าจริงๆ ได้มั้ยครับ”
“คะ!” มัสยาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แม้ว่าเธอจะเติบโตมาในสังคมฝรั่ง เธอก็ไม่เคยจูบผู้ชายมาก่อน แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าเธอก็คงจะเป็นรินณภัทรนายแบบจำเป็นของงานนี้
“ไม่ต้องก็ได้นะครับพี่บิ๊ก ผมคิดว่า..ให้ช่างแต่งหน้าแต่งเอาก็น่าจะได้”
“เหรอครับ แต่ผมอยากได้ภาพแบบสมจริง” ทั้งสองโต้ตอบข้อเสนอกันไปมา มัสยาที่ยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยออกมา
“เอ่อ..ฉันไม่มีปัญหาค่ะ ฉันทำได้” มัสยาตัดสินใจบอกออกมาเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยายังไง รู้สึกอยากจะแกล้งชายหนุ่ม ซึ่งก็ได้ผล รินณภัทรหันมามองหน้าเธอทำตาดุอย่างเคร่งขรึมขุ่นเคืองในทันที
“ดีเลย น้องเมย่าไม่มีปัญหา คุณฟิคโอเคนะครับ..”
“เอ่อ..ครับ พี่บิ๊ก”
ทศวินจัดแจงให้รินณภัทรนั่งลงบนเก้าอี้และกำกับให้มัสยาที่ทาริมฝีปากด้วยลิปสติกสีแดงสด ยื่นหน้าไปกดริมฝีปากจูบให้เกิดรอยลิปสติกในตำแหน่งที่เขาต้องการ รินณภัทรนั่งนิ่งกลั้นหายใจตัวแข็งทื่อ มัสยาก็ยิ่งรู้สึกอยากจะแกล้งเข้าใกล้แกล้งยั่วเขาเล่น เธอกดริมฝีปากจูบแก้มทั้งสองของเขาอย่างหนักหน่วงตามที่พี่บิ๊กช่างภาพสั่ง แล้วประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเขา กิริยาท่าทางที่มัสยาทำ รินณภัทรรู้สึกว่ามันดูวาบหวิวยั่วยวนซะเหลือเกิน ชุดที่เธอใส่ก็คว้านคอลึกเห็นไปถึงไหนต่อไหน..เขาไม่ได้ตั้งใจอยากจะมอง แต่เธอโน้มตัวลงมาตรงหน้าอยู่ในระดับสายตาของเขาพอดีจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“พี่ขออีกที่เดียว..”
“ตรงไหนคะพี่บิ๊ก..”
“ริมฝีปาก!”
“อะไรนะ!” ทั้งคู่เอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“แค่กดริมฝีปากให้เห็นรอยลิปสติกที่มุมปากน่ะครับ”
“อ๋อ..ค่ะ” มัสยาพึมพำออกมาอย่างโล่งใจ เพราะที่เธอทำอยู่นี่ก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวมากที่สุดเท่าที่เคยถ่ายแบบมาแล้ว
“ผมว่าพอแค่นี้ก็ได้นะ..”
“ไม่เป็นไรค่ะ งานก็คืองาน”
มัสยาทำเป็นเก่งกล้า เธอกลั้นหายใจยื่นหน้าไปกดริมฝีปากจุมพิตที่มุมปากของรินณภัทรแต่กลับเป็นฝ่ายตื่นเต้นใจเต้นรัวซะเอง
(“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ก็ฉันไม่เคยหวั่นไหวกับใคร นายแบบที่ว่าหล่อที่สุดในประเทศฉันก็ยังรู้สึกเฉยๆ แต่กับผู้ชายคนนี้..ทำไมเขาทำให้ใจฉันเต้นผิดปกติ”) มัสยาถอนริมฝีปากออกแล้วครุ่นคิด รินณภัทรก็ใจเต้นผิดจังหวะไม่ต่างกัน แต่เขาบอกตัวเองว่าที่เขารู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้..
ขณะถ่ายแบบเซ็ทสุดท้าย ทศวินสั่งให้ทั้งคู่จ้องตากันในระยะประชิด ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่เล็กน้อยไม่ถึงเซ็นติเมตร มัสยาจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่มีเสน่ห์ มองแล้วก็ใจสั่น ใบหน้าเขาหล่อเหลาขาวตี๋สะอาดสะอ้าน บุคลิกสุขุม นิ่งขรึม อย่างน่าค้นหา
(“หรือว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชาย..ไม่ใช่สิ! ไม่มีกลิ่นเก้งกวางเลย ต้องแมนเป็นผู้ชายแท้100% แต่ทำไมถึงพยายามหลบตาทำเหมือนรังเกียจไม่อยากแตะผู้หญิงแบบนี้นะ..”) มัสยาคิดอย่างรู้สึกสงสัยข้องใจ
ขณะที่มัสยากำลังคิดเพลินๆ ทศวินก็เข้ามาแตะไหล่ทั้งคู่ จนมัสยาสะดุ้ง จมูกรั้นของเธอไปสัมผัสเข้ากับริมฝีปากหนาของรินณภัทร เขาก็ชะงักไปเช่นกัน
“อุ๊ย!” มัสยาผละหน้าออกห่าง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นโดยอัตโนมัติ
“ยืนสบายๆ อย่าเกร็ง หน้าชิดกันอีกนิด จมูกแตะกันเบาๆก็จะดีมาก..” ทศวินบอกไปพร้อมกับจัดท่าทางจับมือรินณภัทรขึ้นมาโอบเอวมัสยา ทั้งคู่ก็ออกอาการประหม่าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กันมาก่อน
ยิ่งรินณภัทรอยากหนี อยากอยู่ให้ห่างๆ แต่เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้ทั้งคู่ต้องใกล้ชิดแนบสนิทกัน
(“เฮ้อ! กว่าการถ่ายแบบจะจบจะเสร็จสิ้นลง”) รินณภัทรถอนหายใจออกมา เขาต้องระงับอารมณ์ความร้อนรุ่มที่นางแบบสาวคอยปลุกปั่นเขาให้ปั่นป่วนตลอดการถ่ายแบบ
เมื่อการถ่ายแบบจบลงด้วยดี มัสยาเอ่ยกล่าวลาทุกคนด้วยความอ่อนโยนเป็นกันเอง รินณภัทรยืนนิ่งขรึมมองพิจารณาการกระทำของเธออย่างครุ่นคิด
(“นี่คงจะเป็นหน้ากากอีกหนึ่งการแสดงของเธอสินะ!”)
จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันกลับ ชายหนุ่มจึงเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง..