9
น้ำกามรสที่ได้ดื่มไป เสมือนเติมเชื้อปรารถนาในกายให้เดือดพล่าน เขาทนไม่ไหวเช่นกัน รีบประสานกายกับร่างแน่งน้อยที่ใจแสนเกลียดชัง ทว่าร่างกายกับโหยหาไม่มีสิ้นสุด เมื่อประสานร่างเต็มตัว กรชวิลเดินหน้าเต็มสูบ เข้าสุดออกสุด ณศรินทร์สั่นสะเทือนตามแรงรัก เร็ว หนักหน่วง อัดกระแทกแบบไม่ลืมหูลืมตา มือใหญ่กอบกุมเต้าอวบมันมือ ขยำและดึง
“อา...ยัยแม่มด...โคตรเสียวเลย...อูวว์...พระเจ้า...ตอดดีมาก...ดีมาก...โอ้วววว” กรชวิลครางยาว รัวเป็นชุดใหญ่ก่อนหยุดแช่ตัวครั้งสุดท้าย ระเบิดความสุขจนทะลักไหลออกมาจากช่องทางเสน่หา ซบหน้าลงบนอกนุ่ม พร้อมลมหายใจแรง
ณศรินทร์ไม่เคยเหนื่อยอ่อนจากภารกิจบนเตียง เท่าครั้งนี้เลย ความสุขที่ได้รับสูบพลังงานหล่อนไปมาก ดูได้จากอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกติ และแรงหายใจหอบ
กรชวิลแทบหมดแรง เอนกายลงนอนข้างหล่อน ทั้งที่เขาเล่นรักได้คืนละสามถึงสี่รอบ ดวงตาสีนิลมองดวงหน้าหวานสาวข้างกาย ชั่วขณะนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง ที่วาบเข้ามาในห้วงจิตใจ ราวกับประตูความรู้สึกเปิดออก หล่อนกำลังก้าวเข้ามา แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มใช้มือปิดประตูนั้นอย่างว่องไว ไม่กี่วินาทีต่อมา กรชวิลดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก้าวขาลงจากเตียง หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนก้าวเท้าออกไปจากห้องนอนณศรินทร์
เจ้าของห้องมองตามร่างหนาทั้งน้ำตา หล่อนน่าจะชินกับความหมางเมิน ไม่ใส่ใจของกรชวิล รู้อยู่เต็มอกว่า เขาเห็นตัวเองเป็นเพียงนางบำเรอ มีค่าเฉพาะเวลาเขาต้องการ แล้วจากไปหลังจากสุขสมอารมณ์หมาย หล่อนน่าชาชินมิใช่หรือ แต่เหตุใด ใจยังเจ็บปวดอยู่อย่างนี้
หากไม่รักมาก ก็คงไม่ทนทุกข์ใจเช่นนี้
มื้อเช้าของบ้าน ปกติแล้วณศรินทร์จะเป็นคนทำ แต่วันนี้คนที่ตื่นแต่เช้ากลับเป็นอรัญญา เมนูที่หล่อนทำเช้านี้คือ ต้มเลือดหมูทรงเครื่องที่กินกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นเมนูที่ปนัดดาอยากกิน อรัญญาจึงไม่พลาดเอาใจคนเป็นป้า
ปกติจะไม่มีณศรินทร์นั่งร่วมกินอาหาร ทว่ามื้อนี้ต่างไป อรัญญาออดอ้อนปนัดดา ขอให้ณศรินทร์มากินอาหารด้วยกัน โดยให้เหตุผลในทางเอาดีใส่ตัวว่า นานๆ จะกลับมาบ้าน จึงอยากกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา และสงสารพี่สาว อยากให้ณศรินทร์มีส่วนร่วมกับคนในบ้าน ปนัดดาจำต้องยอม
“ออยมีความสุขจังค่ะ ที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน” อรัญญาพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อวานตอนเย็น ถ้าพี่เอยไม่มีนัดกับพี่เอ็มก็ดีสิคะ จะได้กินกับข้าวฝีมือพี่ยักษ์ อร่อยเหาะเลยนะพี่เอย”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ไม่ได้ชื่นมื่นมีความสุขตามอรัญญาเลยสักคน ปนัดดา กรชวิล กรชีวันและณศรินทร์ยิ้มฝืน ทั้งที่ในใจแสนอึดอัด
“ป้ามีของขวัญรับวันกลับมาของออยอีกชิ้นนะลูก ชิ้นนี้ใหญ่กว่าที่ได้เมื่อวานเป็นร้อยเท่าเลยลูก” ปนัดดาเปลี่ยนเรื่องคุย
“อะไรคะคุณป้า” อรัญญาถาม สีหน้าตื่นเต้น ใคร่รู้
“นี่ไงลูก” ปนัดดาหยิบกุญแจรถบีเอ็มดับเบิวสีขาวป้ายแดง ราคาสามล้านบาท ก่อนส่งให้อรัญญาที่หน้าตาบ่งบอกถึงความดีใจระคนตื่นเต้นเต็มที่
“จริงหรือคะคุณป้า คุณป้าซื้อรถให้ออยจริงหรือคะ” ถามอย่างไม่อยากเชื่อ รับกุญแจรถราคาสูงมือสั่น
“จริงสิ พี่ช่วยคุณแม่เลือกให้ออยนะ พี่คิดว่าออยต้องชอบแน่ๆ” กรชวิลตอบแทนมารดา
“ขอบคุณค่ะคุณป้า ขอบคุณค่ะ” อรัญญาลุกไปกราบปนัดดาตรงอก กอดนางไว้แน่น ดีใจจนเนื้อเต้นกับการได้รถยนต์คันใหม่ แทนคันเก่าที่ใช้มานานหลายปี และเป็นรถที่มีราคาแพงด้วย “ขอบคุณพี่ยักษ์อีกคนค่ะ ขอบคุณมากๆ พี่ชายที่น่ารักของออย”
อรัญญาเดินไปไหว้ขอบคุณและกอดกรชวิลอีกคน คนนี้หล่อนไม่เพียงแค่กอด ยังหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ จากนั้นเดินไปหากรชีวัน กอดและหอมเขาเพื่อไม่ให้น้อยใจ
ณศรินทร์เห็นภาพนั้นเต็มสองตา เห็นรอยยิ้มกรชวิล ขณะถูกหญิงสาวที่ตนรักบรรจงหอมแก้ม บอกให้รู้ว่า เขามีความสุขมากแค่ไหน ใจหล่อนสะท้านสะเทือนจากความเสียใจ โถมทับหลายสิบเท่า แต่ก็ต้องเก็บกักความรู้สึกไว้เต็มกำลัง
“ออย พี่ว่าออกไปดูรถคันใหม่กันดีกว่านะ” กรชีวันกล่าวชวน
“ค่ะไปค่ะ” คนได้รถใหม่ไม่ปฏิเสธ เพราะอยากยลโฉมมันเต็มแก่
“วันนี้จะมีช่างมาถ่ายรูปที่บ้าน แกไม่ต้องเสนอหน้าอยู่ที่บ้านนะ ฉันไม่อยากให้ออยชวนแกมาถ่ายรูปด้วย กลัวเสนียดมันจะติดอยู่ในภาพของฉัน แกจะไปไหนก็ไป บ่ายๆ ค่อยกลับมาทำความสะอาดบ้าน”
คล้อยหลังร่างลูกชายคนเล็กกับหลานสาวบุญธรรม เดินพ้นห้องรับประทานอาหาร เสียงไม่เป็นมิตรของปนัดดาดังขึ้น
“ค่ะคุณป้า” ณศรินทร์รับคำ
“แกลุกไปได้แล้ว ฉันกินข้าวไม่ลง กับข้าวยิ่งอร่อยอยู่ด้วย ถ้าไม่ติดว่าออยชวนแกมากินข้าวด้วยกัน ฉันไม่มีวันยอมให้แกมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกับฉันหรอก ไปสิ ไป”
ปนัดดาตวาดไล่ ณศรินทร์น้ำตาคลอ รีบลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว...” เสียงนี้รั้งคนถูกไล่ไว้ ณศรินทร์หันไปมองเจ้าของเสียง “วันนี้แม่บ้านที่รีสอร์ทลากิจหนึ่งคน เธอไปทำงานแทนล่ะกัน ไปห้องแม่บ้านเธอก็จะรู้เองว่า ต้องทำงานแทนใคร”
“ค่ะพี่ยักษ์”
ณศรินทร์อาจหวังมากเกินไป หวังว่ากรชวิลจะรั้งหล่อนให้นั่งกินข้าวเช้าต่อ เขาแค่สั่งงานตนเท่านั้น ไม่มีวาจาใดเอ่ยต่อจากนี้ หญิงสาวเดินออกจากห้องกินข้าวด้วยใจร้าวราน
“ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะไปจากที่นี่ แม่ไม่ชอบหน้ามัน เห็นแล้วหงุดหงิด อารมณ์พานจะเสีย” ปนัดดาไม่กลั้นความเกลียดชังและคำพูด พูดไล่หลังณศรินทร์ที่แน่นอนว่า ได้ยินประโยคนี้ชัดเจน
“เอาน่าครับคุณแม่ ถือว่าเลี้ยงเอาบุญ เรายังเลี้ยงหมูเลี้ยงหมาได้เลย เลี้ยงคนอีกคนจะเป็นไรไปครับ” คนถูกพูดถึง รีบนำตัวเองไปยืนข้างประตูห้อง ณศรินทร์น้ำตารินไหล กับประโยคบาดความรู้สึกของสองแม่ลูก หล่อนอยากเดินหนี ทว่าขาทั้งสองข้างไม่ก้าวเดิน