บทที่ 5 รู้สึกเศร้าใจ
เลิกเรียน
ฉันนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มากับพี่บอสทุกวัน วันไหนที่ฉันเลิกเรียนก่อน ก็มักจะมารอที่รถ กว่าพี่ชายจะเสด็จมาก็ใช้เวลาไปมากโข เพราะพี่มันมัวแต่โม้อยู่ไง วันนี้ก็เช่นกัน โรงเรียนเลิกแล้วแต่พี่ชายฉันยังมาไม่ถึงรถ
‘ โคร๊ก คร๊าก ’
พอเลิกเรียนมักจะหิวตลอด กลับถึงบ้านแม่จะสวบให้พุงกางเลยคอยดู
“ ไอ้เบนซ์ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ”
“ ปวดท้องอะ ”
“ ปะๆ ขึ้นรถ ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเอง ”
“ หิวข้าวต่างหากเล่า! ”
“ 5555+ ” เพื่อนๆ ที่เดินมาพร้อมพี่บอสหัวเราะขึ้นทันที
“ ดูทำหน้าซะ คิดว่าเจ็บปวดมาก เป็นอะไรเสียอีก ”
“ กลับเหอะ! ”
“ แกขอไอ้โอเว่นตั้ง 300 แหนะ แล้วทำไมไม่หาอะไรกินรองเท้าไปก่อน ”
“ รองท้อง! ” แหม่ๆ มากันเป็นทีม แถมตบมุกกันด้วย เพื่อนพี่ชายดูจะนิสัยดีทุกคนนะ ยกเว้นไอ้พี่แมน แต่เอ๊ะ…ไม่เห็นมาด้วยหรือจะแยกกลับบ้านแล้ว แต่ก็ดี สบายหูไป
“ ฉันจ่ายค่ารายงานไปร้อยกว่าบาท ที่เหลือก็กินข้าวตอนพักเที่ยง ขนม น้ำอีก พี่คิดว่าจะเหลือเหรอ? วันนี้พี่ไม่มาให้เห็นบ้างเลย ไม่มีใครเลี้ยงขนมฉันเลยอะ ”
“ ยัยตะกละ ขี้งกเงินตัวเอง ” พี่บอสพูด
“ แต่พี่เลี้ยงขนมแล้วนะ เมื่อตอนเช้าอะ ” ฉันก็คิดว่าพี่โอเว่นไม่ได้มาด้วยไงเลยกล้าพูดแบบนั้น
“ แฮะๆ ”
“ ระวังไว้นะไอ้โอเว่น ถ้ามึงเลี้ยงครั้งแรกครั้งต่อๆ ไปจะมีอีกแน่นอน ” พี่บอสหันไปพูดกับพี่เขาที่มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มอยู่
“ ไม่เป็นไร เล็กน้อยน่า ”
“ เออ ไอ้นายหัวน้อย ไอ้คนรวย ไอ้เถ้าแก่ ” พี่บอสว่าแบบไม่จริงจัง
ถึงบ้าน
กลับมาถึงบ้านกะจะเข้าครัวไปหาอะไรกินหน่อย แต่หูก็ดันได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว
“ ทำไมเมื่อคืนพี่ไม่กลับบ้านห้ะ ”
“ ก็เป็นซะแบบนี้ เอาแต่บ่นๆ ใครมันจะอยากกลับบ้านกันล่ะนุช ”
“ พี่ไม่ต้องมาอ้าง พี่มีคนอื่นก็บอกมาตามตรง ”
“ นุช พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ที่พี่ทำผิด พี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่ไม่ได้หรือไง ”
“ เหอะ ให้โอกาสอะไร พี่ทำมันไม่รู้กี่ครั้งแล้วลับหลังฉันล่ะ ”
“ นุช หยุดโวยวายได้แล้ว อายลูกไหม ลูกกลับมาแล้วนะ ”
“ ไม่อาย ลูกมันจะรู้เรื่องสันดานเจ้าชู้ของพ่อมันบ้างไง ”
“ นุช ถ้าขืนยังพูดแบบนี้อีก ก็ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว ”
“ พี่บูม ฉันยังพูดไม่จบเลยนะหยุดก่อน พี่บูม ”
ฉันที่ยืนแอบอย่างไม่มีมารยาทเพื่อฟังการสนทนาของพ่อแม่ ก็รู้สึกว่าพ่อกับแม่เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวันแล้วนะ
“ เป็นอะไร ทำไมหน้าเศร้าจัง ” พี่บอสเดินมาเข้าครัวแล้วถามขึ้น
“ พี่ไม่ได้ยินที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันเหรอ ”
“ ก็ปกตินี่น่า ”
“ แค่รู้สึกว่ามันหนักขึ้นนะ พ่อกับแม่จะเลิกกันไหมอะ ฉันไม่อยากให้พวกท่านทะเลาะกันเลย ทุกครั้งที่พ่อไม่กลับบ้าน แม่ดูจะไม่โอเค อารมณ์ไม่นิ่งเลย ”
“ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องสิ ฉันไม่ปลอบแกหรอกนะ อย่าคิดมาก พ่อแม่รักกันจะตาย ไม่มีวันเลิกกันหรอก ก็เห็นอยู่ว่าทะเลาะกันมาตั้งนาน เห็นไหม พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ด้วยกันอะ ”
“ เฮ้อ~ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยง่า ขอกอดหน่อยสิพี่บอส ” ฉันกางแขนออกพร้อมเดินช้าๆ เพื่อจะโผเข้ากอดคนเป็นพี่ชายแต่…
“ ไม่ๆ ไปกอดไอ้บาสโน่น ” มือหนาดันหน้าผากฉันแล้วผลักออก ก่อนจะวิ่งหายไป
ตอนแรกว่าหิวจะกินให้อิ่มพุงกางแต่ตอนนี้รู้สึกจะกินไม่ลงแล้ว ในหัวก็คิดแต่เรื่องพ่อแม่ ฉันกลัวที่สุดคือพ่อแม่แยกทางกัน เพราะเห็นเพื่อนที่พ่อแม่แยกทางกัน ไม่ค่อยมีความสุขเลย มันคงไม่อบอุ่นเหมือนวันวาน
ห้องนั่งเล่น
ฉันเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาดูทีวีที่ชั้นล่าง เพื่อรอคุยกับพี่บาส พี่ชายคนโตที่ตอนนี้กำลังนั่งรถรับส่งกลับมาบ้าน โรงเรียนพี่เขาอยู่ในเมือง มันก็ใช้เวลานานหน่อย
‘ แอ๊ด ’
“ โอ๊ย ” พอประตูห้องนั่งเล่นเปิดออก ก็เห็นร่างของแม่ทรุดลงที่พื้น
“ แม่เป็นอะไรคะ ไม่สบายหรือเปล่า ” ฉันรีบวิ่งไปพยุงแม่ขึ้นทันที
“ แม่ปวดท้องนะ พยุงแม่ไปนั่งที่โซฟาหน่อย ” ฉันก็ทำตามแม่ว่า พอเข้าใกล้แม่ฉันถึงได้รู้ว่าใบหน้าของแม่เศร้าหมองไม่เปล่งปลั่งเหมือนวันวานแล้ว แขนของแม่ก็เหมือนจะมีแค่กระดูก ร่างกายแม่ซูบผอมลงไปเยอะมาก หรือแม่จะเครียดเรื่องพ่อเลยไม่ค่อยได้กินอะไร
เฮ้อ ฉันนี่ยังไงนะ ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน แทบจะไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่มีทุกบ้าน
“ แม่คะ แม่ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ จัง ไปหาหมอไหมคะ ”
“ แม่แค่ปวดท้องเอง สักพักคงจะหาย ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ช่วงนี้หนูเรียนเป็นไงบ้าง ”
“ ก็ปกติดีค่ะ ”
“ โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไรเหรอ ”
“ ก็…ยังไม่รู้ค่ะ ว่าแต่ทำไมแม่ถึงถามคะ ”
“ ก็ช่วงหลังๆ มานี่ ตั้งแต่ลูกเรียนม.5เทอม2 แม่แทบจะไม่ได้คุยกับลูกเลย ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ”
มันก็จริง พอฉันกลับจากโรงเรียนก็ขึ้นห้องไปเล่นโทรศัพท์ไม่ก็เล่นเกม เวลาลงไปกิยข้าว พ่อกับแม่ก็ต่างแยกย้ายกันไปก่อนแล้ว ไม่ค่อยได้นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย แล้วพอมีอะไรที่จะถามเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกครั้ง ฉันเลยเลือกจะถามพี่ชายคนโตแทน
“ หนูเข้าสู่ช่วงวัยกำลังเจริญเติบโตไงคะ ติดเพื่อนติดโซเชียลมีเดียก็ปกตินี่ค่ะ ”
“ มันก็จริง พรุ่งนี้เลิกเรียนหนูช่วยไปที่ทำงานพ่อแล้วถามลุงโจ๊กให้หน่อยได้ไหมว่าพ่อเลิกงานกี่โมง ”
“ ได้ค่ะ ” แม่คงจะงอนพ่อเลยไม่กล้าถามเองล่ะมั้ง
“ แม่ยังปวดอยู่ไหม ”
“ ไม่แล้วจ้ะ แม่อยากงีบสักพัก ”
“ งั้นหนูไม่รบกวนแล้ว หนูไปหาพี่บาสก่อนนะคะ ”
“ เดี๋ยวสิ แม่อยากจะพูดอะไรหน่อย ”
“ คะ ”
“ หลังจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้น หนูยังจะอยากอยู่กับแม่ไหม ” ทำไมถามแปลกๆ
“ ก็อยู่เหมือนเดิมค่ะ อยู่กันแบบครอบครัว ”
“ อืม ไปเถอะ ”
พอฉันออกมาจากห้องนั่งเล่นที่ผู้เป็นแม่จะขอนอนสักงีบ สมองฉันก็คิดถึงประโยคที่ออกจากปากแม่ทันที แม่พูดจาแปลกๆ มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม
“ พี่บาส! ” ฉันเห็นพี่ชายคนโตกำลังจะก้าวขาขึ้นบันไดก็ตะโกนเสียงดังไป
“ ชู่วๆ เบาๆ หน่อย เป็นสาวเป็นนาง เขาไม่ให้ยืนตะโกนโวกเวก แล้วมีอะไร โอ๊ะ ” ฉันไม่รอให้พี่เขาพูดจบก็วิ่งพุ่งเข้าใส่ โผเข้ากอดคนเป็นพี่ชายทันที
ถึงฉันจะไม่ค่อยสนิทกับพี่บาส จะหนักไปทางรำคาญมากกว่าเพราะพี่เขาชอบบ่น จู้จี้จุกจิกเจ้าระเบียบเกินไป แต่พอมีอะไรที่คิดไม่ตกหรือเศร้าใจก็มักจะหาอ้อมกอดพี่เขาไว้เป็นที่พึ่งประจำ
“ น้องเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม บอกพี่มาสิ หรือเจ้าบอสมันแกล้งอะไรอีก ”
“ อึก น้องไม่อยากร้อง แต่ อึก มันร้องเอง แง่ๆ ไม่เกี่ยวกับพี่บอสเลย ”
“ โอ๋ๆ ” พี่บาสพูดไปพร้อมเอามือลูบหลังฉันเบาๆอย่างปลอบประโลม
?__________?
นามปากกาผกายมาส