บทที่ 5 รู้สึกเศร้าใจ

1352 คำ
บทที่ 5 รู้สึกเศร้าใจ เลิกเรียน ฉันนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มากับพี่บอสทุกวัน วันไหนที่ฉันเลิกเรียนก่อน ก็มักจะมารอที่รถ กว่าพี่ชายจะเสด็จมาก็ใช้เวลาไปมากโข เพราะพี่มันมัวแต่โม้อยู่ไง วันนี้ก็เช่นกัน โรงเรียนเลิกแล้วแต่พี่ชายฉันยังมาไม่ถึงรถ ‘ โคร๊ก คร๊าก ’ พอเลิกเรียนมักจะหิวตลอด กลับถึงบ้านแม่จะสวบให้พุงกางเลยคอยดู “ ไอ้เบนซ์ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ” “ ปวดท้องอะ ” “ ปะๆ ขึ้นรถ ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเอง ” “ หิวข้าวต่างหากเล่า! ” “ 5555+ ” เพื่อนๆ ที่เดินมาพร้อมพี่บอสหัวเราะขึ้นทันที “ ดูทำหน้าซะ คิดว่าเจ็บปวดมาก เป็นอะไรเสียอีก ” “ กลับเหอะ! ” “ แกขอไอ้โอเว่นตั้ง 300 แหนะ แล้วทำไมไม่หาอะไรกินรองเท้าไปก่อน ” “ รองท้อง! ” แหม่ๆ มากันเป็นทีม แถมตบมุกกันด้วย เพื่อนพี่ชายดูจะนิสัยดีทุกคนนะ ยกเว้นไอ้พี่แมน แต่เอ๊ะ…ไม่เห็นมาด้วยหรือจะแยกกลับบ้านแล้ว แต่ก็ดี สบายหูไป “ ฉันจ่ายค่ารายงานไปร้อยกว่าบาท ที่เหลือก็กินข้าวตอนพักเที่ยง ขนม น้ำอีก พี่คิดว่าจะเหลือเหรอ? วันนี้พี่ไม่มาให้เห็นบ้างเลย ไม่มีใครเลี้ยงขนมฉันเลยอะ ” “ ยัยตะกละ ขี้งกเงินตัวเอง ” พี่บอสพูด “ แต่พี่เลี้ยงขนมแล้วนะ เมื่อตอนเช้าอะ ” ฉันก็คิดว่าพี่โอเว่นไม่ได้มาด้วยไงเลยกล้าพูดแบบนั้น “ แฮะๆ ” “ ระวังไว้นะไอ้โอเว่น ถ้ามึงเลี้ยงครั้งแรกครั้งต่อๆ ไปจะมีอีกแน่นอน ” พี่บอสหันไปพูดกับพี่เขาที่มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มอยู่ “ ไม่เป็นไร เล็กน้อยน่า ” “ เออ ไอ้นายหัวน้อย ไอ้คนรวย ไอ้เถ้าแก่ ” พี่บอสว่าแบบไม่จริงจัง ถึงบ้าน กลับมาถึงบ้านกะจะเข้าครัวไปหาอะไรกินหน่อย แต่หูก็ดันได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว “ ทำไมเมื่อคืนพี่ไม่กลับบ้านห้ะ ” “ ก็เป็นซะแบบนี้ เอาแต่บ่นๆ ใครมันจะอยากกลับบ้านกันล่ะนุช ” “ พี่ไม่ต้องมาอ้าง พี่มีคนอื่นก็บอกมาตามตรง ” “ นุช พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ที่พี่ทำผิด พี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่ไม่ได้หรือไง ” “ เหอะ ให้โอกาสอะไร พี่ทำมันไม่รู้กี่ครั้งแล้วลับหลังฉันล่ะ ” “ นุช หยุดโวยวายได้แล้ว อายลูกไหม ลูกกลับมาแล้วนะ ” “ ไม่อาย ลูกมันจะรู้เรื่องสันดานเจ้าชู้ของพ่อมันบ้างไง ” “ นุช ถ้าขืนยังพูดแบบนี้อีก ก็ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว ” “ พี่บูม ฉันยังพูดไม่จบเลยนะหยุดก่อน พี่บูม ” ฉันที่ยืนแอบอย่างไม่มีมารยาทเพื่อฟังการสนทนาของพ่อแม่ ก็รู้สึกว่าพ่อกับแม่เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวันแล้วนะ “ เป็นอะไร ทำไมหน้าเศร้าจัง ” พี่บอสเดินมาเข้าครัวแล้วถามขึ้น “ พี่ไม่ได้ยินที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันเหรอ ” “ ก็ปกตินี่น่า ” “ แค่รู้สึกว่ามันหนักขึ้นนะ พ่อกับแม่จะเลิกกันไหมอะ ฉันไม่อยากให้พวกท่านทะเลาะกันเลย ทุกครั้งที่พ่อไม่กลับบ้าน แม่ดูจะไม่โอเค อารมณ์ไม่นิ่งเลย ” “ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องสิ ฉันไม่ปลอบแกหรอกนะ อย่าคิดมาก พ่อแม่รักกันจะตาย ไม่มีวันเลิกกันหรอก ก็เห็นอยู่ว่าทะเลาะกันมาตั้งนาน เห็นไหม พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ด้วยกันอะ ” “ เฮ้อ~ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยง่า ขอกอดหน่อยสิพี่บอส ” ฉันกางแขนออกพร้อมเดินช้าๆ เพื่อจะโผเข้ากอดคนเป็นพี่ชายแต่… “ ไม่ๆ ไปกอดไอ้บาสโน่น ” มือหนาดันหน้าผากฉันแล้วผลักออก ก่อนจะวิ่งหายไป ตอนแรกว่าหิวจะกินให้อิ่มพุงกางแต่ตอนนี้รู้สึกจะกินไม่ลงแล้ว ในหัวก็คิดแต่เรื่องพ่อแม่ ฉันกลัวที่สุดคือพ่อแม่แยกทางกัน เพราะเห็นเพื่อนที่พ่อแม่แยกทางกัน ไม่ค่อยมีความสุขเลย มันคงไม่อบอุ่นเหมือนวันวาน ห้องนั่งเล่น ฉันเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาดูทีวีที่ชั้นล่าง เพื่อรอคุยกับพี่บาส พี่ชายคนโตที่ตอนนี้กำลังนั่งรถรับส่งกลับมาบ้าน โรงเรียนพี่เขาอยู่ในเมือง มันก็ใช้เวลานานหน่อย ‘ แอ๊ด ’ “ โอ๊ย ” พอประตูห้องนั่งเล่นเปิดออก ก็เห็นร่างของแม่ทรุดลงที่พื้น “ แม่เป็นอะไรคะ ไม่สบายหรือเปล่า ” ฉันรีบวิ่งไปพยุงแม่ขึ้นทันที “ แม่ปวดท้องนะ พยุงแม่ไปนั่งที่โซฟาหน่อย ” ฉันก็ทำตามแม่ว่า พอเข้าใกล้แม่ฉันถึงได้รู้ว่าใบหน้าของแม่เศร้าหมองไม่เปล่งปลั่งเหมือนวันวานแล้ว แขนของแม่ก็เหมือนจะมีแค่กระดูก ร่างกายแม่ซูบผอมลงไปเยอะมาก หรือแม่จะเครียดเรื่องพ่อเลยไม่ค่อยได้กินอะไร เฮ้อ ฉันนี่ยังไงนะ ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน แทบจะไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่มีทุกบ้าน “ แม่คะ แม่ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ จัง ไปหาหมอไหมคะ ” “ แม่แค่ปวดท้องเอง สักพักคงจะหาย ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ช่วงนี้หนูเรียนเป็นไงบ้าง ” “ ก็ปกติดีค่ะ ” “ โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไรเหรอ ” “ ก็…ยังไม่รู้ค่ะ ว่าแต่ทำไมแม่ถึงถามคะ ” “ ก็ช่วงหลังๆ มานี่ ตั้งแต่ลูกเรียนม.5เทอม2 แม่แทบจะไม่ได้คุยกับลูกเลย ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ” มันก็จริง พอฉันกลับจากโรงเรียนก็ขึ้นห้องไปเล่นโทรศัพท์ไม่ก็เล่นเกม เวลาลงไปกิยข้าว พ่อกับแม่ก็ต่างแยกย้ายกันไปก่อนแล้ว ไม่ค่อยได้นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย แล้วพอมีอะไรที่จะถามเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกครั้ง ฉันเลยเลือกจะถามพี่ชายคนโตแทน “ หนูเข้าสู่ช่วงวัยกำลังเจริญเติบโตไงคะ ติดเพื่อนติดโซเชียลมีเดียก็ปกตินี่ค่ะ ” “ มันก็จริง พรุ่งนี้เลิกเรียนหนูช่วยไปที่ทำงานพ่อแล้วถามลุงโจ๊กให้หน่อยได้ไหมว่าพ่อเลิกงานกี่โมง ” “ ได้ค่ะ ” แม่คงจะงอนพ่อเลยไม่กล้าถามเองล่ะมั้ง “ แม่ยังปวดอยู่ไหม ” “ ไม่แล้วจ้ะ แม่อยากงีบสักพัก ” “ งั้นหนูไม่รบกวนแล้ว หนูไปหาพี่บาสก่อนนะคะ ” “ เดี๋ยวสิ แม่อยากจะพูดอะไรหน่อย ” “ คะ ” “ หลังจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้น หนูยังจะอยากอยู่กับแม่ไหม ” ทำไมถามแปลกๆ “ ก็อยู่เหมือนเดิมค่ะ อยู่กันแบบครอบครัว ” “ อืม ไปเถอะ ” พอฉันออกมาจากห้องนั่งเล่นที่ผู้เป็นแม่จะขอนอนสักงีบ สมองฉันก็คิดถึงประโยคที่ออกจากปากแม่ทันที แม่พูดจาแปลกๆ มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม “ พี่บาส! ” ฉันเห็นพี่ชายคนโตกำลังจะก้าวขาขึ้นบันไดก็ตะโกนเสียงดังไป “ ชู่วๆ เบาๆ หน่อย เป็นสาวเป็นนาง เขาไม่ให้ยืนตะโกนโวกเวก แล้วมีอะไร โอ๊ะ ” ฉันไม่รอให้พี่เขาพูดจบก็วิ่งพุ่งเข้าใส่ โผเข้ากอดคนเป็นพี่ชายทันที ถึงฉันจะไม่ค่อยสนิทกับพี่บาส จะหนักไปทางรำคาญมากกว่าเพราะพี่เขาชอบบ่น จู้จี้จุกจิกเจ้าระเบียบเกินไป แต่พอมีอะไรที่คิดไม่ตกหรือเศร้าใจก็มักจะหาอ้อมกอดพี่เขาไว้เป็นที่พึ่งประจำ “ น้องเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม บอกพี่มาสิ หรือเจ้าบอสมันแกล้งอะไรอีก ” “ อึก น้องไม่อยากร้อง แต่ อึก มันร้องเอง แง่ๆ ไม่เกี่ยวกับพี่บอสเลย ” “ โอ๋ๆ ” พี่บาสพูดไปพร้อมเอามือลูบหลังฉันเบาๆอย่างปลอบประโลม ?__________? นามปากกาผกายมาส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม