ตอนที่ 6 ฝึกสกิลเพิ่มความเป็นว่าที่นางเอก

2903 คำ
ตอนนี้พลังปราณของข้าเลื่อนขึ้นมาถึงขั้นอมตะระดับกลางแล้ว หลังจากกลับมาจากวัดจินซานวันนั้นเมื่อมาถึงจวน ท่านปู่ก็บอกกับทุกคนว่าจะพาข้าเข้าค่ายกลของตระกูลเพื่อฝึกฝนตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว ตอนนี้ข้าอายุครบ14ปี แล้วควรถึงเวลาที่ข้าจะต้องหาสัตว์ในพันธะ เพราะข้อแม้อีกอย่างของคนที่จะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหวงหลงต้องมีสัตว์อสูรในพันธะด้วย และวันนี้ท่านพ่อจะให้พี่ใหญ่พาข้าไปที่โรงประมูล ทำไมถึงไปที่โรงประมูลเพราะนอกจากโรงประมูลแล้ว ยังมีโรงสัตว์อสูร และโรงพนันอีกด้วย แหม การจะให้ข้าไปตามหาในป่าเอาเองก็ใช่ว่าจะเจอตัวเทพๆ ได้สักหน่อย อีกอย่างป่าที่มีสัตว์อสูรก็อยู่ที่แคว้นไป๋หู่ ถึงการจะเดินทางไปจะไม่ได้ลำบากเพราะมีค่ายกลเดินทางที่ติดตั้งอยู่ในเมืองหลวงของทุกแคว้นก็ตาม แต่การจะหาสัตว์อสูรได้ภายในหนึ่งปีก็มิใช่เรื่องง่าย ป่ากว้างใหญ่ สัตว์อสูรมากมายจะไปเจอตัวอะไร จะสู้มันได้ไหมแล้วมันอยากจะทำพันธะกับข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ เกิดไปเจอแรดแล้วมันอยากทำพันธะกับข้าอย่างงี้ข้าก็จะมีแรดเป็นสัตว์อสูร เวลาเรียกมันออกมา คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่ข้าก็กระดากใจตัวเองอยู่น่ะ คณะเดินทางของข้าพร้อมแล้ว วันนี้พี่ชายใหญ่จะพาข้าไป อยากจะบอกว่าพี่ใหญ่ของข้ารูปงามมาก ตอนนี้ก็จบการศึกษาที่สำนักศึกษาหวงหลงแล้ว ตอนนี้ก็เข้ามาช่วยท่านพ่อดูแลกิจการอย่างเต็มตัว แต่พี่ใหญ่มีคู่หมั้นแล้วนะเป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหอ ที่มีโรงหมอและร้านสมุนไพร ข้ารู้สึกถึงขาทองคำของพี่ใหญ่ที่ดูแล้วมั่นคงน่าดู ตอนนี้ข้ายืนอยู่หน้าโรงประมูลหวงหลง เป็นอาคารหินอ่อนหลังใหญ่มีสามชั้น ตระกูลหลงนี่คงร่ำรวยน่าดูสร้างอาคารจากหินอ่อนได้ใหญ่โตและงดงามขนาดนี้ พี่ใหญ่พาข้าเดินผ่านประตูเข้าไปก็เจอคนงานเดินมาต้อนรับ พี่ใหญ่แจ้งว่าจะมาดูสัตว์อสูร คนงานพาพวกข้าเดินไปที่ประตูฝั่งซ้าย พอเดินเข้าประตูมาก็เจอเป็นประตูค่ายกลเดินทางที่ส่งพวกข้ามาที่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่หนึ่ง พวกข้ายืนอยู่บนเนินเขาเล็กๆ มองลงไปเห็นบริเวณที่ราบจะมีคอกสัตว์กั้นไว้จำนวนมาก คนงานพาข้าและพี่ใหญ่เดินดูตามคอกสัตว์ต่างๆ พี่ใหญ่บอกว่าสัตว์พวกนี้เป็นสัตว์อสูรขั้น 1-7 ถ้าข้าเจอตัวไหนที่ถูกใจให้บอกได้เลย สัตว์พวกนี้ไม่ต้องทำการต่อสู้ เพียงแค่พวกมันยอมทำพันธะด้วยก็จ่ายเงินพากลับได้เลย สัตว์อสูรในนี้ส่วนใหญ่ เกิดที่นี่แต่ความสามารถไม่ได้แตกต่างจากสัตว์ในป่า แค่สัญชาติในการเอาตัวรอดอาจจะน้อยกว่าสัตว์ที่อยู่ในป่าแค่นั้นเอง แต่มันก็แลกมาด้วยราคาและความปลอดภัยของผู้ที่ต้องการสัตว์อสูรด้วย ในแต่ละกรงก็จะมีอยู่หลายตัวบางชนิดมีรวมกันนับสิบตัวด้วย ข้าเดินมาเรื่อยๆ ก็เจอสัตว์หลายชนิด มีทั้งลิง เสือ สิงโต ม้า และอีกหลายชนิด แต่ข้ายังไม่เจอสัตว์แปลกๆ หรือที่ถูกใจเลย พี่ชายเลยแจ้งคนงานว่าขอไปดูสัตว์ที่มีระดับขั้นสูงกว่านี้ คนงานจึงพาข้ากับพี่ใหญ่ไปที่ประตูค่ายกลเพื่อไปดูอีกที่หนึ่ง สถานที่ที่มาใหม่นี้ดูคล้ายเป็นป่าทึบมีต้นไม้ขึ้นสูง มีกรงขังที่กางค่ายกลเอาไว้ ไม่เหมือนกรงที่ไปเดินดูตอนแรกเพราะเป็นแค่กรงขังธรรมดาเท่านั้น สวนสัตว์ที่นี่บางกรงจะมีแค่ตัวหรือสองตัวเท่านั้น เดินมาเรื่อยๆ ข้าไปสะดุดตาอยู่กรงหนึ่ง กรงนั้นดูใหญ่มากค่ายกลที่ใช้ก็ดูเป็นค่ายกลระดับสูง แต่สัตว์ที่อยู่ในกรงที่ข้าเห็นคือแมวขนสีขาวสะอาด มีดวงตาสีฟ้า ขนาดก็เท่ากับแมวบ้านตัวหนึ่งเท่านั้น ครั้งแรกที่ข้าเห็นเหมือนถูกสะกดขนของมันช่างดูนุ่มน่าสัมผัสเหลือเกิน ดวงตาก็มีสีฟ้ากระจ่างใส ข้ารู้สึกสนใจมากจึงเดินไปยืนอยู่หน้ากรง "มีอะไรหรือน้องเล็ก" พี่ใหญ่เอ่ยถาม "แมวเจ้าค่ะ แมวสีขาวตาสีฟ้าสวยมากเลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่" ข้าเอ่ยตอบโดยที่ไม่ละสายตาไปจากเจ้าแมวตัวนั้น "แมวสีขาวงั้นรึ พี่ไม่เห็นอะไรเลยเห็นแค่กรงเปล่าๆ " ฟังพี่ใหญ่กล่าวจบ ข้าจึงหันไปมองหน้าพี่ใหญ่ ก็พบว่าพี่ใหญ่ไม่ได้แกล้งข้าเล่น และคนงานที่นำทางมาก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ "มันนอนอยู่ตรงกลางกรงเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้น้องก็ยังมองเห็นอยู่เลย" ข้าบอกพี่ใหญ่และหันกลับมามองที่เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นอีกครั้ง ผ่านไปชั่วครู่หนึ่งคนงานที่หายไปก็เดินกลับมาพร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง "คารวะคุณชายและคุณหนูทั้งสอง ข้าเถ้าแก่ถงขอเรียนถามคุณหนูว่าท่านมองเห็นสัตว์ที่อยู่ในกรงนี้ใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่าท่านเห็นเป็นสัตว์อะไรขอรับ" คนที่มาใหม่เอ่ยถาม "ข้าเห็นเป็นแมวตัวสีขาว ตาสีฟ้านอนอยู่ตรงกลางกรงเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าก็ยังมองเห็นอยู่" ข้าตอบกลับไปด้วยความงุนงง ก็มองเห็นอยู่ชัดๆ ถึงจะมีเงาไม้ด้านนอกบดบังความสว่างไปบ้าง แต่ในกรงก็ไม่ได้มืดจนมองอะไรไม่เห็นสักหน่อย ทำไม่แต่ละคนจึงมองไม่เห็นกัน ข้าได้แต่สงสัยทำไมทุกคนถึงถามเหมือนว่ามองไม่เห็น หรือว่าที่ข้าเห็นมันจะเป็น แมวผี!! 'ข้าไม่ใช่แมวผี เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่' อยู่ๆ ข้าก็ได้ยินเสียงตะโกนของเด็กผู้ชาย ข้าจึงกระโดดเกาะแขนพี่ใหญ่ทันที "เกิดอะไรขึ้นน้องเล็ก มีอะไร" พี่ใหญ่ถึงกับสะดุ้งที่อยู่ๆ ข้ากระโดดไปเกาะแขนจึงรีบถามขึ้นมา "พี่ใหญ่ท่านไม่ได้ยินรึ เสียงเด็กที่ไหนไม่รู้ตะโกนใส่ข้า สงสัยข้าจะถูกผีหลอกข้ากลัวกลับกันเถอะพี่ใหญ่" ข้าบอกพร้อมกับลากพี่ใหญ่จะเดินออกจากที่นี่ "ประเดี๋ยวขอรับคุณหนู ท่านบอกว่านอกจากเห็นสัตว์ในกรงนี้ แล้วยังได้ยินเสียงด้วยหรือขอรับ" เถ้าแก่ถงรีบเอ่ยถาม พร้อมกับหยุดข้าที่จะลากพี่ใหญ่ออกไป "ใช่ข้าเห็นเจ้าแมวตัวนั้นในกรง และก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้ตะโกนใส่ข้าด้วย ข้าไม่อยู่แล้วข้ากลัวผี" ข้าพูดพร้อมตั้งท่าจะไปอีกครั้ง "ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณชายและคุณหนูไปจิบน้ำชาที่ห้องรับรองก่อนดีไหมขอรับ ประเดี๋ยวข้ามีอะไรจะเล่าให้ฟังขอรับ" เถ้าแก่ถงคงเห็นท่าทางข้าไม่อยากอยู่มากจึงรีบเชิญข้าออกไปทันที ข้าพยักหน้ารับ พร้อมกับลากพี่ใหญ่เดินออกไป ก่อนจะได้ยินเสียง 'นังเด็กหน้าเหม็น ช่างขี้ขลาดนัก คอยดูข้าจะจับเจ้ามาเป็นทาสข้าให้ได้เลยฮึ่มๆ ' ว้าก!! ข้าได้ยินเสียงนี้อีกแล้ว ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ตอนนี้ข้ากับพี่ใหญ่กำลังนั่งจิบชาร้อนๆ เรียกสติอยู่ในห้องรับรองของเถ้าแก่ถง "เรียนคุณชายและคุณหนูข้าขออภัยที่ทำให้พวกท่านทั้งสองตกใจ" เถ้าแก่ถงพูดพร้อมประสานมือให้พวกข้า "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าก็ต้องขออภัยเถ้าแก่ถงด้วยพอดีตอนนั้นข้าตั้งสติไม่ทันเจ้าค่ะ" ข้ากล่าวพร้อมย่อกายคารวะตอบ "ความจริงก็ไม่ผิดที่คุณหนูจะตกใจขอรับ กรงนั้นเป็นสัตว์เทวะขอรับ ตอนแรกที่จับมาก็เป็นแค่สัตว์อสูรขั้นเก้าแต่พอมาอยู่ก็เลื่อนขั้นจนเป็นสัตว์เทวะ ตั้งแต่ที่จับกลับมาจนตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นพันปีแล้วก็ไม่เคยมีใครเห็นตัวของมันเลย มีเพียงเวลานำอาหารไปให้ถึงรับรู้ว่ายังอยู่ในกรงกับเวลาที่เจ้าตัวเลื่อนขั้นแค่นั้น จนตอนนี้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นสัตว์เทวะก็ยังไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เลย แต่ท่านประมุขได้เคยบอกไว้ว่าสัตว์ตัวนี้คงรอเจ้านายของมันอยู่ให้ดูแลอาหารและความสะอาดต่อไป เมื่อถึงเวลาคงจะมีคนมารับไปเอง และพอคนงานมาแจ้งข้าว่าคุณหนูสามารถมองเห็นสัตว์ในกรงนี้ได้ ข้าจึงรีบมาพบขอรับ" ข้าได้ฟังที่เถ้าแก่ถงอธิบายก็พอเข้าใจได้รางๆ ว่า เจ้าแมวสีขาวตัวนั้นไม่ใช่แมวผีแต่เป็นถึงแมวขั้นเทวะและข้าอาจจะทำพันธะกับมันได้ เมื่อได้ยินดังนั้นข้าก็รีบให้เถ้าแก่ถงพาข้ากลับไปที่กรงนั้นเพื่อพิสูจน์ทันที ถึงจะเป็นแค่แมวแต่ก็เป็นแมวขั้นเทวะเชียวนะ เมื่อมาถึงกรงอีกครั้ง เจ้าแมวสีขาวตัวนี้ก็ยังนอนอยู่ที่เดิม พอมันเห็นข้าเดินเข้าไปใกล้กรงก็ลุกขึ้นมายืนตรงริมกรงพร้อมกับยื่นเท้าหน้าของมันออกมา ข้าจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมยื่นมือของข้าจะไปจับอุ้งเท้าสีขาวที่น่ารักนั้นทันที "โอ๊ย!! " ข้าส่งเสียงร้องอย่างตกใจ เพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่นิ้วมือพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา ขณะที่ข้ากำลังจะชักมือกลับเจ้าแมวก็เอาเท้าที่เหมือนจะมีเลือดไหลมาแตะที่นิ้วนั้นของข้าทันที เมื่อนิ้วและเท้าที่มีเลือดของข้ากับมันแตะกันแล้ว อยู่ๆ ก็มีวงแหวนอักขระปรากฏขึ้น วงแหวนนี้ล้อมตัวข้าและเจ้าแมวเอาไว้ ประมาณห้าลมหายใจวงแหวนก็หายไป พร้อมกับค่ายกลที่กรงขังก็หายไปด้วย ประตูกรงเปิดออกเจ้าแมวก็เดินนวยนาดออกมาหาข้าพร้อมกับพูดว่า "อุ้มข้าออกไปได้แล้วเจ้าทาสข้าอยู่ที่นี่มาพันปีแล้ว ข้าเบื่อ!! " ข้า... พี่ใหญ่... เถ้าแก่ถง... ตอนนี้ข้านั่งอยู่ในเหลาอาหารของตระกูลกำลังมองเจ้าถงเมากินปลาตัวที่สามแล้ว ใช่ถงเมาคือชื่อของเจ้าแมวสีขาวตัวนี้นั่นเอง ย้อนกลับไปตอนที่มันพูดเสร็จข้าที่เพิ่งได้รับตำแหน่งทาสคนใหม่ก็ก้มลงอุ้มมันขึ้นมา และมันก็บอกให้ข้าเรียกมันว่า 'ถงเมา' ซึ่งแปลได้ตรงๆ ตัวเลยว่าแมวตัวผู้ อืม ตั้งชื่อง่ายดี และตอนนี้คือทุกคนสามารถมองเห็นเจ้าถงเมาได้แล้ว โดยมันบอกว่าเมื่อมีทาสในพันธะแล้วก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีก ส่วนเหตุผลที่มันซ่อนตัวก็เพราะกลัวว่าจะได้ทาสที่ไม่ถูกใจเลยซ่อนตัวรอหาทาสที่ถูกใจค่อยปรากฏตัว อืม..สมกับเป็นเจ้านายจริงๆ ข้าที่เป็นทาสจึงทำได้เพียงก้มหน้ารับใช้เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพันธะที่ทำเป็นพันธะนายกับทาสนะ เป็นแค่พันธะเท่าเทียมแค่นั้น สัตว์ในพันธะตายหาใหม่ได้ หรือคนที่ทำพันธะตายสัตว์ก็สามารถหาคนมาทำใหม่ได้เช่นกัน แล้วแบบนี้จะมีคนมาฆ่าข้าเพื่อแย่งเป็นทาสของถงเมาหรือ อืมว่าแต่คนในยุคนี้เขาคงไม่เข้าใจการเป็นทาสแมวหรอกมั้ง และการได้นายท่านซึ่งเป็นถึงสัตว์เทวะกลับมาด้วยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่เคยคิดเลย เพราะตอนแรกที่ได้ยินเถ้าแก่ถงเอ่ยบอกราคาค่าตัวของนายท่านมานั้น ข้ากับพี่ใหญ่ถึงกับตกใจจนเหงื่อตกเพราะมันสูงถึงหนึ่งพันเพชรเลยนะสิ ค่าเงินของที่นี่ แบ่งง่าย ๆ คือ 1000 อีแปะ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน 100 ตำลึงเงิน เท่ากับ 1 ตำลึงทอง 100 ทอง เท่ากับ 1 เหรียญหยก 100 เหรียญหยก เท่ากับ 1 เหรียญเพชร ยกตัวอย่างเช่นข้าวขาวอย่างดีชั่งละ 45อีแปะ เนื้อหมูชั่งละ 30อีแปะ ลองคิดดูสิว่าหนึ่งพันเหรียญเพชรจะได้ข้าวกี่ชั่ง หมูกี่ชั่ง ชาวบ้านจะใช้ชีวิตได้นานกี่ปีกัน "เถ้าแก่ถงเจ้าคะ มีวิธียกเลิกพันธะไหมเจ้าคะ" ข้าซึ่งพอได้ยินค่าตัวของนายท่าน จึงรีบหันไปถามเถ้าแก่ถงทันที "เจ้าเด็กหน้าเหม็นได้ทำพันธะกับสัตว์เทวะอย่างข้า มีค่ามากมายกว่าเงินทองพวกนี้ซะอีก เจ้ายังกล้าคิดจะยกเลิกพันธะอีกงั้นรึ" "ถ้าการทำพันธะกับเจ้ามีค่ามากกว่าเงินทอง งั้นเจ้าก็เอาเงินทองที่ต้องจ่ายมาให้ข้าสิ ข้าต้องทำงานนะถึงจะมีเงินทองมาใช้ ไม่ใช่นอนเฉยๆ ก็มีคนเอาอาหารมาเลี้ยงเป็นพันปีเช่นเจ้า" "หน็อย เจ้าเด็กหน้าเหม็น ถ้าไม่ใช่ข้าเบื่อเพราะอยู่ที่นี่มาพันปี ข้าก็ไม่เลือกเจ้าหรอก ฮึได้ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้รู้สำนึกว่ามีข้าเป็นสัตว์เทวะในพันธะมันดีขนาดไหน เจ้าแก่ไปบอกนายของเจ้าสิว่าข้าจะออกไปจากที่นี่แล้ว ถ้านายของเจ้าต้องการให้เด็กหน้าเหม็นนี่จ่ายเงินให้ ข้าให้นายของเจ้าคิดเท่ากับราคาของสัตว์ขั้นเก้าแค่นั้น ไม่เช่นนั้นข้าจะถล่มที่นี่ให้ราบเลยคอยดู ไปรีบไปบอกนายของเจ้าตามนี้ ระหว่างนี้ข้าจะให้เจ้าเด็กนี่พาไปเปิดหูเปิดตารอ" ถงเมาหันไปสั่งเถ้าแก่ถงอย่างวางอำนาจ แต่สิ่งที่ข้าเห็นคือแมวตัวน้อยที่กำลังขู่ฟ่อ ข้าคงกำลังถูกวิญญาณทาสแมวเข้าสิงแล้ว หลังจากนั้นพี่ใหญ่จึงแจ้งแก่เถ้าแก่ถงว่าเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลซาน ถ้าเถ้าแก่ถงได้เรื่องอย่างไรให้ไปแจ้งที่เหลาอาหารได้เลย เพราะจะพาข้าไปรับอาหารรอ จึงเป็นสาเหตุที่ตอนนี้ข้ามานั่งมองนายท่านกินปลาอยู่นี่เอง หลังจากที่ถงเมาจัดการปลาตัวที่สามเรียบร้อย มันจึงละจากจานมานั่งเลียขนทำความสะอาดอยู่ตรงหน้าข้าตอนนี้ ข้าเห็นท่าทางของมันแล้วอยากจะจับมาฟัดเหลือเกิน แต่คงไม่ได้เพราะแค่ตอนนั่งรถม้ามา ข้าแค่ลูบหัวมันแค่นั้นก็ได้รับสายตาพิฆาตพร้อมกับฟ้อนเล็บใส่มาแล้ว "คารวะคุณชายใหญ่ซาน คุณหนูซานขอรับ" ข้านั่งรออยู่ชั่วยามเถ้าแก่ถงก็มาถึง "เชิญเถ้าแก่ถงรับน้ำชาก่อนขอรับ ต้องลำบากท่านแล้ว" พี่ใหญ่กล่าวตอบรับ "มิได้ขอรับ พวกท่านเป็นลูกค้าทางเราย่อมยินดีต้อนรับส่วนเรื่องของสัตว์เทวะตัวนี้นั้น ท่านประมุขยินดียกให้คุณหนูซานโดยไม่คิดเงิน ท่านประมุขกล่าวว่าถึงมันจะอยู่ในกรงก็ไม่ยินยอมให้ใครพบเห็น ในเมื่อคุณหนูซานสามารถมองเห็นและทำพันธะด้วยได้จึงขอมอบให้ ถือเป็นของขวัญย้อนหลังที่หายป่วยขอรับ" เถ้าแก่ถงกล่าว "จะดีหรือเจ้าคะ ถงเมาเป็นถึงสัตว์เทวะอย่างไรก็ย่อมมีราคาสูง เพียงแต่ราคาที่ตั้งไว้มันเกินจากจำนวนเงินที่ข้าตั้งเอาไว้มาก จึงได้กล่าวขอต่อรองไปแต่ถึงขนาดให้โดยไม่คิดเงิน ข้าก็เกรงว่าจะทำให้พวกท่านเดือดร้อนได้" ข้ากล่าวกับเถ้าแก่ถงด้วยความจริงใจ ข้าไม่ได้อยากได้โดยไม่เสียเงิน แค่อยากได้ราคาที่พอจ่ายไหวแค่นั้น "ท่านประมุขก็กล่าวว่าคุณหนูอาจจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าจะไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ท่านประมุขก็ยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่คิดรับเงิน แต่แรกที่รู้ว่ามันไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นก็คิดไว้แล้วว่าถ้าใครสามารถมองเห็นและทำพันธะได้ก็จะยกให้โดยไม่คิดเงินอยู่แล้วขอรับ" เถ้าแก่ถงกล่าว "เป็นเช่นนี้นี่เองถ้าอย่างนั้นรบกวนเถ้าแก่ถงกล่าวขอบคุณท่านประมุขแทนข้าด้วย ถ้ามีโอกาสข้าซานเฟิ่งมี่จะขอไปคารวะขอบคุณด้วยตนเองแน่นอน" เมื่อจัดการเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อย ข้าก็พานายท่านเข้าค่ายกลฝึกฝนอีกครั้ง อย่างน้อยทั้งข้าและนายท่านควรจะได้รู้ขอบเขตพลังของกันและกัน เอาละใกล้เวลาที่เราจะได้เจอกันแล้วซินะ 'ชงเหมยฮวา' *********
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม