คนที่บอกว่าสาวสวยผู้ซึ่งเป็นลูกน้องของตนเองไม่ได้จะจีบง่ายขนาดนั้นด้วยความมั่นใจ บัดนี้นั่งหน้าบึ้งขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน ดวงตาคมที่แฝงซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปมองหนุ่มสาวเบื้องหน้าที่กำลังนั่งพูดคุยและตักอาหารให้กันอย่างสนิทสนม
หัวใจแกร่งเต้นแรงด้วยความไม่พอใจจนต้องกำมือแน่นพยายามระงับอารมณ์อย่างเต็มที่ไม่ให้กระชากคนตัวบางออกมาจากเพื่อนรักของตน
ผู้หญิงเหลวแหลกสำส่อน อย่างไรก็ยังคงทิ้งสันดานเดิมไม่ได้สินะ เพื่อนเขามันทั้งหล่อทั้งรวย ก็คงคิดถึงว่าชนทัตจะเป็นเหยื่อรายใหม่ให้เธอถีบตัวเองออกมาจากชีวิตยากลำบาก แต่มันจะไม่ง่ายแบบนั้นแน่ เขานี่แหละจะขัดขวางให้ถึงที่สุด เรื่องอะไรจะให้เพื่อนรักกินน้ำใต้ศอกของตัวเองแถมยังรับเดนจากผู้ชายอีกไม่รู้ต่อกี่คน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คู่ควรกับใครเลยแม้แต่น้อย
และที่สำคัญที่สุดคือเขายังไม่ทันได้แก้แค้นให้เธอเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยได้รับเลย จึงไม่มีวันปล่อยเธอให้ออกไปจากชีวิตของเขาได้ง่าย ๆ แน่นอน
“พอแล้วค่ะพี่ทัต น้ำมนต์กินไม่หมด”
ปุณณิธิลอบเบะปากกับเสียงอ่อนเสียงหวานและแววตาใสซื่อของผู้หญิงร้ายลึก ที่แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผู้ชายหน้าไหนจะดูออกยกเว้นเขาซึ่งโดนเธอทำร้ายจนแทบเอาตัวและหัวใจไม่รอด
“เหลือก็ไม่เป็นไรครับ จริงสิก่อนหน้านี้น้ำมนต์ทำงานอะไรมาก่อนเหรอ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย ไม่เคยทำงานเกี่ยวกับกองถ่ายเลยใช่ไหม”
“ค่ะ น้ำมนต์เป็นช่างตัดชุดอยู่ที่ร้านของคุณบีค่ะ”
“เป็นช่างตัดชุดร้านคุณบีเหรอ แบบนี้น้ำมนต์ก็ต้องมีฝีมือมากแน่ ๆ แล้วทำไมถึงลาออกมาอยู่กับไอ้คุณชายผีเข้าผีออกเพื่อนพี่ล่ะครับ”
“พอดีน้ำมนต์เพิ่งออกจากร้านคุณบีค่ะ เลยลองมาสมัครงานกับคุณปุณณ์ดู”
“งานคนละแบบกันเลยนะครับ น้ำมนต์ไม่อยากกลับไปทำงานด้านเสื้อผ้าอีกรอบเหรอ”
“ก็อยากทำค่ะ น้ำมนต์ชอบแฟชั่น ชอบออกแบบเสื้อผ้า ชอบเวลาที่ได้ตัดชุดสวย ๆ ให้ลูกค้าใส่ในวันสำคัญที่สุด รู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในวันที่ลูกค้ามีความสุขที่สุด แต่สมัยนี้งานหายากกว่าที่คิดค่ะ ห้องเสื้อก็มีช่างเต็มกันหมดแล้ว”
“พี่หมายถึงเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองน่ะ”
ณกมลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่คือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตเพราะพ่อแม่เองก็มีกิจการเกี่ยวกับเสื้อผ้าและแฟชั่น แต่รู้ว่าหลังจากที่ชีวิตพลิกผันมันไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีกแล้วเธอก็ทิ้งความฝันนี้เพราะมันไกลเกินตัวไปเสียแล้ว
“มันเป็นความฝันของช่างตัดผ้าทุกคนอยู่แล้วค่ะ แต่มันไกลเกินไปสำหรับน้ำมนต์”
คนตัวบางยิ้มขื่น ด้วยนึกถึงอดีตของตนเองที่เคยมีเพียบพร้อมทุกอย่าง การสานต่อกิจการเสื้อผ้าและแฟชั่นของครอบครัวเป็นเรื่องง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก เพราะพ่อแม่ปูพรมแดงรอเธอเอาไว้ทุกอย่างแล้ว
“ถ้าน้ำมนต์ต้องการ พี่ช่วยได้นะ”
คนหล่อสายเปย์เสนอตัวช่วย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการเอาชนะใจสาว แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เขาถึงอยากช่วยเหลือเธอให้มีชีวิตดี ๆ ทั้งที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าเขาช่วยเธอจนประสบความสำเร็จแล้ว เธอจะตกลงปลงใจเป็นคนรักของเขาหรือเปล่า แต่นั่นมันคงไม่สำคัญเท่าเห็นเธอมีรอยยิ้มที่มีความสุขไปจนถึงดวงตา ไม่ใช่ยิ้มแค่ริมฝีปากเหมือนอย่างตอนนี้
“น้ำมนต์เป็นลูกน้องกู มึงจะยุยงให้ลูกน้องกูลาออกแบบนี้ไม่ได้”
“อย่ามาขัดขวางความเจริญของลูกน้องสิวะ”
“มึงไม่รู้อะไร หุบปากไปดีกว่าไอ้ทัต”
ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียดของปุณณิธิทำเอาชนทัตอดแปลกใจไม่ได้ ถึงเพื่อนรักจะเป็นคนขี้วีนเอาแต่ใจตัวเองและผีเข้าผีออก แต่ไม่เคยเห็นหมอนี่ไม่มีเหตุผลแบบนี้มาก่อน
“กูก็แค่อยากช่วยเหลือให้น้ำมนต์มีอนาคตที่ดี”
“อย่าเถียงกันเพราะน้ำมนต์เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่ทัตที่อยากช่วยเหลือน้ำมนต์ แต่น้ำมนต์ทำงานกับคุณปุณณ์ก็โอเคแล้วค่ะ”
เธอเหลือบมองปุณณิธิเล็กน้อย ก็เห็นว่าเขามองเธอด้วยสายตาวาววับอยู่ก่อนแล้ว ที่จริงเขาไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์เลยด้วยซ้ำ เพราะเธอติดหนี้เขามากมายมหาศาล จะเอาปัญญาที่ไหนไปตั้งตัวจนสามารถมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเองได้ เรื่องนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย แล้วเขาจะมาหงุดหงิดอะไร
“เห็นไหมลูกน้องกูบอกว่าโอเคที่จะอยู่แบบนี้ ต่อไปมึงไม่ต้องมาสะเหล่อแนะนำอีก”
“ไม่เป็นไร วันนี้น้ำมนต์ยังอยากทำงานแบบนี้อยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันหนึ่งอิ่มตัวกับงานที่นี่แล้ว อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็บอกพี่ พี่ช่วยเหลือน้ำมนต์ได้ทุกเรื่อง”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่น้ำมนต์คงรับความช่วยเหลือของพี่ทัตไม่ได้ เราเพิ่งรู้จักกันไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำแล้วน้ำมนต์ก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรไปวางค้ำประกันให้พี่ เพราะงั้นเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลยนะคะ”
ชนทัตยอมจบปัญหาด้วยการพยักหน้ารับแม้จะมีหลายอย่างอยู่ในใจที่อยากจะบอกเธอออกไป แต่ก็อย่างที่เธอพูดว่าวันนี้เขากับเธอเพิ่งรู้จักกันยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ ข้อมูลส่วนตัวของเธอเขาก็ยังไม่ได้รู้สักอย่าง แม้กระทั่งว่าเธอมีคนรักแล้วหรือยังเขาก็ยังไม่กล้าถาม เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันคงเร็วไปสำหรับเธอและเขาจริง ๆ
“อิ่มหรือยัง เราต้องไปกันแล้ว”
ปุณณิธิเร่งรัดเวลาเขาไม่อยากให้เพื่อนรักของตนเองอยู่ใกล้กับผู้หญิงเหลวแหลกมากไปกว่านี้
“ไปไหนวะ มึงไม่ได้มีงานต่อไม่ใช่เหรอวันนี้”
“แล้วมึงจะให้กูนั่งอยู่เฉย ๆ เพื่ออะไร”
“ไม่ใช่มึง แต่เป็นน้ำมนต์ต่างหาก ถ้าไม่มีที่ไหนจะไป นั่งให้กำลังใจพี่หน่อยสิครับ”
“เอ่อ...คือน้ำมนต์”
“กูกับน้ำมนต์ต้องไปซื้อเสื้อผ้า อยากมีคนนั่งให้กำลังใจนักก็หาผู้ช่วยของตัวเองสักคนสิวะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับผู้ช่วยของคนอื่น”
“ไหนว่าน้ำมนต์ไม่ใช่เด็กของมึงไง ทำไมถึงหวงนัก”
“กูไม่ได้หวง อย่าเข้าใจผิด กูแค่มีธุระที่ต้องไปทำ”
“เอางี้ไหมไอ้ปุณณ์ กูหาผู้ช่วยคนใหม่ให้มึง ส่วนน้ำมนต์ก็ให้มาทำงานกับกูแทน โอเคไหม”
“มึงนี่ท่าจะบ้า อย่ามาไร้สาระไอ้ทัต กูไม่เอา ไปน้ำมนต์ ไปรอฉันที่รถ”
เขาไล่ผู้ช่วยสาวสวยมากเสน่ห์ที่ทำเอาเพื่อนรักของตนตกหลุมพรางทันทีตั้งแต่เจอหน้า ก่อนจะย้ำกับเพื่อนรักอีกครั้ง
“มึงหาผู้หญิงคนใหม่เถอะ กูขอเตือนว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้”
“มึงรู้อะไรก็บอกกูมาสิวะ กูจะได้เลิกยุ่งกับน้ำมนต์”
“มึงชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอสาว ๆ ของมึงก็สวยทั้งนั้นบางคนสวยกว่านี้อีกด้วยซ้ำ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จำเป็นเลย”
“กูไม่รู้ว่ะว่าทำไมกูถึงชอบน้ำมนต์ขนาดนี้”
“กูเตือนมึงแล้วนะ ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะเอามาทำแม่ของลูกได้ ถ้ามึงคิดจะจริงจัง มึงคิดผิดแล้ว”
“ทำอย่างกับว่าถ้ากูไม่จริงจังแล้วมึงจะให้กูยุ่งกับน้ำมนต์อย่างนั้นแหละ ถ้ากูจะฟันเล่น ๆ มึงยกให้กูได้ไหมล่ะ”
ปุณณิธิถึงกับอึ้งเมื่อเจอคำถามของเพื่อนรัก ไม่ว่าจะจริงจังหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถยกผู้หญิงคนนี้ให้ใครได้ ไม่ใช่ว่าเขาพิศวาสอะไรในตัวเธอหรอกนะ แต่เพราะเขายังไม่ทันได้แก้แค้นต่างหากล่ะ
“ไม่ได้ มึงอย่ารู้เลยว่าเพราะอะไร อยู่ห่างจากผู้หญิงคนนี้เอาไว้ กูเตือนได้แค่นี้”
พระเอกหนุ่มเดินออกจากห้องอาหารไปแล้ว ชลลดาที่แอบฟังอยู่นานก็เดินเข้ามาหาชนทัต
“พี่ทัตชอบผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ”
“ครับ”
“ท่าทางพี่ปุณณ์หวงน่าดู”
“นั่นสิ ทั้ง ๆ ที่มันบอกว่าไม่ใช่เด็กมันนะ”
“เชื่อได้เหรอคะ”
“เชื่อได้ ไอ้ปุณณ์ไม่เคยโกหกพี่ อีกอย่างไม่มีเหตุผลที่มันจะมาโกหกพี่เรื่องนี้”
ชนทัตก็เชื่อใจว่าเพื่อนรักไม่โกหกตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่พูดความจริงหากผู้หญิงคนนั้นคือคู่นอนอีกคนของหมอนั่น ด้วยตลอดเวลาสิบปีที่คบกันมา ทั้งคู่ใช้ชีวิตวัยหนุ่มอย่างโลดโผน สลับคู่นอนหรือเปลี่ยนผู้หญิงกันใช้ก็เคยมาแล้ว ไม่ได้มีอะไรปิดบังกันทั้งนั้น
“งั้นถ้าพี่ทัตชอบยัยน้ำมนต์นั่นจริง ๆ ชลลี่จะช่วยให้สมหวังเอง”
ชนทัตหรี่ตามองนางเอกสาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่มีน้ำใจช่วยเหลือเขาเป็นเพราะอะไร
“ช่วยให้พี่จีบน้ำมนต์ติด ก็ไม่ได้แปลว่าชลลี่จะได้เป็นแฟนกับไอ้ปุณณ์หรอกนะ”
“ชลลี่รู้ค่ะ แต่ชลลี่แค่ไม่ค่อยชอบใจที่รอบตัวพี่ปุณณ์มีผู้หญิงสวย ๆ มาอยู่ใกล้”
“เรื่องนั้นมันจะห้ามได้ยังไง ก็ไอ้ปุณณ์ทำงานแบบนี้ อีกอย่างน้ำมนต์กับไอ้ปุณณ์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”
“นั่นแหละค่ะ ถ้าพี่จีบผู้หญิงคนนั้นติด ก็ช่วยเอาผู้หญิงคนนั้นออกไปไกล ๆ จากพี่ปุณณ์ทีนะคะ”
“ถ้าพี่จีบน้ำมนต์ติด จะเอามาเป็นผู้ช่วยของตัวเอง”
“งั้นชลลี่จะช่วยเชียร์พี่ให้นะคะ”
เมื่อสรุปความเสร็จสรรพก็เดินนวยนาดออกจากห้องอาหารไปด้วยความสบายใจ รู้สึกว่าขวากหนามที่ขวางอยู่ข้างหน้ามันช่างเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเจอทางออก