ตอนที่ 1 คนที่ไม่คิดว่าจะเจอ
“ปุณณ์ วันนี้ไม่มีถ่ายละครเหรอ ไปรับชุดที่ห้องเสื้อคุณบีให้พี่หน่อยสิ พี่กับกวินต้องไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด พี่เจนเขาเร่งถ่ายฉากที่มีกวินให้เยอะ ๆ จะได้จบเร็ว ๆ”
ปุณณดา อธิพัฒน์โภคิน ผู้จัดละครมือทอง ว่าที่คุณแม่คนสวยตื่นสายกว่าปกติ ทั้งที่มีธุระต้องไปออกกองถึงต่างจังหวัด เมื่อเห็นน้องชายกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่จึงเดินตรงดิ่งเข้ามาหาทันที
ปุณณิธิ อธิพัฒน์โภคิน พระเอกละครชื่อดังวัยสามสิบเอ็ดปี น้องชายคนรองของปุณณดา ซึ่งอายุห่างกันเพียงปีเดียวเท่านั้น วันนี้เขาไม่ได้มีงานที่ไหน จึงถูกพี่สาวที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่วันนี้ใช้ให้ไปรับชุดแต่งงานที่ห้องเสื้ออันดับหนึ่งของประเทศ
“ได้ครับ มีอะไรอย่างอื่นให้ผมไปทำแทนอีกหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะ วันนี้ผมว่างทั้งวัน”
คนหล่อในชุดอยู่กับบ้านแบบสบาย ๆ ผมรองทรงสั้นปรกหน้าผากเพราะไม่ได้มีการเซตแต่อย่างใด ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวใสแลดูเด็กลงไปอีกหลายปี และใบหน้าขาว ๆ ใส ๆ แต่ดวงตาคมกริบมีเสน่ห์ล้ำลึกที่อ่านความหมายยากคู่นั้น เป็นสิ่งที่ตกสาว ๆ ให้เข้ามาสยบแทบเท้าเสียครึ่งค่อนประเทศ
“ขอบใจมากนะ มีแค่นี้แหละ อย่างอื่นออแกไนซ์จัดการให้หมดแล้ว พี่ไปนะ รีบ”
เธอลุกขึ้นยืนแต่มือยังจิ้มไข่ดาวเข้าปาก เคี้ยวตุ้ย ๆ ก่อนจะกินไส้กรอกที่เหลืออีกหนึ่งชิ้นจนหมดแล้วคว้ากระเป๋าเดินเร็ว ๆ ออกจากบ้าน
“เดี๋ยวแป้ง เดินช้า ๆ”
มารดาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวร้องเรียกลูกสาวเสียงหลง รู้ว่ารีบแต่ชอบทำอะไรรวดเร็วจนลืมไปว่าตัวเองท้อง เลยโดนเอ็ดเป็นประจำ
“ขอโทษค่ะแม่ แป้งลืม พอดีแป้งรีบค่ะ ตื่นสาย”
เหตุที่เธอมักจะลืมว่าเธอเป็นคนท้อง เพราะเธอไม่ได้มีอาการแพ้ท้องสักนิด นอกจากนอนขี้เซาหนักกว่าเดิมจนตื่นสายบ่อย ๆ ก็เท่านั้น
“ช้านิดหน่อยจะเป็นไรไปลูก ต้อยติ่งก็อยู่ แป้งต้องทำใจเย็น ๆ เดินช้า ๆ ทำอะไรช้า ๆ กินช้า ๆ เข้าใจไหม”
“ค่ะแม่ แป้งจะตั้งสตินะคะ ไปก่อนนะคะแม่”
“เดี๋ยวลูก แม่ห่อข้าวกับผลไม้ไปให้แป้งไว้กินระหว่างทาง คนท้องห้ามขาดวิตามิน ช่วงนี้แป้งหิวบ่อยด้วย”
“ขอบคุณมากค่ะแม่”
กว่าที่จะอาบน้ำและออกจากบ้านมาได้ก็ใกล้เวลาเที่ยงพอดี ปุณณิธิ พระเอกหนุ่มรูปหล่อเปิดประตูเข้าไปในห้องเสื้อชื่อดังที่ตัดชุดแต่งงานและชุดราตรีได้ประณีตสวยงามจนเป็นที่เลื่องลือ
“สวัสดีค่ะ”
พนักงานสาวที่กำลังจะออกไปพักกินข้าว กุลีกุจอเดินมาต้อนรับดาราดัง จ้องมองแต่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขาจนตาไม่กะพริบ
“ สวัสดีครับ คุณบีอยู่ไหมครับ ผมมารับชุดให้พี่สาว”
“วันนี้คุณบีไม่อยู่ค่ะ พาทีมช่างไปออกงาน Wedding Fair แต่ชุดของคุณแป้ง ช่างที่เป็นคนตัดชุดเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานสาวคนเดิมผายมือเชิญดาราหนุ่มเข้าไปในโซนด้านในของร้านที่ยังคงคอนเซปต์หรูหราอลังการสมกับรสนิยมของเจ้าของ
“น้ำมนต์ ลูกค้ามารับชุดแล้วจ้ะ”
“รอสักครู่ค่ะ ขอเก็บตรงนี้นิดเดียวค่ะ”
พนักงานสาวที่พามาค้อมศีรษะให้ชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวออกไปพักกินข้าวตามคิวที่ได้ตกลงกันเอาไว้กับช่างตัดเสื้อที่เหลืออยู่ในร้านแค่เพียงคนเดียว
ดาราหนุ่มมองแผ่นหลังของหญิงสาวเรือนร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังสาละวนกับการปักดอกไม้ลงบนส่วนหน้าอกชุดราตรียาวที่สวมอยู่ในหุ่น
ดวงตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่ศีรษะทุย ผมยาวถึงกลางแผ่นหลังสีน้ำตาลอ่อน เอวบางคอดกิ่วภายใต้เสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัวสีขาว สะโพกผายสวย บั้นท้ายกลมมนรับกับเรียวขายาวไร้ไขมันส่วนเกินภายใต้กางเกงยีนรัดรูป ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แบบนี้อยู่นานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เสร็จแล้วค่ะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
เธอตัดด้ายแล้วปักเข็มลงบนตัวหุ่น ก่อนจะหันมาหาลูกค้าสาวสวยที่มาวัดตัวตัดชุดแต่งงานกับเธอไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน แต่กลับต้องชะงัก เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้วนเวียนกลับมาเจอกันอีกแล้วในชาตินี้
ไม่ต่างจากเขาที่ก่อนหน้านี้ลุ้นอยู่ว่าสาวหุ่นบอบบางแต่เย้ายวนตรงหน้า หันมาแล้วจะหน้าตาสวยงามสมกับรูปร่างของเธอหรือไม่ ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะกัดกรามแน่น จ้องผู้หญิงที่ไม่อยากจะพบเจออีกตลอดชีวิตด้วยความเกลียดชัง
“เอ่อ คุณ..เหรอคะที่มารับชุดของคุณแป้ง”
“ใช่ เธอเป็นช่างตัดชุดให้พี่สาวฉันเหรอ”
ณกมลรู้ว่าว่าที่เจ้าสาวซึ่งเลือกแบบชุดแต่งงานที่เธอเป็นคนออกแบบด้วยตัวเองคือพี่สาวของเขา แต่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพบเจอกับเขาอีก เพราะตามปกติแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะมารับชุดแต่งงานด้วยตัวเอง เพื่อลองให้พอดีกับตัวรอบแล้วรอบเล่า
“ค่ะ สักครู่นะคะ”
เธอเดินไปเปิดตู้เก็บชุดที่รอลูกค้ามารับ ซึ่งดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังยังคงมองตามเธอไปไม่ละสายตา
สิบปีแล้วสินะ ที่เธอทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อแม่เลือกให้ ผู้ชายที่รวยหนักหนามากกว่าเขาที่เป็นแค่รุ่นพี่นักศึกษาซึ่งแม้จะมาจากครอบครัวร่ำรวย แต่ก็ยังคงต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ ไม่เหมือนผู้ชายคนนั้นผู้เป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่โตอย่างที่เธออ้าง
“ได้แล้วค่ะ ถ้ามีแก้ตรงไหน ก็มาที่ร้านได้เลยนะคะ”
เขารับชุดแต่งงานมาจากมือเธอ แต่กลับไม่ยอมขยับตัวไปไหน แววตาชิงชังเย้ยหยันยังคงส่งมาให้เธอตลอดเวลาจนคนตัวบางอึดอัด
“ไหนว่าได้ผัวรวย ทำไมมาเป็นช่างตัดชุดต๊อกต๋อยอยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่าโดนผัวรวยมันเขี่ยทิ้ง”
มุมปากหยักเหยียดยิ้มหยัน ตั้งใจพูดดูถูก แม้จะรู้ว่าการได้เป็นช่างตัดชุดในร้านไฮโซที่เน้นงานมีคุณภาพ สวยงาม หรูหราสมราคา ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเองก็ต้องมีฝีมือมากพอตัว แม้จะยังไม่ทันได้จบปริญญาด้านแฟชั่นดีไซน์เพราะลาออกไปแต่งงานตั้งแต่ปลายเทอมชั้นปีที่สาม
เธอไม่ตอบ แต่กลับมองเขาด้วยแววตาลุแก่โทษ เมื่อต้องนึกถึงเรื่องราวความเจ็บปวดที่แม้จะผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ความรู้สึกนั้นมันยังฝังแน่นอยู่ในใจ
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีงานค้างค่ะ”
“ที่นี่ต้อนรับลูกค้าแบบนี้เหรอ”
เธอที่หันหลังเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จ ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง รู้อยู่หรอก ว่าเขาทั้งเกลียดทั้งโกรธเธอ แต่เรื่องมันผ่านมานานนับสิบปี เลยไม่คิดว่าเขาจะยังผูกใจเจ็บกับเธอเช่นนี้ ทั้งที่ดาราดังอย่างเขามีข่าวควงผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน
“คุณมีอะไรอีกหรือคะ ฉันส่งชุดให้คุณแล้ว”
“ฉันจะตัดสูท”
“ตอนนี้คิวงานของฉันแน่นมากค่ะ ตัดให้คุณไม่ทันใช้วันงานแต่งของคุณแป้งแน่ ๆ ขอโทษด้วยนะคะ ช่างคนอื่นก็ไปงานกับคุณบีหลายวันค่ะ”
“ฉันไม่รีบ ชุดวันงานพี่แป้งฉันมีแล้ว นี่จะตัดไว้เฉย ๆ”
เธอยังยืนนิ่ง มองเขาอย่างไม่เข้าใจในเจตนา ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แววตาก็บ่งบอกว่าเกลียดชังเธอจนแทบไม่อยากจะหายใจร่วม แต่ทำไมถึงจะมาตัดสูทกับเธอ ทั้งที่ปกติแล้ว ผู้ชายมักซื้อสูทสำเร็จแบรนด์เนมชื่อดังมากกว่า
“ทำไม แค่สูทก็ไม่มีปัญญาตัดเหรอ”
“มีค่ะ”
“มีก็มาวัดตัวสิ จะมโนกะขนาดเอาเองจากที่เคยกอดฉันคงไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว”
ใช่ เขาเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนทุกอย่าง ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะยังคงหล่อเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะออร่าดาราดังมันจับ เรือนกายที่สูงใหญ่ ไม่ได้ผอมเพรียวมีกล้ามเล็กน้อยเหมือนตอนสมัยเรียน ดวงตาคู่คมแสนมีเสน่ห์ที่เคยทอดมองเธออย่างหลงใหล ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใด ความอบอุ่นอ่อนโยนที่เคยมอบให้ ตอนนี้มีเพียงท่าทีห่างเหินถือตัว ราวกับเธอคือสิ่งสกปรกที่น่ารังเกียจ
“ค่ะ ขออนุญาตนะคะ”
เธอหยิบสมุดคู่ใจกับสายวัด มาวัดตัวให้เขาอย่างคล่องแคล่ว จดสัดส่วนของลำคอและแขนเสื้อลงสมุด ก่อนหันมาอีกที คนตัวโตก็กางแขนออกให้เธอวัดรอบอก
คนตัวบางสูดหายใจเข้าลึกๆ โอบแขนทั้งสองข้างไปที่แผ่นหลังเพื่อดึงสายวัดทำให้ตัวเธอขยับใกล้เขาจนหน้าอกอวบอิ่มเกินตัวห่างจากหน้าอกหนั่นแน่นของเขาไม่ถึงคืบ
ความใกล้ชิดทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากตัวเธอ เป็นกลิ่นของโลชั่นทาผิวที่เธอชอบใช้ผสมกับกลิ่นเนื้อตัวของเธอที่มันผสมผสานกันราวกับกลิ่นฟีโรโมนเรียกแมลงตัวผู้
ปุณณิธิกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามควบคุมจังหวะการหายใจให้ช้ากว่าจังหวะระรัวของหัวใจดวงโตที่ห้ามไม่ได้
ไม่ต่างอะไรจากคนตัวบาง เพราะหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นกระหน่ำคร่อมจังหวะกับการใกล้ชิดผู้ชายที่ยังคงอยู่ในหัวใจอีกครั้ง กลิ่นน้ำหอมราคาแพงในตัวเขายิ่งทำให้เธออดหวนคิดถึงคืนวันแห่งความสุขไม่ได้
กว่าที่เธอจะวัดตัวเขาเสร็จ ดาราหนุ่มก็กัดกรามข่มจังหวะเต้นของหัวใจจนเหนื่อย
“เชิญคุณเลือกแบบ เนื้อผ้าและสีได้เลยนะคะ”
“ไม่ละ อยากตัดสีอะไร แบบไหน ก็ตัดมา แต่ถ้าฉันไม่ถูกใจคงได้แก้กันอีกยาว เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบอะไรง่าย ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณควรเลือกแบบและสีที่ถูกใจนะคะ เพราะฉันไม่สามารถเดาได้หรอกค่ะ ว่าคุณจะชอบแบบไหน ถ้าเลือกให้แล้วไม่ถูกใจ จะเสียเวลาของคุณเปล่าๆ นะคะ”
“แต่เธอเคยรู้นี่ ว่าฉันชอบอะไร แบบไหน อ้อ ลืมไป เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้ชอบอะไรเหมือนเดิมแล้ว เมื่อก่อนหลงผิดชอบของเน่าเหม็นตั้งนาน แต่ฉันยืนยันคำเดิม จะตัดอะไรก็ตัดมา หรือเรื่องแค่นี้ช่างตัดชุดร้านดัง ไม่มีปัญญาคิดเอง”
“ค่ะ ได้ค่ะ นัดลองชุดรอบแรกเป็นวันที่ 30 เดือนหน้านะคะ”
“เอาเบอร์โทรเธอมา”
“คุณโทรมาเบอร์ร้านได้ค่ะ ฉันไม่เคยทำงานลูกค้าไม่ทัน ยังไงวันที่ 30 คุณได้ลองชุดรอบแรกแน่นอนค่ะ”
“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าฉันพิศวาสอยากได้เบอร์เธอ ฉันไม่ชอบเสียเวลาโทรมาแล้วต้องรอสายวุ่นวาย ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้น”
“สักครู่ค่ะ”
เธอถอนหายใจยาว ก่อนจะจดเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวให้กับเขาไป เมื่อเขาได้กระดาษแผ่นนั้น ก็หันหลังเดินออกจากร้านทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผู้หญิงที่มองตามแผ่นหลังแกร่งจนลับสายตาไป..ผ่านม่านน้ำตา อีกเลย