ตอนที่ 16 ไม่มีสถานะ

1769 คำ
ผู้จัดการส่วนตัวร่างอวบดึงแขนดาราสาวในสังกัดให้เดินตามเข้ามาในห้องแต่งตัว ซึ่งห้องนี้ไม่มีใครเข้ามาใช้เพราะจัดไว้ให้นางเอกสาวโดยเฉพาะ “โอ๊ย พี่หมี่หวาน อะไรเนี่ย ลากชลลี่ออกมาทำไม ชลลี่กำลังคุยกับพี่ปุณณ์อยู่นะ สายก็สายสิ พี่ปุณณ์ยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลย” ชลลดาสะบัดมือของผู้จัดการส่วนตัวทิ้ง กำลังจะกลับไปหาเขาอีกครั้งก็โดนรั้งข้อมือเอาไว้เสียก่อน “หยุด ตั้งสติชลลี่ ที่พี่ลากเธอออกมาเพราะเธอกำลังจะทำเสียเรื่อง” “เสียเรื่องอะไรคะ ชลลี่แค่ถามพี่ปุณณ์เรื่องผู้หญิงคนนั้น พี่หมี่หวานก็เห็นว่ามันสวย” “เธอเป็นอะไรกับเขาชลลี่ พี่ขอถามแค่นี้” “ชลลี่เป็นเมียพี่ปุณณ์ เรามีอะไรกันแล้ว” “อันนั้นพี่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือเขาบอกเธอว่าอย่างนั้นเหรอ เขาบอกว่าเธอเป็นเมียเขาหรือไง ปุณณ์เนี่ยนะ” “เอ่อ ก็ไม่ใช่ค่ะ ที่จริงเราไม่มีสถานะ” “ว่าแล้ว เขาไม่ให้สถานะ แต่เธอก็ยังไปนอนกับเขา ทำไมไม่เล่นตัวสักหน่อยฮะ อย่างนี้ให้ตายเธอก็ไม่มีวันมีสถานะหรอก” คำพูดแทงใจดำของผู้จัดการส่วนตัวทำเอาดาราสาวออกอาการไม่พอใจ “พ่อชลลี่ไม่ยอมแน่” “ย่ะ พ่อชลลี่ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาฟันลูกสาวแล้วทิ้งหรอก ถ้าลูกสาวของท่านไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นผู้หญิงไม่มีสถานะเอง แบบนี้จะไปเรียกร้องกับใคร” “พี่หมี่หวาน...” “หยุด หยุดโวยวายก่อนที่ใครจะมาได้ยิน ภาพลักษณ์ที่สร้างมาหมดกัน” ดาราสาวยอมหยุดเพื่อตั้งสติ เธอหอบหายใจแรง ๆ หลายครั้ง รู้ดีว่าที่ทำลงไปมันไม่ควรเลย และเธอจะหลุดการควบคุมตัวเองเพียงเพราะหึงหวงและกังวลว่าเขาจะมีคนอื่นไม่ได้ คนอย่างเขาไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยวิธีนี้จริง ๆ นั่นแหละ “ขอโทษค่ะพี่หมี่หวาน ชลลี่สติแตกไปหน่อย” “ชลลี่ พี่เคยเตือนเธอแล้วนะว่าปุณณ์น่ะเขาไม่ใช่หมูในอวย ตั้งแต่เข้าวงการมาสิบปี มีข่าวกับดารามาตั้งหลายคน ที่ว่าแข็ง ๆ ไม่มีใครเอาเขาลงเลยสักคน” “แต่พ่อชลลี่เป็นถึงรัฐมนตรีนะคะ พี่ปุณณ์ก็ต้องเกรงใจมากกว่าผู้หญิงคนอื่น” “ถ้าเขาเกรงใจ เขาไม่ลากเธอไปนอนด้วยแต่แรกหรอก เรื่องแบบนี้มันมาจากความพึงพอใจกันของคนสองคนนะ แค่นอนด้วยกันแต่ไม่มีสถานะ มันเรียกร้องความรับผิดชอบไม่ได้หรอก ถ้าเขาไม่ทำเธอท้อง” “ท้องเหรอคะ” ชลลดาทวนคำพูดพร้อมนิ่งไปด้วยอยู่ในภวังค์ความคิด แม้จะอยากได้เขามาครอบครองแค่ไหน แต่เธอเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตอิสระให้คุ้ม ถ้าเธอต้องกลายเป็นแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยคงไม่ใช่เรื่องสนุก เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วกัน “อะไร ชลลี่ นิ่งไปทำไม มีอะไร หรือปุณณ์เขาไม่ป้องกัน” “ไม่ใช่ค่ะ พี่ปุณณ์ป้องกัน ป้องกันดีเกินไปด้วยซ้ำ” “ไม่เอานะชลลี่ เธออย่าคิดอะไรบ้า ๆ ถ้าเขาไม่รัก ต่อให้ทำเธอท้อง เขาอาจจะรับผิดชอบแค่ลูกก็ได้” “พ่อชลลี่ไม่มีทางยอม” “ถ้าแต่งงานก็อาจจะแค่รักษาหน้าให้เธอกับครอบครัว อีกสักปีสองปีก็หย่า แล้วมาแถลงข่าวว่าเข้ากันไม่ได้เหมือนดาราคู่อื่น แบบนี้เธอว่ามันคุ้มไหมที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เป็นแม่ตั้งแต่ยังสาว ตัดโอกาสที่จะมีผู้ชายดี ๆ เข้ามาในชีวิต พอมีลูกแล้วก็ไม่ได้เป็นนางเอกอีก ที่เธอพยายามทำมาทุกอย่างมันจะสูญเปล่า เธอเข้าใจที่พี่พูดไหมเนี่ย” “เข้าใจค่ะ ชลลี่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” “ต้องห่วงสิ เธอยังเด็ก เจอผู้ชายมาน้อย เพิ่งเข้าวงการอีกต่างหาก เธอยังต้องเจออะไรอีกเยอะแยะ อย่าตัดอนาคตตัวเองเพราะผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเด็ดขาด พี่ขอเตือนด้วยความหวังดี” หมี่หวานเตือนสติด้วยความหวังดีจากใจจริง ไม่ใช่เพราะกลัวว่าถ้าดาราสาวต้องออกจากวงการไปแล้วเธอจะขาดรายได้ ผู้จัดการส่วนตัวที่จับใครมาปั้นก็ดังเปรี้ยงอย่างเธอมีดาราในสังกัดนับสิบ แต่ละคนทำเงินให้เธอมหาศาล ขาดชลลดาไปเพียงคนเดียวไม่ทำให้เธอสะเทือน “พี่น้ำมนต์ไปเจอพี่ปุณณ์ได้ยังไงคะ หรือสมัครงานทางพี่อ้อย เห็นตอนนั้นพี่อ้อยหาคนจนหัวหมุน คลอดก็จะคลอด พี่ปุณณ์ก็เรื่องมาก ไม่เอาใครสักคน” ประโยคหลังหนูนาป้องปากกระซิบกระซาบ ด้วยกลัวว่าใครจะคาบข่าวไปฟ้องดาราหนุ่มที่หล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้น แต่เรื่องมากที่สุด บางครั้งก็อารมณ์ดีคุยเล่นสนุกสนาน บางครั้งก็ขี้วีน ผีเข้าผีออก เอาใจไม่ค่อยถูก มีแค่น้ำอ้อยและมะขวิดเท่านั้นที่เอาผู้ชายคนนี้อยู่หมัด “พอดีพี่เจอคุณปุณณ์ที่ร้านตัดเสื้อ รู้ว่าหาคนมาทำงาน พี่ก็กำลังจะลาออกพอดี เลยขอมาทำด้วย” ณกมลแต่งเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ จะให้เธอบอกได้อย่างไรว่าเธอกับเขาเคยเป็นอะไรกัน แถมยังต้องมาทำงานกับเขาด้วยเรื่องหนี้สินทั้งที่เขาเกลียดเธอจะตาย “ทำไมพี่ไม่มาสมัครเป็นสไตล์สิสต์หรือคอสตูมล่ะคะ น่าจะตรงกับที่พี่เคยทำมากกว่า ถึงจะเงินน้อยกว่า แต่ก็ทำงานจบแค่เวลากองถ่าย บอกตรง ๆ ว่าเป็นผู้ช่วยพี่ปุณณ์มันไม่ง่ายหรอกนะคะ เห็นแกหล่อ ๆ แบบนั้น ทั้งเรื่องมาก ขี้บ่น ขี้วีน บางทีก็อารมณ์ดีจนทุกคนแปลกใจ บางทีก็หน้าหงิกหน้างอเหมือนคนประจำเดือนมาไม่ปกติ” “ยัยหนูนา น้อย ๆ หน่อย ไปว่าพี่ปุณณ์แบบนั้นได้ไง มันไม่ถูกต้อง ที่ถูกคือพี่แกเป็นดาราที่ทำงานด้วยลำบากที่สุดที่หนูเคยเจอมาเลย เดี๋ยวพี่อยู่ ๆ ไปก็รู้เอง” ปาร์ตี้ปรามหนูนา แต่แทนที่จะแก้ตัวให้ดาราหนุ่มกลับช่วยผสมโรงจนภาพลักษณ์เสียหายหมด แต่ก็เป็นไปตามข่าวที่เธอเคยได้เห็นตามสื่อต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ที่เขายังเป็นพระเอกขายดีเพราะเขาหล่อ รวย เส้นใหญ่ แถมยังแสดงละครเข้าถึงทุกบทบาท และเมื่ออยู่หน้ากล้องไม่ว่าเขาจะสวมบทบาทเป็นอะไรก็มีเสน่ห์น่าดึงดูดจนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย ไม่นานสามสาวก็กลับมาพร้อมน้ำแร่และกาแฟแก้วโปรด ปาร์ตี้กับหนูนาแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในขณะที่ณกมลก็นำกาแฟมายื่นให้กับเจ้านาย “อเมริกาโนเย็นได้แล้วค่ะ” ปุณณิธิเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือในขณะที่กำลังทำผม เขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับว่าเบื่อหน่ายเธอเสียเต็มประดา “ไม่เห็นหรือไงว่ามือฉันไม่ว่าง” “คะ” เธอร้องถามหน้าตาเหลอหลา แค่เขาวางโทรศัพท์มือถือลงบนตัก ก็สามารถรับแก้วกาแฟจากมือเธอได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร เจ้านายคือพระเจ้า แม้จะเอาใจยากแค่ไหนแต่ก็ต้องทำ “ป้อนสิ” “คะ” เธอหูฝาดไปหรือเปล่า ที่ได้ยินเขาบอกให้ป้อน ทั้งที่แค่รับกาแฟแก้วนั้นไปก็สามารถยกขึ้นดื่มได้ด้วยตัวเอง หรือเพราะเขาตั้งใจแกล้งให้เธอทำงานมากกว่าที่จำเป็นกันแน่ “บอกให้ป้อน หูแตกหรือไง” ณกมลสบตากับช่างแต่งหน้าของเขาที่กำลังทำผม ก็ได้รับรอยยิ้มแหยกลับมาราวกับกำลังให้กำลังใจเธอ จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยื่นแก้วอเมริกาโนเย็นแก้วโปรดไปหาเขาช้า ๆ “รสชาติไม่ได้เรื่อง เธอสั่งว่ายังไงเนี่ย” คนเรื่องมากดูดกาแฟเย็นในแก้วไปแค่อึกเดียวก็ดันแก้วนั้นออกห่างตัว ทำหน้าทำตาราวกับกำลังกินยาขม ทั้งที่เธอก็สั่งตามที่ผู้จัดการส่วนตัวของเขาส่งไลน์มาบอก “ก็อเมริกาโนเย็นหวานน้อยไงคะ” “ไม่น่าใช่ มันหวานจนบาดคอ เธอสั่งผิดแล้วมาโมเมหรือเปล่า” “ไม่นะคะ ฉันสั่งว่าหวานน้อยจริง ๆ ค่ะ” “ไหนล่ะ หลักฐาน” จะบ้าหรือ เธอจะไปเอาหลักฐานที่ไหนมาให้เขา ใบเสร็จก็ดันทิ้งไปแล้วด้วยนี่สิ “เอ่อ คือ...” “ไม่ต้องมาเถียง ถ้าไม่เชื่อก็ชิมว่ามันหวานบาดคอแค่ไหน” เขาคว้าแก้วนั้นมาจากมือเธอแล้วยื่นแก้วไปจนถึงปาก เธอไม่มีทางเลือกจึงจำต้องดูดกาแฟด้วยหลอดเดียวกันกับเขา ก่อนจะทำหน้าตาราวกับกินยาขมของจริงเพราะเธอไม่กินกาแฟ อเมริกาโนหวานน้อยจึงขมราวกับบอระเพ็ด ใบหน้าเหยเกของผู้ช่วยสาวทำเอาดาราหนุ่มแค่นยิ้มขำ เขาตั้งใจแกล้งเธอเองนั่นแหละ กาแฟแก้วนี้ก็รสชาติเหมือนเดิม เหมือนทุกทีที่เคยสั่ง “ไง ขมไหม” “ขมสิคะ” เสียงหัวเราะขำเบา ๆ ในลำคอด้วยความชอบใจ ก่อนเขาจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาดูดโดยใช้หลอดเดียวกันกับเธอ ทำเอาช่างแต่งหน้าและทุกคนที่อยู่ในห้องนี้เบิกตากว้าง มองหน้ากันเหลอหลาด้วยความแปลกใจที่คนอย่างคุณชายปุณณิธิใช้หลอดเดียวกันกับคนอื่น เขาดูดกาแฟเย็นในแก้วไปหลายอึกด้วยความลืมตัว ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นทุกคนในห้องที่ทำหน้าราวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงได้สติรู้ตัวว่าเขากำลังใช้หลอดเดียวกันกับเธอราวกับจูบทางอ้อมซึ่งผิดวิสัยของเขา จึงกระแอมแก้เก้อแล้วแกล้งโวยวายอีกครั้ง “ก็ขมไง เพราะเธอสั่งผิด ไปสั่งมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย เร็ว ๆ ด้วย ก่อนที่ฉันจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม