บทที่ 16 การหลบหนีที่มีค่าตอบแทนสูงค่า (1)

1677 คำ
...ฮาดชิ้ว!...ฮาดชิ้ว...ฮาดชิ้ว... คนที่ถูกขู่อาฆาตฝากมากับสายลมเช่นหวังลี่จูนั้นจามออกมาสามครั้งติดกันจนจมูกแดงก่ำ หญิงสาวมองผ่านเปลวแดดร้อนแรงยามบ่ายที่เต้นระยิบระยับเป็นสาย กับดินสีแดงส้มบนถนนที่ล้อเกวียนบดเบียดจนเกิดฝุ่นควันลอยคละคลุ้งจนถึงยอดหญ้าทั้งสองฝั่งให้กลายเป็นสีส้มไปด้วย แสดงว่าถนนเส้นนี้คงเป็นเส้นหลักที่ชาวเมืองและต่างเมืองใช้เป็นประจำ เลยทำให้หวังลี่จูคิดเอาเองว่าตนเองคงถูกฝุ่นเหล่านั้นเล่นงานจนถึงขั้นจามออกมาเสียงสนั่นติดกันถึงสามครั้ง หวังลี่เจินเอนกายหลับไปได้ทั้งที่แสงแดดร้อนระอุตามประสาเด็กสาวที่กินอิ่มถูกรถม้าโยกไหวไปมาก็คล้ายกับเป็นการกล่อมให้นางหลับสบายไปอีก ส่วนนางไม่อาจหลับได้ลงเพราะว่ามีแต่ความกังวลกับหวาดกลัวว่าตนเองกับน้องสาวจะยังถูกติดตามจากคนของวังหลวง ก็นางคือเจ้าสาวของชินอ๋องเชียวนะ เจ้าสุนัขป่าตนนั้นคงยากจะยอมให้นางลูบคมเขาเป็นแน่ ถึงนางจะทราบดีถึงอำนาจของคนที่นางแลกเปลี่ยนบางสิ่งจะใหญ่มากพอ แต่จ้าวจวินหลางไม่ใช่พวกที่จะยอมถูกหยามเกียรติโดยง่ายเป็นแน่ นางจึงหวาดกลัวและเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา หากยังไปไม่พ้นแผ่นดินโยวโจว นางคงยากจะวางใจไปได้ “พี่ใหญ่...” หวังลี่เจินงัวเงียลืมตาตื่นเพราะร้อนและกระหายน้ำจึงลุกขึ้นมานั่งเส้นผมที่ถูกตัดจนสั้นชี้ฟูคล้ายเด็กชายจริง ๆ แต่หน้าตาเช่นนี้หวังลี่เจินกลับดูเยาว์วัยลงและหล่อเหลาไม่เบาเลยทีเดียว หวังลี่จูลูบศีรษะให้คนเป็นน้องตามประสาคนที่รักและเอ็นดูเด็กน้อยผู้หนึ่ง นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าไยสตรีข้ามภพข้ามชาติเช่นตนเองจะรักและผูกพันกับหวังลี่เจินได้ถึงเพียงนี้ รักมากจนยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เด็กสาวได้มีอิสระและใช้ชีวิตเติบโตอย่างเด็กสาวผู้หนึ่ง ไม่ต้องอดทนอยู่เพียงในกรอบประเพณีต่าง ๆ ในวังหลัง นางยินดีจะแลกแม้แต่ลมหายใจของตนเอง! “หิวน้ำล่ะสิ” หวังลี่เจินจึงได้พยักหน้าให้แก่พี่สาวพลางยิ้มหวานสำทับไปด้วย ใบหน้าหล่อเหลาจึงยิ่งกระจ่างมากขึ้น หวังลี่จูหันไปหยิบกระบอกน้ำมาเปิดแล้วส่งให้คนเป็นน้อง เด็กสาวในคราบของเด็กชายยกกระบอกน้ำจากมือของหวังลี่จูขึ้นไปดื่มด้วยกิริยากระหายน้ำอย่างหนักจนหวังลี่จูเอ็นดูอย่างยิ่ง แล้วก็คิดอยู่ภายในใจว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิดแล้วที่พากันหนีออกมา อนาคตของเด็กสาวสมควรไปได้ไกลกว่า ‘คุกหลวง' ในนามของวังหลวงอีกมากโข หวังลี่เจินยังเด็กเป็นราวกับผ้าขาวสะอาด ไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นต่อไปมีแต่จะเป็นภัยร้ายจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ ออกมาย่อมปลอดภัยที่สุด ถึงโลกภายนอกจะอันตรายไม่ต่างกัน แต่อย่างน้อยโลกภายนอกก็ยังปลอดภัยกว่าภายในวังหลังหลายล้านเท่ายิ่งนัก “เราเดินทางออกมาได้ร่วมหนึ่งวันแล้ว แต่ยังไม่พบทหารเลย คาดว่าพวกเราคงปลอดภัยแล้วเป็นแน่” หวังลี่เจินดื่มน้ำจนอิ่มก็หันไปมองถนนที่ล้อเกวียนกับฝีเท้าของม้าร่วมร้อยตัว กับวัวลากเกวียนอีกหลายสิบชีวิตเหยียบย่ำกีบเท้าของพวกมันลงไป จนบังเกิดฝุ่นผงลอยตลบอบอวลคละคลุ้งฝ่าเปลวแดดในปลายยามเว่ย ภาพเบื้องหน้านางยามนี้ช่างเป็นภาพที่นานราวกับเป็นชาติกว่าที่เด็กสาวจะได้กลับมาเห็นอีกครั้งในฐานะของชาวบ้านธรรมดาผู้หนึ่ง มิใช่เชื้อพระวงศ์ที่เต็มไปด้วยเหล่านางกำนัล ขันทีและองครักษ์มากมายล้อมหน้าล้อมหลัง จนบางทีนางนั้นรู้สึกว่าเท้าของตนเองไม่ได้สัมผัสพื้นดินมาตลอดสี่ห้าเดือนเสียด้วยซ้ำ “อย่าเพิ่งวางใจอันใดจนกว่าพวกเราจะไปถึงซีหยวนกับเป่ยฮั่น นั่นจึงนับได้ว่าพ้นเงื้อมมือของกองทัพทหารม้าเกราะดำกับหน่วยการข่าวของชินอ๋องไปได้ อย่าลืมว่าเขามันจอมทมิฬโหดเหี้ยมเพียงใด ข้าหนีเขามาสัญชาติสุนัขป่าย่อมกัดไปปล่อย” หวังลี่จูที่มีความคิดความอ่านซับซ้อนกว่าคนเป็นน้องย่อมยากจะวางใจ การหลบหนีพิธีแต่งงานหาใช่เรื่องล้อเล่น โดยเฉพาะเจ้าบ่าวของนางเป็นถึงชินอ๋องจ้าวจวินหลาง เขาธรรมดาที่ใดกัน ยังโชคดีที่ตบแต่งครั้งนี้หาใช่สมรสพระราชทาน มิเช่นนั้นหลบหนีคงเหมือนเดินเข้าสู่แดนประหารเพียงเท่านั้น ที่สำคัญนางมีผู้ส่งเสริมซึ่งยิ่งใหญ่พอ หาไม่การหนีจะราบรื่นเช่นนี้หรือ แต่เรื่องนี้มีเพียงนางและ ‘เขา’ เท่านั้นที่ทราบดี แม้แต่หวังลี่เจินนางก็ไม่ยอมปริปากบอกความลับนี้ และต่อให้นางสิ้นชีพความลับนี้ก็จะตายไปกับนางด้วยเช่นกัน “แล้วสุดท้ายบัดนี้พี่ใหญ่คิดว่าเราจะไปตั้งรกรากยังแผ่นดินแห่งใดกันดี” ระหว่างนั่งพิงด้านหลังกระสอบป่านซึ่งบรรจุข้าวเปลือกแล้วหันหน้ามองไปยังท้องถนนที่เป็นเส้นทางเกวียน สายตาต่างทอดมองไปยังเบื้องหน้าที่แผ่นดินโยวโจวค่อย ๆ ถอยห่างออกไป ปลายยอดเขาไห่เหมี่ยวแลเห็นเล็กจิ๋วลงไปทุกที และทุกที นั่นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกนางนั้นห่างไกล ‘คุกหลวง'เ ช่นวังหลวงออกมาเรื่อย ๆ ได้แล้ว มองท้องฟ้าถึงแดดร้อนแรงแต่เด็กสาวกลับเห็นว่ามันสวยงามกว่าทุกวันอย่างยิ่ง “กำลังคิดอยู่เช่นกัน ซีหยวนเป็นพันธมิตรกับโยวโจว ส่วนเป่ยฮั่นนั้นถึงไม่ใช่ศัตรูกันแต่ก็หาใช่มิตรอีกเช่นกัน” สองพี่น้องต่างพูดคุยปรึกษาหารือกันถึงดินแดนที่พวกตนจะย้ายไปตั้งรกรากใหม่ โยวโจวแห่งนี้บิดามารดากับญาติสนิทนั้นสิ้นไปจนหมดไม่เหลือให้เป็นห่วงเป็นใยอันใดอีกแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจ ‘หนี' จึงไม่ยากหรือตัดสินใจนานอันใดเพียงแต่จะไปอยู่ที่ใดนั้นต้องคิดให้ดีว่าตนเองกับน้องสาวจะไม่ถูกจ้าวจวินหลางตามมาล้างแค้นได้ “เช่นกันก็เป็นเป่ยฮั่นเถอะ ถึงแผ่นดินจะเล็กกว่าโยวโจวกับซีหยวน หากแต่ก็สงบสุขร่มเย็น อีกทั้งการเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์ที่ข้าได้ไปศึกษาจากตำราสามดินแดน เป่ยฮั่นดีที่สุดแล้ว” เป็นหวังลี่เจินหันมากล่าวกับพี่สาวอย่างช่วยกันตัดสินใจ ฝ่ายหวังลี่จูเองที่ทบทวนแล้วทบทวนอีกก็คล้อยตามคนเป็นน้องสาวไปแล้วถึงเจ็ดส่วน บัดนี้หวังลี่จูย่อมรู้ตนเองคงสร้างรอยแค้นเอาไว้ให้กับจ้าวจวินหลางไม่น้อย เจ้าสุนัขป่าขี้เรื้อนนิสัยเหี้ยมโหดและอำมหิตย่อมทนไม่ได้เป็นแน่ที่ถูกสตรีสาวชาวบ้านธรรมดาทอดทิ้งมาเช่นนี้ ไปอยู่ที่ซีหยวนอาจจะยากพ้นกรงเล็บของเจ้าสุนัขป่าขี้เรื้อนโดยง่ายก็เป็นไปได้ ส่วนเป่ยฮั่นเป็นอาณาจักรขนาดเล็กไม่ค่อยชอบยุ่งวุ่นวายกับอาณาจักรใหญ่ทั้งสองและเผ่าต่าง ๆ นางพยายามจะคิดนำหน้าคนที่จะออกติดตามไปหลาย ๆ ก้าวหน่อยจึงจะดีต่อนางกับน้องสาว หาไม่การหลบหนีย่อมล่มสลายยากจะสำเร็จต่อให้มีคนส่งเสริมอยู่เงียบ ๆ ก็ตามที “เอาไว้ไปให้ถึงชายแดนก่อนเถอะเสี่ยวลู่ หากไปถึงยังชายแดนจึงค่อยคิดและตัดสินใจกันอีกครั้งหนึ่งเถอะ” ตัดสินใจบอกแก่น้องสาวไปเช่นนั้น แต่ภายในใจของนางนั้นกลับคิดให้น้ำหนักไปทางเป่ยฮั่นแล้วถึงเก้าส่วน โดยที่หญิงสาวคงหลงลืมไปว่าเป่ยฮั่นนั้นมีเขตแดนติดกับแคว้นเป่ยหนิงของโยวโจวชนิดหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว แต่สุดท้ายนางจะต้องรอ ‘สายข่าว' ของใครบางคนส่งมาแจ้งว่าถึงชายแดนพวกนางสองพี่น้องจะต้องไปทางใดจึงจะพ้นกรงเล็บสุนัขป่ากระหายแค้นผู้นั้น ‘เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าจะเลือกเป็นศัตรูกับชินอ๋อง' คำถามนั้นยังคงดังก้องอยู่ภายในหัวสมองของนางไม่จางหาย และในวันนั้นนางก็ตอบรับข้อเสนอของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องคิดมากเลย เป็นศัตรูกับเทียนจวินนางยังยินดีเลยขอเพียงเขา ‘ปล่อย' เด็กสาวข้างกายของนางดังนั้นต่อให้ต้องไปอยู่ใกล้ ‘รัง' ของสุนัขป่านางก็ยินดี เพราะนางถือคติที่ว่า ‘สถานที่ปลอดภัยนั้นอาจเป็นสถานที่อันตรายที่สุดก็เป็นไปได้' นางจะไปปลูกผักขายที่ท้ายจวนเจ้าสุนัขขี้เรื้อน ให้รู้กันไปว่าระหว่างเขากับนางผู้ใดจะ ‘เพลี่ยงพล้ำ' ให้แก่กันก่อน ส่วนหวังลี่เจินนั้นไม่รู้สิ่งใดกับเขานางก็ศึกษาแค่เพียงความเป็นอยู่ประเพณี รวมไปถึงความเป็นอยู่กับพื้นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก แล้วยังมีตลาดซื้อขายกันคล่อง หากินไม่ยาก เด็กสาวที่ชอบความสงบสุขเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนางจึงคิดว่าไปอยู่เป่ยฮั่นนั้นเข้าทางของพวกนางสองพี่น้องที่สุดแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม