ตอนที่ 4...

2246 คำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “นายครับ ผู้หญิงที่นายพามาด้วย เธออยากพบนายครับ” เสียงลูกน้องของอลีเซอร์ดังผ่านประตูเข้ามา ซึ่งเขาพูดเป็นภาษาอะไรสักอย่าง ที่อลิตาไม่คุ้นหูเลย “คุณพูดภาษาอะไรเหรอคะ” อลิตาถามเขาเบาๆ เธอคุยกับทุกคนที่นี่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พวกเขาเหมือนมีภาษาเฉพาะที่เธอฟังไม่ออก “เธออยู่ประเทศอะไร พวกฉันก็คุยกันเป็นภาษานั้นนั่นแหละ” อลีเซอร์เปิดประตูออกมาและตอบคำถามแทนลูกน้อง “อ่อ... ลืมไป” เธอยิ้มอายๆ ส่งให้เขา อยู่ประเทศตุรกี ก็ต้องพูดภาษาตุรกีสิ ถามไปได้ อายเค้าไหมล่ะ “มีอะไร จะเอาเงินเหรอ ราจีฟกำลังนับให้อยู่ เงินสิบล้านนะ ไม่ใช่สิบบาทที่จะนับกันแค่แป๊บเดียว” “นับได้เท่าไหร่แล้วล่ะคะ” อลิตาชะเง้อคอเข้าไปมองในห้อง อยากรู้ว่าเขากำลังนับอยู่จริงๆ หรือว่าคิดจะเบี้ยวเธอกันแน่ ปัง “ทำไมไม่ปิดให้มันกระแทกใส่หน้าฉันเลยคะ” “เอาหน้าเธอไปกระแทกประตูน่าจะง่ายกว่า ตามฉันมานี่” อลีเซอร์หมั่นไส้หน้าตากวนประสาทของอลิตาสุดๆ อยากรู้ อยากเห็นเหมือนตัวเมียร์แคทที่ชอบโผล่หน้ามาสอดส่องอันตราย “จะพาฉันไปไหนคะ” อลิตาถามหลังจากเดินตามเขามาเกือบห้านาที แต่เขาก็ยังไม่หยุดเดิน “บ้านนี้มีกฎระเบียบที่คุณต้องทำตาม” “ถ้าฉันไม่ตอบตกลงล่ะ” “ก็ลองทำดูสิ จะได้รู้ว่าบทลงโทษคืออะไร มันมีไม่กี่ข้อหรอก ข้อแรก ตอนกลางคืนอย่าออกมานอกตัวบ้าน เพราะที่นี่มีผู้ชายอยู่เยอะ วันก่อนถือว่าคุณโชคดีที่ไม่ถูกลูกน้องผมหามไปรุมโทรม ข้อสองบ้านหลังนี้มีห้องดูหนัง มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย มีหนังสือให้คุณอ่านหลายร้อยเล่ม ถ้าเบื่อก็เชิญหาอะไรทำได้ตามสบาย เพราะผมไม่อนุญาตให้คุณออกจากบ้านหลังนี้ และข้อสุดท้าย... อย่ากวนประสาทผมให้มาก” “เหมือนว่าข้อสุดท้ายจะยากสุด แต่ฉันจะพยายามแล้วกันนะคะ... งั้นฉันขอพูดกฎของฉันบ้างแล้วกันนะคะ นอกจากคุณห้ามล่วงเกินฉันแล้ว ฉันขอให้คุณจำไว้เสมอว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อไอริน ไม่ว่าคุณมีแผนจะทำอะไร จำไว้ให้แม่นนะคะ ว่าฉันคืออลิตา ชื่อเล่นของฉันคืออ้อม อ่อ... แล้วฉันรบกวนขอรหัสไวไฟด้วยนะคะ จะติดต่อกับทางบ้าน” “โอเค” อลีเซอร์ตอบตกลง และมันก็ยากพอสมควรกับกฏที่เธอตั้งไว้ ยิ่งมอง เธอก็ยิ่งเหมือนไอริน ยิ่งได้อยู่ใกล้ ก็ยิ่งอยากดึงมากอด “ฉัน... ไปเดินเล่นก่อนนะคะ ดอกไม้ในสวนคุณสวยดี” อลิตาเห็นเขาเอาแต่จ้องมองเธอ ก็พอจะรู้ว่าเขาคงคิดถึงแฟนเก่าอีกแล้ว จะว่าไปเขาก็น่าสงสารที่ถูกทิ้ง เขาคงจะเจ็บปวด เขาอาจจะคิดถึงแฟนมาก จนต้องจ้างคนหน้าเหมือนมามองเพื่อคลายความคิดถึง คงเหมือนที่เรานั่งดูรูปของคนที่เราชอบ นั่งดูคลิปวิดีโอเก่าๆ ที่เราประทับใจ แต่ว่าเขารวย เลยจ้างคนตัวเป็นๆ ไปเลยน่ะสิ “นี่เงินค่าจ้าง” ไม่กี่นาทีก่อนเวลาอาหารเย็น อลีเซอร์เดินมาหาอลิตาที่ห้องพักของเธอ พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ ด้านในมีเงินอยู่สิบล้านบาทไม่ขาดไม่เกิน “ขอบคุณค่ะ” อลิตารับมันมาวางไว้ในห้อง บอกกับตัวเองแล้วว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดกับตัวเองทั้งนั้น เงินสิบล้านในวันนี้ เธออาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้ แต่ถ้ามีเก็บไว้เป็นเงินออม วันข้างหน้าเกิดมีเรื่องฉุกเฉิน และจำเป็นจะต้องใช้ เธอจะได้ไม่ต้องลำบาก “จะไม่นับเงินหน่อยเหรอ ข้างในอาจจะซ่อนกระดาษเปล่าไว้ก็ได้” “นับค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันยังมีเวลาให้นับอีกเยอะ อีกอย่าง... ถ้าคุณซ่อนกระดาษเปล่าไว้จริงๆ ฉันก็คงจะตามทวงจากคุณได้ไม่ยาก ยังไงเราก็อยู่ใต้ชายคาเดียวกันไม่ใช่เหรอคะ” “...ลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว ผมสั่งให้แม่ครัวทำต้มยำกุ้งไว้ให้” “ต้มยำกุ้ง!” “ใช่... คุณไม่ชอบกินเหรอ มันอาหารประจำชาติคุณเลยนะ” อลีเซอร์ขมวดคิ้วสงสัยอย่างหนัก “ฉันแพ้กุ้งค่ะ” “ไม่เป็นไร ยังมีเมนูอื่นอีก คุณน่าจะทานได้ หรือจะกินพวกพาสต้า” “ฉันกินได้ทุกอย่างค่ะ ขอแค่ไม่มีกุ้งก็พอ” “โอเค งั้นถ้าไม่ได้ทำอะไร ก็ลงมากินข้าว เสร็จแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกัน” “คุยอีกแล้วเหรอคะ” “ทำไม มีปัญหาอะไรไม่ทราบ” “ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่เวลาคุยกับคุณทีไร มีแต่เรื่องคาดเดาไม่ได้ ฉันกลัว” “กลัวก็ดี” อลีเซอร์ยักไหล่สบายๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินลงบันไดไปก่อน ระหว่างเดินเขานึกถึงความคิดของอลิตา เงินตั้งสิบล้านบาท ถ้าเป็นคนอื่น คนที่ไม่เคยเห็เงินขนาดนี้แบบเขา ทันทีที่ได้รับคงจะกระโจนเข้าไปนับให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แต่เธอกลับถือกระเป๋าเงินจำนวนมากไปวางไว้เฉยๆ “เอาล่ะ เรื่องที่ผมจะคุยกับคุณก็คือ ผมมีโปรโมชั่นพิเศษให้คุณ” “โปรโมชั่นอะไรคะ” อลิตารีบวางแก้วน้ำที่กำลังดื่ม หลังจากทานข้าวหมดไปสองจานด้วยความหิวและคิดถึงกับข้าวที่บ้าน เธอมองเขาด้วยความหวาดระแวง แต่ก็รู้สึกในใจลึกๆ ว่าโปรโมชั่นที่เขาพูดถึงนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว “ผมอนุญาตให้คุณออกจากบ้านไปเที่ยวได้” “ไปเที่ยวได้!” “ใช่ จะไปเองหรือจะให้คนของผมพาไปก็แล้วแต่คุณ ผมไม่ได้จ้างคุณมาเป็นนักโทษ เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดเวลา” “ไม่ได้หลอกฉันเล่นใช่ไหมคะ” เธอมองเขาอย่างพิจารณา เพราะคนอย่างเขามันไว้ใจไม่ได้ แต่ละคำพูด แต่ละท่าทาง มันมักจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ตลอดเวลา “ไม่ได้หลอก จะไม่ไปก็เรื่องของคุณ” “ไป ไปสิคะ ฉันไปค่ะ” อลิตารีบพยักหน้า ขอรับเงื่อนไขพิเศษนี้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เธอก็แค่หมกตัวอยู่ในห้องพัก แค่นั้นก็จบเรื่อง “ผมเคลียร์กับที่ทำงานของคุณให้แล้ว” “เคลียร์ยังไงคะ” “ผมก็ติดต่อไปบอกว่าต้องการจ้างคุณให้มาออกแบบบ้านพักให้ผม แล้วคุณก็ต้องอยู่ที่นี่สักหนึ่งเดือนหรือสองเดือน แค่นี้คุณก็ไม่ต้องตกงาน คุณก็ติดต่อหัวหน้างานคุณด้วยล่ะ” “แล้ว... คุณจ่ายเงินให้บริษัทจริงๆ เลยเหรอคะ” “ผมตกลงว่าจะจ่าย แค่คุณต้องไปคุยเรื่องนี้กับบริษัท เหมือนที่คุณทำประจำ คุณก็ไปบอกบริษัทว่าจะรับงานนี้ ตกลงเรื่องราคากับหัวหน้างานของคุณ พอบริษัทคุณติดต่อกลับมาเมื่อไหร่ ผมก็จะโอนเงินค่ามัดจำให้ นี่คือบ้านพักที่ผมจะจ้างให้คุณออกแบบ” อลีเซอร์พูดจบก็รับแฟ้มงานจากราจีฟและส่งให้อลิตา ด้านในมีรูปของบ้านพักที่อยู่ที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ มันเป็นบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น ทุกอย่างถูกก่อสร้างไว้เสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรลงไป “ผมอยากให้บ้านหลังนี้ออกมาแบบอบอุ่นหน่อย เป็นงานไม้สีอ่อนๆ หรือไม่ก็โทนสีขาวๆ เทาๆ ดำๆ อะไรทำนองนี้” “คุณจ้างงานฉันจริงๆ เหรอคะ” “แน่นอนสิ ผมไม่จ่ายเงินทิ้งเปล่าๆ หรอกนะ สิบล้านที่คุณได้ไปก็กำไรมากพอแล้ว ได้เงินไปอีกนิดก็ทำงานแลกเงินหน่อยสิคุณ” “ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำสักหน่อย ดีซะอีก มีงานให้ทำ อยู่ว่างๆ ฉันคงเฉาตายพอดี ว่าแต่... คุณทำงานอะไรเหรอคะ ทำไมรวยจัง” อลิตาถามต่อเนียนๆ ไม่รู้ว่าเขารู้ทันหรือเปล่าว่าเธอหลอกถาม แต่เธอก็ได้คำตอบที่ต้องการ “ส่งออกพวกชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่รถ” “แล้วส่งออกไปไหนคะ?” “ดาวอังคาร” “ฮ่าๆ แล้วใช้เวลาส่งนานไหมคะ ขนส่งยังไงคะ เอาใส่จรวด หรือใส่จานบินของพวกเอเลี่ยน แล้วคิดค่าส่งยังไงคะ ส่งฟรีลงทะเบียน หรือว่าส่งแบบอีเอ็มเอส” “ก็ส่งไปหลายประเทศ ไทยก็ส่ง ส่งไปยุโรปก็ส่ง ส่งทางเรือ ใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ประหยัดค่าขนส่งกว่าวิธีการอื่นๆ” “อ๋อ คิดว่าส่งผ่านอวกาศ ฝากพวกก้อนเมฆไป” “ถ้าส่งของไปดาวอังคารได้จริงๆ ผมจะส่งคุณไปเป็นอย่างแรกเลย” “ค่าส่งฉันคงจะแพงมาก เพราะฉันอ้วน น้ำหนักเยอะ” “ใครจะสนล่ะ ผมมีเงิน” อลีเซอร์พูดจบก็หัวเราะเบาๆ ออกมา โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า คนช่างสังเกตอย่างราจีฟและลูกน้องคนอื่นๆ ต่างหันหน้ามองกันไปมา เพราะนี่คือเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่มีความสุขของเจ้านายในรอบปีที่พวกเขาได้เห็น “ฉัน... เอาจานไปเก็บก่อนนะคะ ห้องครัวไปทางไหน” อลิตาละสายตาจากเขา เพราะเมื่อครู่นั้นเผลอยิ้มและสบตากับเขาอยู่หลายวินาที “ไม่ต้องทำ เดี๋ยวแม่บ้านมาเก็บ” อลีเซอร์เองก็เพิ่งได้สติ เขาดึงหน้าเข้ม ทำท่าขึงขัง หันไปมองทางอื่นเพื่อหาจุดวางสายตาให้ตัวเอง “แขนเป็นอะไร” แต่เมื่อหันไปเห็นผื่นแดงๆ ที่แขนของอลิตาก็ชี้มือไปถามด้วยความสงสัย “แขนฉัน!” อลิตาเองก็เพิ่งเห็นว่าแขนทั้งสองข้างของตัวเองนั้นมีผื่นแดงเต็มไปหมด “เมื่อกี้ได้กินต้มยำกุ้งหรือเปล่า” เขาดึงแขนเธอไปดูใกล้ๆ จากที่เห็นรอยแดงที่แขน ตอนนี้ที่มือของเธอก็เป็น “ไม่ค่ะ ไม่ได้ตักกินเลยแม้แต่คำเดียว” “ไปเรียกแม่ครัวมา” อลีเซอร์หันไปสั่งให้ลูกน้องไปตามต้นเหตุที่ทำให้อลิตาเป็นผื่นแดงเต็มตัว “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าเวลาทำอะไร อย่าเอาของใช้มาปนกันไปทั่ว” เมื่อแม่ครัวมาถึง อลีเซอร์ก็จัดการต่อว่าชุดใหญ่ แบบนี้คงจะหยิบตะหลิว ทัพพี หรืออะไรก็แล้วแต่มาใช้ปนกันมั่วไปหมด “ขอโทษค่ะคุณอลีเซอร์ ป้าไม่รู้ว่าแขกของคุณจะแพ้กุ้ง” “จะแพ้หรือไม่แพ้ ก็เคยบอกแล้วว่าอย่าใช้ของปนกัน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาขอเบิกเงินไปซื้อเครื่องใช้ในครัว ถ้าซื้อมาแล้วไม่ใช่ ก็เอาไปโยนทิ้งซะไป!” “คุณป้าคะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูทายาก็หายแล้ว” อลิตาเห็นเธอโดนดุก็เห็นใจ แต่มือก็เกาแขนแคว่กๆ เพราะมันคันมากจริงๆ “แล้วนี่จะเกาทำไม ยิ่งเกามันก็ยิ่งคัน! ไหนล่ะยา ไปเอามาทา” เขาหันไปจับสองมือของอลิตาเอาไว้ จะได้ไม่ต้องแตะต้องผื่นพวกนั้น ยิ่งเกาก็ยิ่งแดง ผิวขาวๆ เนียนๆ จะเป็นรอยซะเปล่าๆ “ยา... ยาฉันอยู่ในกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเดินทางฉันอยู่ที่สนามบิน!” อลิตาตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน ลืมไปได้ยังไงว่ากระเป๋าใบเบ้อเริ่มไม่ได้อยู่กับตัว “แล้วถ้ารู้ว่าเป็นโรคแพ้กุ้ง จะเอายาไว้ในกระเป๋าเดินทางทำไมเล่า ทำไมไม่พกติดตัว” “อ้าวคุณ! จะให้ฉันพกทำไม ในเมื่อฉันไม่ได้กินกุ้งอยู่แล้ว” “เออๆ เดี๋ยวกระเป๋าจะให้คนไปเอามาให้ ราจีฟ!” “ครับนาย” “โทรศัพท์ตามหมอมาให้เร็วที่สุด” “คุณๆ คุณไม่ต้องลำบากเลย ซื้อยาให้ฉันก็พอ ฉันจำชื่อยาได้” “งั้นก็บอกชื่อยากับราจีฟ ราจีฟบอกหมอ ให้เอายาตัวนั้นมาด้วย ยังไงก็ต้องตรวจ” “ไม่เป็นไรคุณ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันขนาดนั้นหรอก” “ฉันไม่ได้เป็นห่วง แค่ไม่อยากให้มีใครตายในบ้าน” อลีเซอร์พูดจบก็ปล่อยมือจากเธอ นั่นสิ ทำไมเขาต้องเป็นห่วงเธอขนาดนั้นด้วย “ขึ้นไปบนห้องไป ล้างมือให้สะอาด แล้วก็อย่าเกาจนกว่าหมอจะมา” “...ค่ะ” อลิตาได้ยินคำสั่งและหน้าตาวางอำนาจของเขาก็ไม่กล้าเถียง เธอเดินกำมือตัวเองขึ้นบันไดไปด้วยความอดทน อยากเกา อยากเกาให้หนังหลุดเลย มันคันเหลือเกิน “มองอะไรกันวะ กูหน้าเหมือนญาติมึงเหรอ” อลีเซอร์ถามลูกน้องที่เอาแต่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “เปล่าครับ” “ไปไหนก็ไป ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ไม่ต้องมาเสนอหน้า” เขาบอกอย่างหงุดหงิด เป็นบ้าอะไรวะคนบ้านนี้ ทำเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดไปได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม