เป็นครั้งแรกที่หมอโป้งได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวในระยะประชิดเช่นนี้ คงจะเป็นเพราะเขาเรียนหนัก และไม่ค่อยได้อยู่บ้านเวลาตรงกันกับเธอ นอกจากจะเป็นวันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์ พอได้ทำงานก็แทบจะไม่มีเวลาได้พูดจากัน
ปากนิด จมูกหน่อย และใบหน้าดูเต็มสาวขึ้น ริมฝีปากของเธอทาลิปสติกนิด ๆ สีอ่อนระเรื่อ
สายตาเจ้ากรรมก็มองต่ำลงไปเรื่อย ๆ ผมที่ยาวถูกรวบขึ้น เผยให้เห็นลำคองามระหง
‘ผิวเธอเนียนจัง ผิวขาว’
สายตาของพี่โป้ง ก็มองต่ำไปอีก มันไม่ได้ตั้งใจนะ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้ต่างหาก
‘เธอทันโตเป็นสาวตั้งแต่เมื่อไหร่’ เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ร่างเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขยับตัว และเปิดเปลือกตา พอเห็นใบหน้าของพี่โป้งในระยะใกล้ ๆ แบบนี้ เธอตกใจถลันตัวลุกขึ้น
เขาไม่ทันได้สังเกต ร่างของพี่หมอกับหญิงสาวปะทะกันทันที
ปึก.... มะเฟืองทิ้งหลังลงไปนอนอีกครั้ง
‘แผงอกของพี่โป้งแน่นจัง’ มะเฟืองนึกในใจ
‘น่าอายมาก’
ใบหน้าของเธอที่ซีด ๆ เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวเริ่มกระสับกระส่าย ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้กับพี่โป้ง เธอพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เขารีบรั้งหยัดร่างของเธอเอาไว้แล้วกดตัวของมะเฟืองให้นอนลงไปอีกครั้ง
“จะรีบลุกไปไหน เดี๋ยวก็เป็นลมล้มลงไปอีก นอนไปก่อน” เขาแกล้งดุ ทำเสียงดัง หญิงสาวทำหน้าจ๋อย
‘มะเฟืองไม่ผิดสักหน่อย พี่โป้งนั่นแหละเล่นแผลง ๆ เอานิ้วมาจี้เอวของมะเฟืองทำไม’ เธอว่าเขาในใจ แล้วมองตามมือของหมอโป้งที่กำลังบรรจงล้างและทำแผลที่นิ้วให้
เมื่อเห็นแผลของเธอเล็กนิดเดียว เขาก็อมยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาหึๆ
มะเฟืองทำงอน
“หัวเราะอะไรกันคะ” เธอว่าให้เขาเป็นครั้งแรก
“เปล่าจ้ะ แผลนิดเดียว ลึกก็ไม่ลึก เลือดก็ออกนิดเดียว เป็นลม”
“พี่โป้งอะ ก็...”
“โอมเพี้ยง...หาย” เขาทำท่าเป่าคาถาให้ ก่อนจะหันไปสนใจที่หลังเท้าของมะเฟืองที่เศษแก้วบาดลึกลงไปเหมือนกัน ตั้งสองแผล แต่ไม่ต้องเย็บก็ได้
“เจ็บไหม” เขาถามตอนที่ทำแผลให้ นึกสงสารเธอ
“เล่นพิเรนทร์” เธอว่าให้
หมอโป้งยังทำเป็นหัวเราะอีก
“พี่ไม่ทันมองว่ามะเฟืองถืออะไรอยู่ ขอโทษนะ” เขาทำสายตาอ่อนแสงลง แล้วยิ้มกว้าง
“แต่ต้องฉีดยากันบาดทะยักกันเอาไว้ก่อน”
“หึ... ไม่เอาค่ะ มะเฟืองกลัวเข็ม” เธอส่ายหน้าระรัว
“ได้ยังไง พี่ให้พี่บรรเลงไปเอาที่คลินิกมาแล้ว เดี๋ยวพี่ฉีดให้”
“มันเจ็บนะคะ”
“นิดเดียว”
“ไม่นิดเดียว” เธอเถียงทำตาแดง ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นเข็มอะไรเลย
“งอแงเป็นเด็ก ๆ โตเป็นสาวแล้วนะ”
สายตาของเขามองเหมือนสำรวจร่างกายของเธอ มะเฟืองจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พี่โป้งก็ยังลุกขึ้นมานั่งแมะอยู่ข้าง ๆ ตัว
“วันนี้ อย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำนะ” เขาเตือน
“ลำบากเลย”
“พี่ก็ขอโทษแล้วไง” เขายกมือขึ้นขยี้ผมของเธอ เพิ่งได้รับรู้อีกเรื่อง ผมของหญิงสาวนุ่มสลวยจริง ๆ
“ผมนิ่มจัง” เขาจับมันเอาไว้ในมือ
“ไม่ต้องมาแกล้งชมเลยค่ะ” หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้น
เขากลับรั้งจับข้อมือเอาไว้อีก
“รอก่อน ฉีดยากันบาดทะยักก่อน”
เธอหันมามองหน้าของพี่หมอทำหน้าละห้อย สายตาบ่งบอกเลยว่ากลัวสุด ๆ
“พี่เป็นหมอที่ฉีดยาเบามือที่สุดแล้วรู้ไหม” เขากลับยิ้มยั่ว
บรรเลงเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋ายาหนึ่งใบ
“ได้มาครบไหมพี่”
“ครับ” เขารับคำ ยื่นของให้แล้วกลับออกไปทันที
“นอนลงไป” เขาออกคำสั่ง
“ไม่เอา” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“นอนลง” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง เธอนอนลงไปอย่างขัดไม่ได้แต่สายตายังขลาด ๆ
“นอนหันหลังตะแคงเลย” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง
มือก็รื้อเอาของที่จะใช้ออกมาจากกระเป๋ายาใบนั้น เธอทำตาปริบ ๆ เหลือบมองเป็นระยะ ๆ
“ยังอีก บอกให้นอนตะแคงหันหลังมาทางนี้”
เธอทำงอนปากเชิดจนจะติดปลายจมูกอยู่แล้ว รีบนอนตะแคงตัว ยกมือขึ้นปิดตาทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มองไม่เห็น
มือใหญ่ของพี่โป้งจับชายเสื้อถลกขึ้นเล็กน้อย เธอทำสะดุ้ง แต่ก็นิ่ง แล้วมือใหญ่ ๆ ของเขาก็จับตรงขอบกางเกง แล้วเลื่อนลงไปเล็กน้อย
มะเฟืองทั้งอายทั้งขลาดแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนที่มีสำลีเย็น ๆ ชุบแอลกอฮอล์ลงมาแตะสัมผัสถูกเนื้อสะโพกเธอถึงกลับสะดุ้งอีกครั้ง เผลอกลั้นลมหายใจหลับหูหลับตาปี๋
“ห้ามเกร็งนะ” เสียงพี่โป้งดังขึ้นอีก
เข็มเล็ก ๆ ที่จิ้มเข้าไปในเนื้อ เจ็บจี๊ดจนน้ำตาร่วง มันทิ่มเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วลึกมาก เธอรู้สึกได้ น้ำตาของมะเฟืองค่อย ๆ ไหล
‘เจ็บจะตายแล้ว ฮือ...’ เธอร้องไห้ในใจ
หมอโป้งถอนเข็มฉีดยาออก แล้วรีบดึงกางเกงปิดให้ แล้วปิดฝ่ามือขยี้ให้เบา ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว เธอนิ่งงันไปเลย
กวินวิทย์เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ลงไปในกระเป๋ายา
มะเฟืองยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นนั่ง เขาจึงใช้มือจับหัวไหล่ แล้วรั้งตัวเธอขึ้นมา พอเห็นใบหน้าที่น้ำตานอง ก็หัวเราะก๊าก
“พี่โป้งอะ ก็มันเจ็บนี่คะ”
“โอ้....” เขาทำท่าปลอบอกปลอบใจ ดึงร่างของมะเฟืองเข้ามากอดเหมือนเธอเป็นน้องเล็ก ๆ เหมือนสมัยก่อน เพราะหมอโป้งอายุห่างจากมะเฟืองเกือบสิบห้าปี
“มีเรื่องอะไรกัน แล้วมะเฟืองเป็นไงบ้าง” เสียงคุณย่าดังขึ้น เดินตรงมาที่คนทั้งคู่ ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที
“อ้าว...โป้งทำน้องร้องไห้เหรอ”
“โธ่...ย่า”