“ไหน ๆ เจ็บตรงไหน แผลลึกไหม ต้องเย็บไหม” คุณย่าแสดงอาการเป็นห่วงมะเฟืองออกนอกหน้าเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ จับตัวดูว่าหญิงสาวมีแผลตรงไหนบ้าง
มะเฟืองส่ายหน้า
กวินวิทธ์นั่งเฉย
“ทำอะไรน้อง เห็นว่าทำชามแก้วหล่นแตกเลย”
“หยอกนิด ๆ หน่อย ๆ นะครับคุณย่า”
“จะมาหยอกน้องเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ น้องโตเป็นสาวแล้ว” คุณย่าติง ตอนที่ท่านเดินเข้ามาก็เห็นกอดกันกลม
“มียากินด้วยนะ ยาฆ่าเชื้อ” เขายังส่งถุงยาให้กับมะเฟือง
“กินหลังอาหารจนกว่าจะหมด”
“ค่ะ” เธอรับคำ และรับห่อยามาถือเอาไว้
คุณย่าลูบหัวลูบหลังอย่างเอ็นดู
“ถ้ามะเฟืองเป็นไข้ละน่าดู” คุณย่าคาดโทษ
“แหม... คุณย่าครับ แค่แผลนิดเดียว”
“ไม่รู้หรือว่า มะเฟืองโดนฉีดยาทีไร ไข้ขึ้นทุกที ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”
“นั่นมันตอนเด็ก ๆ นะครับ”
“หื้อ... ไม่ได้เรื่องเลยโป้งเนี่ย” คุณย่าส่ายหน้า
“แล้วนี่จะไม่ไปทำงานเหรอ” คุณย่าถามต่อ
ชายหนุ่มรีบแหงนหน้ามองนาฬิกา
“ได้เวลาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ จะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“อื้อ...ไป ๆ” คุณย่ายกมือไล่ เขารีบเดินเร็ว เพราะถึงคลินิกจะอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ต้องเดินไปอยู่ดี
“คืนนี้ย่าจะไปนอนที่วัดด้วยสิ นอนคนเดียวได้ไหม” คุณย่าถามด้วยความเป็นห่วง
“ได้ค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่เจ็บ...” เธอชี้ไปที่สะโพก คุณย่าส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง
กวินวิทย์หันมามองผู้หญิงต่างวัยที่อยู่ด้วยกัน มะเฟืองมาเติมเต็มความสุขให้กับคุณย่าผกาจริง ๆ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ย่าจับพี่โป้งเราฟาดตูดจริง ๆ” คำพูดของคุณย่าทำให้เธอหัวเราะออกมาได้
‘ใครเป็นหลานย่าวะ’ เขาอมยิ้ม และมองเธอแบบเอ็นดูเช่นกัน ก่อนจะเดินขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงาน
--------------------------
สี่ทุ่มครึ่งของคืนนั้น
หมอกวินวิทย์เดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นเงาตะคุ่ม ๆ และมีแสงไฟนิดๆ จากมือถืออยู่แถวตู้ยาสามัญ
“ใคร” เขาส่งเสียงถาม
มะเฟืองค่อย ๆ หันหน้ามา แสงไฟฉายจากมือถือส่องมาที่ใบหน้าของเธอ
หมอโป้งทำท่าตกใจในครั้งแรก แต่ก็รู้แล้วว่าเป็นเธอ เพราะผมที่ยาวจนเกือบถึงเอวของมะเฟือง และใบหน้าขาวซีด เขาเดินไปหาใกล้ ๆ
“มาทำอะไรมืด ๆ แล้วทำไมไม่เปิดไฟให้สว่างกว่านี้” เขาติง ทำท่าจะเดินไปเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง
“ไม่ต้องแล้วค่ะพี่โป้ง มะเฟืองมาหายาพาราฯ เฉย ๆ และก็ได้แล้วค่ะ”
“ไหนดูซิ” เขาเดินมาจับมือของเธอ แล้วหยิบยาในมือของเธอขึ้นมาดู
“อื้อ...ตัวร้อนเหรอ” เขายกมือขึ้นแตะไปในที่หน้าผากของหญิงสาว เธอใจเต้นแรง
“ตัวรุม ๆ...สงสัยจะมีไข้ต่ำ ๆ กินสองเม็ดแล้วกัน” เขาบอก
“ค่ะ” เธอรับปาก แล้วรีบเดินเร็ว
“เดี๋ยว...” เขารั้งแขนเธอ
ร่างเล็ก ๆ เซเข้าไปในอ้อมอกที่กำยำของเขาทันที
“อุ้ย...” เธอทั้งวิงเวียนและปวดหัวตุบ ๆ จึงไม่ได้ระวังตัว พี่โป้งกอดเธอเอาไว้แน่น สองคนใบหน้าปะทะกัน ปลายจมูกชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ชายหนุ่มเผลอสูดลมหายใจเข้า กลิ่นหอมของแป้งเด็กอ่อน ๆ กระทบปลายจมูก พี่หมอยังทำท่าคลอเคลียอยู่ตรงนั้นไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน มะเฟืองตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เธอยังตะลึงอยู่ แทบหายไข้เป็นปลิดทิ้ง
“คุณย่าทายถูกนะว่ามะเฟืองจะมีไข้” เขาพูดต่อ
“ที่เป็นไข้ เพราะแผลติดเชื้อ หรือว่าเพราะกลัวเข็มกันแน่น่า” เขาล้อ
“มะเฟืองไม่รู้” เธอตอบไปแบบเด็ก ๆ ไม่ทันคิด เขาหัวเราะ
“แต่พี่ว่าสงสัยจะกลัวเข็มฉีดยาจนไข้ขึ้น” เขาล้ออีก
“ไม่ต้องมาล้อเลยค่ะ เพราะพี่นั่นแหละ”
“จริง ๆ เพราะพี่ทำให้มะเฟืองเจ็บ พี่ขอโทษแล้วไง”
เขาเผลอตัวกระซิบไปที่ข้างแก้ม ความหอมหวานของผิวเนื้อกายสาวทำให้เลือดลมในกายของเขาสูบฉีด ก่อนจะกดปลายจมูกลงไปฝังกับแก้มนวล
“......” มะเฟืองตกใจจนตาค้าง ก่อนจะหลับตาปี๋ ตอนนี้หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกหน้าอก
‘พี่โป้ง’ เธอเรียกชื่อของเขาภายในใจ
มันเหมือนตกอยู่ในภวังค์มากกว่า แล้วบรรยากาศก็เป็นใจ มันทั้งเงียบและก็สงบ
จุ๊บ... เสียงจุมพิตที่แก้มเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาประกบแนบที่ริมฝีปากเล็ก ๆ ของมะเฟือง
‘อื้อ....พี่โป้ง ทำอะไร’ เธอถามเขาอยู่ในใจ อารามตระหนกยิ่งขึ้น เธอไม่คิดว่าพี่โป้งจะทำแบบนี้ สองมือที่ตกลงไปถูกยกขึ้นมายันหน้าอกของพี่โป้งเอาไว้ แต่มันอ่อนแรงเหลือเกิน
ปลายลิ้นของพี่หมอถูกส่งเข้ามาวนเวียนอยู่ในโพรงปากของเธอที่อ้าเผยอเผลอรับโดยอัตโนมัติ
ปลายลิ้นอุ่น ๆ ที่ตวัดรัดรอบโคนลิ้นของเธอเบา ๆ ดึงดูดและเชิญชวนให้เธอโอนอ่อนตาม เธอผ่อนลมหายใจออกมา ลำแขนที่โอบรัดแน่นให้ความอบอุ่นกำซาบในหัวใจพิกล
กวินวิทย์ตกลงไปอยู่ในห้วงของเสน่หาเสียแล้วสิ ไม่รู้มะเฟืองทำอะไรให้พี่หมอเคลิบเคลิ้มกันแน่
“อื้อ...” หญิงสาวครางประท้วงทันทีที่หลังของเธอปะทะกับโซฟาหนัง ที่ตอนนี้เนื้อของมันเย็นตามอากาศภายนอก ชายหนุ่มได้สติ เขาผละริมฝีปากออกจากเธอ แต่ยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“พี่โป้ง...”
“อือ... พี่จะเช็กว่าเรามีไข้สูงไหม พี่วัดไข้” พี่โป้งแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ พลางช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น มะเฟืองหน้าแดงจนร้อนฉ่า เธอผลักตัวของพี่หมอออกไปเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินลิ่ว ๆ ขึ้นชั้นสองเข้าห้องของคุณย่าไป
‘ไอ้โป้ง มึงทำอะไรลงไป’
เขานั่งทุบขาตัวเองอยู่ตรงนั้น และสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ว่ามีใครเห็นสิ่งที่เขากระทำลงไปเมื่อกี้หรือเปล่า