Chapter 18

2004 คำ
ปรมัตถ์กับเพื่อนทั้งสามพากันสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงโวยวายจากด้านนอก ส่งผลให้ทั้งสี่เดินออกมาจากห้อง เห็นเหล่าตำรวจหลายคนกำลังกุมคนร้ายหลายคน โดยส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังห้องสอบสวนระหว่างที่ปรมัตถ์ยังตื่นไม่สนิท สายตาก็หันไปเห็นหลี่ชิงชิงกำลังตามหลังทีมสืบสวนพิเศษซึ่งจับกุมชายคนหนึ่งไว้ สีหน้าของยุวชนทหารสาวในตอนนี้ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างที่ปรมัตถ์ไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงรีบตามเข้าไปดู ทันทีที่เขาเดินเข้ามาก็เจอกับ เผ่าลาภ นิเวศวัตร หรือ นับทอง รุ่นพี่จากหน่วยรบเดียวกัน หากแต่อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นสารวัตรทหาร ซึ่งภารกิจของเผ่าลาภทำงานร่วมกับทีมสืบสวนพิเศษ และคนที่พวกเขากำลังสอบสวนอยู่คือ ร้อยตำรวจโทแอดดิสัน รอสท์ อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมืองโฮรุก แถมยังเป็นคู่หูของร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล พ่อของหลี่ชิงชิงอีกด้วย จากในข้อมูลที่โอโตฮวาเก็บไว้ในแขนขวาน ได้เป็นหลักฐานมัดตัวว่าร้อยตำรวจโทแอดดิสัน รับสินบนจากมาเฟียตระกูลปลาทอง รวมทั้งแก๊งขวานซิ่งของสวี่หมิงล่างด้วย และคงรู้ว่าตัวเองไม่น่ารอดจึงทำการหลบหนี แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมอยู่ดีพร้อมกับถูกกุมตัวมาที่ห้องสอบสวน ทว่าปัญหาคือหลังจากที่เผ่าลาภกับหัวหน้าชุดสืบสอบเค้นข้อมูลมา ก็ทำให้รู้ว่าร้อยตำรวจโทแอดดิสันโดนศัตรูจับตัวไว้ อีกทั้งยังบังคับขู่เข็ญให้คอยเป็นไส้ศึก คอยส่งข่าวว่าฝ่ายทหารกับตำรวจมีความเคลื่อนไหวอย่างไร ทุกคนจึงรู้ทันทีว่าทำไมพื้นที่ตรงนั้น ถึงยึดคืนไม่ได้เสียทีและไส้ศึกมีหลายคนด้วย นาทีนั้นเองหลี่ชิงชิงก็ย่างเท้าเดินตรงไปหาคู่หูของพ่อ เสียงตบดังสนั่นห้องสอบสวนซึ่งเกิดจากหลี่ชิงชิงเอง ส่วนร้อยตำรวจโทแอดดิสันที่กินลูกตบก็ถึงกับสำลักเลือด บริเวณแก้มขวามีรอยฟกช้ำปรากฏขึ้น บ่งชี้ให้เห็นว่าแรงฝ่ามือของยุวชนทหารนามหลี่ชิงชิง น่ากลัวพอ ๆ กับตอนเธอใช้กระบี่ปลิดชีพศัตรู ปรมัตถ์กลืนน้ำลายยากลำบากขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ฝั่งหลี่ชิงชิงที่ยังอยู่ในอารมณ์โกรธก็พุ่งตัวไปคว้าคอเสื้อนายตำรวจผู้รับสินบน "ไอ้สารเลว ! แกทำแบบนี้กับพ่อฉันได้ไง" หลี่ชิงชิงตะคอกใส่ร้อยตำรวจโทแอดดิสัน "พ่อฉันไว้ใจแก แม่ฉันไว้ใจแก... ไอ้งูเห่า ! ฉันจะฆ่าแก" ไม่พูดเปล่าเธอเรียกกระบี่ออกมา ปรมัตถ์รีบเข้าไปดึงตัวเธอออกห่างจากนายตำรวจทันท่วงที "ฉันจัดการเอง" เขาบอกกับเพื่อนทั้งสามขณะที่กำลังลากตัวหลี่ชิงชิงออกจากห้องสอบสวน มาตั้งสติที่ห้องประชุมใกล้ ๆ แทน เขาขอให้เธอนั่งเก้าอี้เพื่อสงบสติอารมณ์ "เธออยากขึ้นศาลทหารในขณะที่ยังเป็นยุวชนทหารเนี่ยนะ จะบ้าหรือไง" หลี่ชิงชิงจ้องหน้าปรมัตถ์ "เขาเป็นคู่หูของพ่อมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก ครอบครัวฉันสนิทกับหมวดแอดดิสันมาก... พวกเราเชื่อว่าเขาเป็นคนดี... เขาทรยศพ่อ" เสียงเธอสั่นเครือก่อนจะเอาหน้าซบกับสองมือของตัวเอง ปรมัตถ์ไม่ใช่คนที่จะปลอบเก่งขนาดนั้น เขาจึงทำได้แค่นั่งข้าง ๆ และวางฝ่ามือลงที่ขาคลายกับปลอบโยน ครู่ต่อมาหลี่ชิงชิงก็เช็ดน้ำตาออก พลางพูดเสียงเศร้าว่า "ขอโทษนะบอม ฉันใช้อารมณ์อีกแล้ว" "ไม่หรอก" ปรมัตถ์พูดและสั่นศีรษะ "ถ้าเป็นฉันเองก็คงโมโหเหมือนกัน และอาจลงมือรุนแรงมากกว่านี้ก็ได้ จริงไหม" "แม่ฉันเป็นห่วงพ่อมากเลย ฉันกังวลมากว่ามันจะส่งผลต่อเด็กในท้อง" หลี่ชิงชิงพูดเสียงกังวล ปรมัตถ์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังจะมีน้อง "พ่อของเธอต้องไม่เป็นอะไร เชื่อฉันสิ" เขาพูดและจับมือหลี่ชิงชิง "บางทีภารกิจต่อไปอาจจะเป็นการไปช่วยหมวดหลี่ก็ได้" "อืม" หลี่ชิงชิงพยักหน้ารับ "หวังอยู่เหมือนกัน" ครู่ต่อมาบุญธรเดินเข้ามาเพื่อบอกถึงประวัติของร้อยตำรวจโทแอดดิสัน จากข้อมูลที่ส่วนกลางส่งมาให้มาก็ทำให้ทุกคนรู้ว่า ร้อยตำรวจโทแอดดิสัน รอสท์ ไม่ได้เติบโตมาจากครอบครัวฟรอนเทียร์โดยกำเนิด แต่ครอบครัวของเขาย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่นี้ อาชีพที่ครอบครัวนี้ทำคือแรงงานกรรมกร ความยากจนและความยากลำบาก ส่งผลให้ลูกชายคนเดียวของครอบครัวตัดสินใจ เปลี่ยนสัญชาติมารับราชการตำรวจ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หัวหน้าทีมสอบสวนจึงคิดว่านี้อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมร้อยตำรวจโทแอดดิสันถึงรับสินบนแก๊งขวานซิ่ง ส่วนเรื่องครอบครัวเห็นว่าร้อยตำรวจโทแอดดิสันมีลูกสาวสองคนเหมือนกัน ซึ่งหลี่ชิงชิงรู้จักดีเพราะเคยเล่นด้วยกันสมัยเด็ก เอริส รอสท์ ข่าวล่าสุดคือเธอยังไม่กลับจากสงคราม น้องสาวของเอรีสมีชื่อว่า ลูซินดา รอสท์ อายุน้อยกว่าหลี่ลู่ ภรรยาของร้อยตำรวจโทแอดดิสันมีชื่อว่า เลอลิซ รอสท์ มาจากครอบครัวชาวสวนผลไม้แถวชานเมืองชนบทของเขต G-11 ปรมัตถ์เห็นสีหน้าของหลี่ชิงชิงที่ดูกระอักกระอ่วนมาก แม้จะน่าเห็นใจแต่ในเมื่อร้อยตำรวจโทแอดดิสันทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ ไม่มีใครควรได้รับการยกเว้นทั้งสิ้น +++++ ในห้องทำงานใหญ่ของตำรวจก็มีเรื่องวุ่นวายไม่แพ้กัน เป็นการวิวาทระหว่าง จ่าสิบเอกซอชูวาน และ จ่าสิบตำรวจลาซาลาซ เนื่องจากว่าทีมสืบสวนสารวัตรทหารค้นพบว่า คดีการหายตัวของเด็กสาวส่วนใหญ่ อยู่ใต้การดูแลของจ่าสิบตำรวจลาซาลาซที่ดูจากรายงาน และผลของการสืบคดีเห็นได้ชัดเจนว่า การทำงานของตำรวจผู้นี้สะเพร่าจนไม่น่าให้อภัย จ่าสิบเอกซอชูวานจึงไม่พอใจอย่างมาก ทำให้เกิดการปะทะอารมณ์กันขึ้น ไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้ามเนื่องจากทุกคนคิดว่า จ่าสิบตำรวจลาซาลาซก็รับสินบนมาไม่ต่างจากร้อยตำรวจโทแอดดิสัน ข้อหาดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายจ่าสิบตำรวจลาซาลาซอย่างมาก "อย่ามากล่าวหากันนะเว้ย !" จ่าสิบตำรวจลาซาลาซตะคอกเสียงดัง "ฉันยอมรับว่าคดีนี้ฉันทำสะเพร่าจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันรับสินบนจากไอ้พวกเวรนั่น" "ออ เหรอ งั้นไอ้นี้นายจะตอบว่าไง" จ่าสิบเอกซอชูวานชูภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด "มึงอธิบายมา ! วันนั้นมึงไปไหนกับไอ้ชเวฮโยมาน" จ่าสิบตำรวจลาซาลาซเหมือนจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ก็ยิ่งทำให้เดือดดาลมากขึ้นเป็นทวีคูณ "กูกับมันสนิทกันก็จริง แต่ไม่ได้ความว่ากูรับสินบนเว้ย !" จ่าสิบเอกซอชูวานทุบโต๊ะเสียงดังสนั่น "ขนาดนี้แล้วยังปากดีอยู่อีกนะมึง" จ่าสิบเอกซอชูวานตะคอกใส่ "เออ ! แล้วจะทำไมว่ะ อย่าคิดว่าเป็นสารวัตรทหาร แล้วกูจะไม่กล้ากระทืบมึง" ฝั่งจ่าสิบตำรวจลาซาลาซตะคอกกลับ ครู่ต่อมาประตูห้องเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของ พันตรีสรวง เวโรจน์ ซึ่งมีอัยการเย่เฉินตามหลังมา ทำให้การปะทะอารมณ์จำต้องยุติลงพร้อมกับหันมาทำความเคารพ อัยการเย่เฉินถอนหายใจเล็กน้อย เนื่องจากก่อนจะเข้าห้องมาก็ได้ยินเสียงโต้เถียงที่ดังออกมา "ให้ตายสิ สถานการณ์แบบนี้พวกคุณยังมีเวลาทะเลาะกันอีกหรือ" ก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้กับสารวัตรทหารหนุ่ม "จ่าลาซาลาซบริสุทธิ์เรื่องการรับสินบน" ประโยคดังกล่าวทำให้จ่าสิบเอกซอชูวานอึ้งไม่น้อยก่อนจะดูข้อมูลในแฟ้ม สิ่งที่อัยการเย่เฉินพูดไม่ผิดแน่นอน เพราะข้อมูลที่อยู่ในมือของจ่าสิบเอกซอชูวาน มันคือการเคลื่อนไหวการเงินของจ่าสิบตำรวจลาซาลาซทั้งหมด ซึ่งอัยการเย่เฉินตรวจสอบทั้งหมดด้วยตนเอง จึงยืนยันได้ว่าตำรวจยศจ่าคนนี้ ไม่มีการรับสินบนของแก๊งขวานซิ่งแน่นอน ทว่าถึงแม้เรื่องนี้จ่าสิบตำรวจลาซาลาซจะไม่มีความผิด แต่เรื่องการทำงานโดยเฉพาะการสืบคดี ถือว่ามีความผิดในโทษฐานที่ปฏิบัติงานบกพร่อง ซึ่งหากเรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่ จ่าสิบตำรวจลาซาลาซอาจต้องโดนสอบวินัย ขณะเดียวกันทางฝั่งกลุ่มปรมัตถ์เมื่อมากันพร้อมแล้ว พวกเขาได้รับภารกิจเพิ่มเติมอีกว่ารอบนี้มีทหารกับตำรวจบางส่วน ที่รับสินบนของแก๊งอาญากรได้แปรพักร์ไปเข้ากับฝ่ายศัตรู โดยสายสืบของ ดาบตำรวจสตีฟ ได้รายงานมาว่า พวกนั้นรับอาสาที่จะดูแลคาสิโนแดนสวรรค์ แต่ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวกลับสังหรณ์ใจไม่ดีนัก เพราะเกรงว่าบรรดาเด็กสาว ที่ถูกขังในห้องใต้ดินอาจโดนฆ่าปิดปาก หากเป็นไปได้อยากรีบเคลื่อนพลให้เร็วที่สุด ส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างมาก สิบนาทีต่อมาทั้งทหารและตำรวจพากันวิ่งขึ้นรถหุ้มเกราะอย่างรวดเร็ว หลี่ชิงชิงส่งสายตาเชิงบอกให้ปรมัตถ์ระวังตัวด้วย เขาพยักหน้ารับและขึ้นรถตามหลังบุญธร โดยร้อยโทกู้เจิ้นหนานเป็นคนปิดท้ายประตู ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวทุบผนังรถเชิงบอกให้เคลื่อนที่ได้ และรถก็แล่นออกจากฐานบัญชาการ มุ่งหน้าสู่ย่านคาเมฮาซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิง มันตั้งอยู่ปีกตะวันตกของเมืองโฮรุก ซึ่งอาจมีความเป็นได้ว่าหลังจัดการช่วยตัวประกัน ทั้งหมดอาจต้องไปสมทบกับฝ่ายกองกำลังที่รับศึกหนักอยู่ เส้นผูกวิญญาณได้บอกกับปรมัตถ์ถึงความวิตกของหลี่ชิงชิง เขาได้แต่หวังว่าร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลจะปลอดภัย "ทุกคน ! อีกห้านาทีใกล้ถึงที่หมายแล้ว" คนขับตะโกนบอกทุกคน ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้ารับและหันมาทางลูกทีมทุกคน "เตรียมอาวุธให้พร้อม เมื่อไหร่ที่เห็นศัตรูจำกัดมันซะ อย่าได้ปราณีเด็ดขาด ทุกคนทราบ !" "รับทราบ !" สองนาทีต่อมาประตูท้ายรถเปิดออกและทุกคนต่างรีบทยอยลงมาอย่างรวดเร็ว ปรมัตถ์ที่ลงจากรถก่อนคนแรก ก็เห็นว่าย่านที่ขึ้นว่าเป็นสถานบันเทิงดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย บัดนี้เหลือแต่ซากปรักหักพังเพราะการสู้รบ ที่ท้องถนนมีศพคนเกลื่อนเต็มไปหมด ไม่ว่าจะตำรวจ ทหาร อาญากร หรือแม้แต่ประชาชนที่หนีออกมาไม่ทัน ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวได้แต่ถอนหายใจ "หลังจบเรื่องเวรตะไลนี่ เราคงได้นำร่างพวกเขากลับคืนสู่ครอบครัว" แต่แล้วปกรณ์วุฒิก็เงยหน้ามองท้องฟ้า "ทุกคนหมอบ !" พูดจบเขาก็กระโจนขึ้นกลางอากาศพร้อมกับใช้กำไลเหล็กแขนขวา เหวี่ยงด้วยพลังไฟธาตุอรุณกระแทกเข้ากับจรวดที่กำลังตรงมาทางทีมพวกเขา เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณพร้อมกับเสียงตะโกนจากฝั่งคาสิโน อันเป็นเป้าหมายของพวกเขา "ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้พวกมันเข้าไปคาสิโนได้" +++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม