“คุณคิมคงออกไปหาคุณหวาน…คุณน้ำหวานเธอเป็นลูกสาวของผู้ว่าคนใหม่ ใครๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะสมกับคุณคิมเสียยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก!” เสียงบอกเล่าเบาๆ ที่ดังขึ้นจากอีกฝากของห้องทำให้ดวงตะวันต้องหันไปมอง ก่อนจะพบว่าไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลย
“ป้าเรือน…”
“หล่อนกลับมาที่นี่อีกทำไม! หรือเพราะรู้ว่าคุณผู้หญิงตายก็เลยกลับมา” คำบอกเล่าของหญิงชราสร้างความตกใจให้กันไม่น้อย
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรคะ! ท่านทำไม…” แม้แต่นางเรือนยังงงเมื่อได้เห็นว่าอีกคนมีท่าทีตกใจเมื่อได้รู้เรื่องนี้ นางคิดว่าหล่อนรู้แล้วเสียอีก ไหนเลยถึงได้ทำหน้าตกใจเหมือนไม่เคยรู้มันมาก่อนแบบนี้
“ท่านกับคุณผู้ชายประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน! ถ้าหล่อนไม่รู้เรื่องนี้แล้วทำไมถึงได้กลับมาที่นี่อีก” ดวงตะวันแม้จะตกใจต่อความจริงที่เพิ่งรู้ กระนั้นหญิงสาวก็ยังรวบรวมสติก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้คนตรงหน้าฟังอย่างไม่คิดปกปิดเพราะมันไม่จำเป็น ต่อให้เธอไม่พูด อีกหน่อยทุกคนในบ้านก็น่าจะรู้กันไปเอง
“นางบำเรอ! นี่คุณคิมเขาคิดบ้าอะไร ทำไมถึงต้องให้เธอ…” หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอเองก็ไม่รู้ความคิดของวาคิมเหมือนกันเพราะว่าเขาเปลี่ยนไปมาก มากเสียจนไม่เหลือภาพพี่คิมคนเดิมของเธออยู่เลย คนที่พร้อมจะปกป้อง ไม่ใช่หาทางทำลายกัน
“เอาเถอะ ก็ยังดีที่คุณคิมให้เธอเป็นแค่นางบำเรอไม่ได้คิดจะเอามาทำเมียออกหน้าออกตา บอกเอาไว้เลยนะว่าฉันไม่มีวันยอมรับ ถึงต่อให้ไม่มีคุณผู้หญิงแล้วหล่อนก็ต้องสำนึกเอาไว้ให้มากๆ ว่าตัวเองไม่มีอะไรเหมาะสมกับเจ้านายของฉันเลยสักอย่าง! คนที่เหมาะสมกับคุณคิมตอนนี้มีแค่คุณหวานเท่านั้น จำใส่กะโหลกหล่อนเอาไว้ด้วย!!” หญิงชราร่ายยาวก่อนจะพาตัวเองเดินจากไป ทิ้งให้ดวงตะวันยืนนิ่งอยู่ลำพังพร้อมกับคำถามมากมายที่เธอเองก็อยากถามอีกฝ่ายกลับไปเช่นกันว่าเธอผิดอะไรนักหนาที่เกิดมาจน ไม่มีหน้ามีตาทางสังคมเหมือนกับคนอื่นๆ เธอผิดด้วยหรือที่รักวาคิมด้วยหัวใจไม่ใช่สิ่งที่เขามี
แล้วมันจะผิดมากไหม ที่จนถึงวันนี้ความรักนั้นมันก็ยังคงอยู่
ต่อให้วันนี้เขาจะหมดรักกันแล้ว แต่สำหรับเขาก็ยังเป็นและเป็นอยู่ไม่เปลี่ยน เป็นรักแรกและรักเดียวที่เธอจะขอมี และมีตลอดไป..
วาคิมตัดสินใจนัดณดลเพื่อนสนิทเจ้าของรีสอร์ทภูผาซึ่งสร้างติดใกล้ๆ กับฟาร์มของเขาออกมาหาอะไรดื่มในร้านประจำที่ทั้งสองมักจะพากันมาอยู่บ่อยๆ เวลาที่เหนื่อยจากงานแล้วอยากผ่อนคลาย แน่นอนว่าสีหน้าของเพื่อนสนิทตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นทำให้ณดลสงสัยแต่ก็ไม่คิดถาม เพราะอยากให้เจ้าตัวเป็นคนเล่ามันเอง
เขารู้นิสัยของเพื่อนรักว่ามันเป็นคนปากหนักแค่ไหน ลองถ้ามันไม่อยากจะพูดแล้วต่อให้เอาอะไรมาง้างปาก มันก็ไม่ยอมพูดอยู่ดี
“ดวงตะวันกลับมาแล้ว…” เหล้าที่เพิ่งจะถูกกระดกเข้าปากถูกพ่นออกมาแทบไม่ทันเมื่อได้ยินชื่อ ‘ต้องห้าม’ ของใครบางคนจากเพื่อน
ใครบางคนที่บอกเลิกกันอย่างเลือดเย็นก่อนที่จะหายตัวไปถึงห้าปีเต็ม แน่นอนว่าเขารู้จักดวงตะวันแต่ไม่ได้สนิทกับเธอเท่าไหร่
“แล้วแกจะทำยังไงต่อวะ”
“แกก็น่าจะรู้ว่าน้าของเธอติดหนี้ฉัน ฉันจะทำยังไงได้วะ นอกจากยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นนางบำเรอ แทนที่จะหาเงินใช้หนี้”
“ไอ้คิม! มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ ฉันว่าแกใจร้ายกับเขาเกินไป” อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นคนที่มันรักและอาจจะยังรักอยู่ก็ได้ไม่มีใครรู้เพราะตลอดห้าปีเต็มมันไม่เคยเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีกเลย ต่อให้จะมีสาวสวยๆ เข้าหาสักกี่คนก็เป็นได้มากสุดแค่ทางผ่าน เรื่องอาจจบลงบนเตียงแต่เช้ามาก็ตัวใครตัวมันไป นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นมันรักใครอีกเลย
“มันน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอทำกับฉัน! แกเงียบไปได้แล้วฉันไม่ได้ลากแกออกมาฟังแกบ่น เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไปแล้ว แถมหล่อนก็ตอบตกลง!” เมื่ออีกคนว่ามาแบบนี้ใครเลยจะกล้าพูดต่อ สุดท้ายก็คงต้องสุดแล้วแต่มัน ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ต่อไป
แต่ที่เขารู้สึกได้คือไอ้คิมมันยังคิดถึงอดีตคนรักอยู่ เพราะสิ่งแรกที่มักจะได้เห็นทุกครั้งเวลาที่มีใครสักคนเผลอพูดชื่อของหล่อนขึ้นมาคือสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวที่ยังชัดเจนไม่เปลี่ยน
หากไม่รักมากและยังคงรักอยู่เพื่อนของเขาคงไม่เป็นแบบนี้
ดวงตะวันได้รับอนุญาตให้มาเผาศพน้าชายในสองวันต่อมาโดยมีวาคิมและคนของเขาตามประกบเธอทุกฝีเก้าไม่ยอมให้ห่างสายตาไปไหน เขาทำเหมือนกลัวว่าเธอจะหนีทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเธอทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเซ็นสัญญากับเขาไปแล้ว แถมตอนนี้เขาก็จัดการหนี้สินทั้งหมดที่น้าของเธอทิ้งเอาไว้ให้จนหมด ถึงอยากหนีก็คงทำไม่ได้เพราะนั่นมันไม่ใช่นิสัยของเธอในเมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้
“ดวงอยากกลับไปเอาของที่บ้านหน่อยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากพิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้นลง และกำลังจะถูกพาตัวขึ้นรถกลับ
“ของอะไร”
“เสื้อผ้าค่ะ ดวงไม่ได้คิดว่าต้องอยู่นานเลยไม่ได้เตรียมอะไรมาเท่าไหร่” ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมาเจอกับเรื่องราวแบบนี้ ไม่คิดเลย
“ไม่ต้อง! อยู่กับฉันเธอไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้า!” วาคิมตอบเสียงแข็งก่อนจะกระชากคนข้างกายให้ขึ้นรถมาพร้อมกันโดยครั้งนี้มีประวีที่รับหน้าที่เป็นคนขับรถให้ ทว่าเมื่อถูกลูกน้องถามถึงที่หมาย แทนที่จะบอกว่ากลับบ้าน เขากลับเอ่ยสั่งให้ไปที่ห้างสรรพสินค้าแทน
หญิงสาวไม่รู้เหตุผลจนกระทั่งถูกลากลงจากรถมาด้วยกันเมื่อถึงที่หมายและเขาพาเดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอีกหลายร้านโดยที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้ว่าจะปริปากออกความเห็นเลยสักคำเพราะไม่ว่าจะเป็นชุด หรือแม้แต่ชุดชั้นในเขาก็เป็นคนเลือกให้เองทั้งหมดซ้ำยังโอบเธอไปทั่วห้าง ไม่อายสายตาคนที่มองมาเลยสักนิด
“คุณคิมคะ…ใช่คุณคิมจริงๆ ด้วย มาทำธุระแถวนี้เหรอคะ” เสียงหวานจากใครบางคนที่ดังขึ้นไล่หลังทำให้คนถูกเรียกต้องหยุดเดิน วาคิมส่งยิ้มให้วันวิสา บุตรสาวของผู้ว่าคนใหม่ที่กำลังเดินตรงเข้ามากันอย่างเป็นมิตร แน่นอนว่าการกระทำของเขาถูกจ้องมองจากอีกคนอยู่ ซึ่งยิ่งได้เห็นสายตาของหล่อนที่แสดงให้ถึงความสงสัยเขายิ่งสะใจ!
“ครับ คุณหวานล่ะครับมาทำอะไรแถวนี้” ชื่อของผู้หญิงตรงหน้าทำให้ดวงตะวันรู้ได้ในทันทีเลยว่าเธอคนนี้คงเป็นคนที่ป้าเรือนบอกว่าใครๆต่างก็พากันลงความเห็นว่าเหมาะสมกับวาคิมมาก
“หวานนัดเพื่อนทานข้าวที่นี่ค่ะ ว่าแต่…นี่ใครเหรอคะ”
“นี่ดวงตะวันครับ เธอเป็นเพื่อนเก่าของผม พอดีว่าเราสองคนไม่ได้เจอกันมานาน ผมก็เลยพาเธอมาเปิดหูเปิดตาหน่อย” คนที่เพิ่งจะถูกโยนสถานะ‘เพื่อน’มาให้โดยไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยิ้มเมื่ออีกคนยิ้มมาให้
เขาไม่กล้าบอกคนตรงหน้าว่าเธอเป็นอดีตคนรักด้วยซ้ำ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงมีความหมายกับเขามาก เขาถึงไม่อยากให้เธอรับรู้ แล้วเธอเล่าดวงตะวัน..มีค่า มีความหมายแค่ไหนสำหรับเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ วันวิสาค่ะ แต่ถ้าคุณเป็นเพื่อนของคุณคิมเรียกหวานว่าหวานก็ได้นะคะ เพื่อนของคุณคิมก็เหมือนเพื่อนของหวาน” วันวิสาแนะนำตัวเองก่อนจะขอตัวเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น ท่าทางของหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไปที่ดูมั่นใจในตัวเองมากทำให้ดวงตะวันต้องมองย้อนดูตัวเองที่ไม่ว่ามองมุมไหน ก็เทียบไม่ได้เลย วันวิสาดูดีไปทุกระเบียบนิ้วช่างแตกต่างกันเธอมาก
มากชนิดที่ว่าชาตินี้ทั้งชาติ เธอคงไม่มีวันจะเทียบอีกคนได้
“คุณหวานกับฉันเรากำลังจะหมั้นกันเร็วๆ นี้…ถ้าจะให้ดีอย่าให้เขารู้เรื่องของเรา!” คำบอกเล่าที่ดังขึ้นทำให้ดวงตะวันละสายตาจากนุชนาถแทบจะทันที เธอเงยหน้ามองเจ้าของคำพูดด้วยความตกใจ ยิ่งได้ยินจากปากของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดว่าตอนนี้เขามีใครคนไหนเข้ามาในชีวิตแล้ว ซ้ำเธอคนนั้นยังเหมาะสมกับเขาทุกอย่างตามที่ทุกคนต้องการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแม่ของเขา หรือแม้แต่ป้าเรือนเองก็ตามที
“ดวงเข้าใจแล้วค่ะ…ดวงจะระวังไม่ให้คุณหวานรู้เรื่องนี้ คุณคิมไม่ต้องหวงนะคะ หวานจะไม่มีวันทำลายชีวิตคู่ของพวกคุณเด็ดขาด” แทนที่จะรู้สึกดีเมื่อได้ยินวาคิมกลับยิ่งหัวเสียหนักกว่าเก่า
มันไม่ได้กำลังจะมีงานหมั้นบ้าบออะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น อีกอย่างเขากับวันวิสาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะอยากเป็นกับมากก็เถอะ ที่พูดไปก็แค่อยากดูอาการของคนตรงหน้าเท่านั้น ยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดเขายิ่งมีความสุข แต่แล้วความสุขที่ว่าก็ค่อยๆ หายไปเมื่อหล่อนเชิดหน้าพร้อมกำชับว่าจะไม่ทำลายชีวิตคู่ของเขาด้วยท่าทีปกติ ไอ้ท่าทีสีหน้าเหมือนคนใกล้ตายเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
“ก็ดี! เพราะว่าฉันรักคุณหวานเขามาก รักเสียจนผู้หญิงอย่างเธอแทบอะไรกับเขาไม่ได้เลย!” การที่ต้องมายืนฟังคนที่ตัวเองรักบอกรักคนอื่นต่อหน้ามันทำให้ดวงตะวันเจ็บจนแทบทนไม่ไหว แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความจริงที่เขาเป็นคนเอ่ยออกมาเอง ว่าวันนี้เขามีคนที่รัก คนรักที่เหมาะสมกับเขามากกว่าเธอ