“งั้นป้าไม่กวนแล้ว” นางเรือนตอบก่อนจะพาตัวเองเดินหลบออกมา กระนั้นก็ยังไม่วายคอยหาโอกาสอยู่กับแม่คนนั้นตามลำพังเพื่อที่ว่างจะไปถามให้รู้เรื่องว่ามันเพราะอะไรกันหล่อนถึงได้กลับมาที่นี่อีก กลับมาทั้งๆ ที่ก็หายตัวไปถึงห้าปีเต็มๆ มันเพราะอะไรกันแน่
เมื่อหญิงชราจากไปทั้งห้องก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง แน่นอนว่าดวงตะวันอึดอัดไม่น้อยที่ต้องมานั่งทานข้าวร่วมกันกับอดีตคนรักอีกครั้งแถมครั้งนี้มันยังเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่เธอกับเขาไม่ได้พบกันอีก นอกจากความอึดอัดแล้วยังมีความดีใจซ่อนอยู่
“กินสิ! มัวแต่นั่งมองแล้วมันจะหายเข้าไปในท้องเธอรึไง!” หญิงสาวอดที่จะหันไปค้อนคนปากจัดข้างกายไม่ได้ เมื่อเขาเอ่ยขึ้น
“ค่ะ” เธอตอบก่อนจะเริ่มต้นตักข้าวเข้าปาก ตั้งแต่เช้าจำได้ว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องสักอย่าง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นลม
“คุณคิมคะ…ถ้าดวงจะขอใช้โทรศัพท์โทรกลับหาเพื่อนได้ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่กลับมาถึงเชียงรายเธอยังไม่ได้ติดต่อกลับไปหามะลิเพื่อนสนิทเลย มีหลายเรื่องที่ต้องบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เธอต้องอยู่ที่นี่ต่อถึงหนึ่งปีเต็มๆ นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเพื่อนจะรู้สึกอย่างไร
“เพื่อนผู้ชายรึผู้หญิง!”
“ผู้หญิงคะ…”
“กินข้าวให้หมดแล้วค่อยไปโทร” หญิงสาวยิ้มรับในคำอนุญาตก่อนจะทำตามที่เขาสั่งด้วยการตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหย เธอแทบไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ากับข้าวแต่ละอย่างตรงหน้าล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของตัวเองแทบทั้งสิ้น หากลองได้สังเกตสักนิดคงจะรู้ได้ไม่ยากว่าใครบางคนที่แสร้งใจร้ายใส่ไม่เคยลืมเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ยังคงจดจำได้ดี
แม้ว่าเขาจะพยายามทำมันมาตลอดห้าปีเต็มก็ไม่เคยสำเร็จ!
ดวงตะวันเดินตามแผ่นหลังของเจ้าของบ้านมายังห้องนั่งเล่นทันทีที่ทานข้าวเสร็จ วาคิมทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาก่อนจะกระดิกเรียกกัน ซึ่งนั่นทำให้คนที่ยืนเก้ออยู่กลางห้องต้องเดินตรงเข้าไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือกก่อนที่เธอจะกรีดร้องขึ้นเบาๆ เมื่อถูกกระชากให้ล้มลงไปนั่งอยู่บนตักแกร่ง ครั้นจะลุกหนีก็ถูกอ้อมกอดของเขารัดเอาไว้เสียแน่น
“นี่โทรศัพท์…อยากโทรนานแค่ไหนก็เชิญ แต่ฉันคิดค่าโทร…นาทีละหนึ่งจูบ!” คนเอาแต่ใจไม่พูดเปล่ายังฝังจมูกลงบนซอกหูกันเบาๆเหมือนคล้ายจะสาธิตให้เธอได้เข้าใจว่าเขาพูดจริงทำจริงทุกคำ
“คะ…คุณคิม…”
“โทรสิ! ฉันเริ่มจับเวลาไปแล้ว ยิ่งช้า เธอก็ยิ่งเสียเปรียบ” แน่นอนว่าดวงตะวันรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรักแทบทันที แต่สมาธิกลับไม่ได้อยู่ที่มันเลยแม้แต่น้อยเพราะกำลังลุ้นอยู่ว่าจูบในนาทีต่อไปของเขานั้น มันจะไปหยุดลงที่ไหนของร่างกายกัน
“มะลิ…นี่เราเองนะดวงตะวัน” เฝ้ารอไม่นานปลายสายก็กดรับทำให้เธอต้องรีบแสดงตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดวง!รู้ไหมเราเป็นห่วงโทรหาก็ไม่ติด เกิดอะไรขึ้น!!”แน่นอนว่าอีกฝ่ายรัวคำถามออกมาเป็นชุดพร้อมๆ กับใครบางคนที่ก้มลงจูบแก้มซ้ายของเธอหนักๆ เหมือนจะบอกให้รู้ว่าผ่านไปแล้วหนึ่งนาที
“เราขอโทษ พอดีแบตโทรศัพท์หมดเราลืมเอาที่ชาร์จมาด้วยสิ มะลิ…ตอนนี้น้าเราเสียแล้ว ตอนนี้เราอยู่กับคุณวาคิม เขายินดีจะช่วยใช้หนี้แทนให้น้าธนาทั้งหมด แต่ต้องแลกกับการให้เราอยู่กับเขาที่นี่หนึ่งปี…” อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ทำให้เธอถูกวาคิมหอมเข้าที่แก้มขวาในระหว่างรอ
แน่นอนว่าทุกๆ สัมผัสของเขาทำให้เธอขนลุกไปทั่วตัวเพราะพี่คิมคนเก่าไม่เคยถึงตัวถึงตัวกับเธอแบบนี้มาก่อน เธอเสียแค่จูบแรกในชีวิตให้เขาไปในวันเกิดครบสิบเก้าเท่านั้นนอกนั้นเขาไม่เคยเอาเปรียบเธอไปมากกว่าจับมือ หรือโอบกอดในวันที่รู้สึกแย่เท่านั้น
“เราเข้าใจแล้ว…ดูแลตัวเองดีๆ นะดวง ถ้าเป็นไปได้โทรหาเราบ่อยๆ ด้วยนะ เราคงคิดถึงดวงแย่เลย เอาไว้วันหยุดเราจะไปหาดวงที่นั่นนะ” ดวงตะวันยิ้มรับก่อนจะสัญญากับเพื่อนว่าเธอเองก็จะหมั่นโทรกลับไปหาบ่อยๆ เช่นกัน หญิงสาวกดวางสายไปพร้อมความรู้สึกใจหายไม่น้อยเพราะตลอดห้าปีเต็มในชีวิตเธอกับมะลิมีกันและกันมาโดยตลอด แต่นี่ต้องห่างกันถึงหนึ่งปีไม่แปลกเลยที่จะรู้สึกเศร้า และอดเป็นห่วงเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยจะทันคนสักเท่าไหร่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธออยู่ด้วย ไม่รู้เลยจริงๆ
“เพื่อนคนนี้ไปรู้จักที่ไหน” วาคิมเอ่ยถามคนในอ้อมกอดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป เขาอดแปลกใจไม่น้อยเพราะจำได้ว่าดวงตะวันไม่เคยมีเพื่อนสนิทคนไหนหญิงสาวเป็นคนเก็บตัวจึงไม่ค่อยมีใครคบ
“ที่ท่ารถเมื่อห้าปีก่อนค่ะ…มะลิกับดวง เราอยู่ด้วยกันมาตลอดห้าปี” ดวงตะวันไม่คิดปิดบังในเรื่องนี้ เธอพูดในขณะที่ใบหน้าก็เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้คนตั้งคำถามรู้สึกสงสัยไปกันใหญ่
“ห่างกันแค่ปีเดียวเขาคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง!”
“แต่ดวงก็ยังอดหวงมะลิไม่ได้อยู่ดี มะลิเขาไม่ค่อยทันคนค่ะ ดวงกลัวว่าเพื่อนจะถูกหลอก” เหมือนที่เขาเคยถูกเธอหลอกน่ะสินะ
“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหมดวงตะวัน! เธอยังค้างจูบที่สี่ของฉันอยู่จำได้ไหม เพราะว่าก่อนวางสายมันเข้านาทีนั้นพอดี…” คนพูดไม่รอให้อีกคนได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีกเขาจัดการปิดเรียวปากหวานด้วยจูบหนักๆ ก่อนที่อีกคนจะดิ้นรนขัดขืนเบาๆ แต่ก็ไม่อาจต้านทานความต้องการอันมากล้นของเขาไปได้เลย สิ่งที่เขาอยากได้เขาจะต้องได้มัน…. ต่อให้จะได้มาด้วยวิธีที่ผิดเขาก็ไม่สน!!
“อื้อ…คุณคิม….” หญิงสาวเผลอครางชื่อคนที่ผละจูบแล้วเปลี่ยนมาซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างเอาเรื่องออกมา สัมผัสของเขารุนแรงจนเธอรู้สึกกลัว กลัวว่าเขาอาจจะไม่ได้หยุดมันแค่จูบอีกต่อไป
“อย่าดิ้นสิ! ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอ!!” วาคิมตวาดคนที่เอาแต่ขัดขืนกันจนน่ารำคาญ แน่นอนว่าเสียงเขามันทำให้เธอหยุดดิ้นแทบจะทันที ทำให้เขาพอใจไม่น้อยก่อนจะก้มลงจูบหนักๆ ที่เรียวปากสวยอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจซึ่งหนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืน แต่กลับร้องไห้ออกมาซึ่งมันทำให้เขาต้องหยุดทุกสิ่งที่ทำ
“ร้องไห้ทำไม…”
“ฮึก! ดวงยังไม่พร้อม ขอเวลาดวงหน่อยได้ไหมคะ” ดวงตะวันตอบไปตามความจริง เธอยอมรับว่ากลัวสิ่งที่อาจต้องเกิดขึ้นในสักวัน แม้จะรู้ว่ายังไงก็หลีกหนีมันไม่พ้นแต่ก็ต้องไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่ในห้องรับแขกที่เปิดโล่ง และอาจจะมีใครต่อใครเดินมาเห็นเอาง่ายๆ
“แค่ถึงวันเผาน้าเธอเท่านั้นดวงตะวัน…ฉันให้เธอได้แค่นี้ ระหว่างนี้ถ้าจะให้ดีก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะ! อย่าให้ฉันเห็นน้ำตาบ้าๆ นี่อีก!” วาคิมคำรามลั่นก่อนจะผลักคนในตักออกไปให้พ้นทาง เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะพาตัวเองเดินออกไปจากห้อง ไม่นานดวงตะวันก็ได้ยินเสียงรถก่อนเธอจะรับรู้ว่าคนใจร้ายไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว