ถูกท้า - แดนดิน

1389 คำ
ผู้ชมรอบเวทีไฟท์คลับ ยังคงส่งเสียงเชียร์คู่ต่อไป หลังจากที่มีคนลากไอ้ขี้ยาลงจากเวที หามส่งโรงพยาบาลไปแล้ว ผมยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้นายปีศาจซึ่งอาจจะเป็นข้อดีก็ได้ที่หมอนั่นยังไม่รู้ว่าผมโผล่มา พี่เวียร์เล่าให้ฟังว่านายพรินซ์เกลียดพวกขายยา เพราะน้องชายเขาถูกพวกขายยาล่อลวงไปเข้าแก๊งด้วย พวกนี้จะเข้ามาตีสนิทเหล่านักเรียน นักศึกษา เอายามาให้ลองฟรีจนติดใจแล้วค่อยปอกลอกทีหลัง บางคนพอติดแล้วก็กลับมาหาเหยื่อรายใหม่ที่เป็นเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพื่อนร่วมห้องนี่ล่ะ ตัวดีเลย หลอกง่าย ผมฟังแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปอกเปลือกหอมใหญ่ของนายปีศาจ คือค่อย ๆ เห็นเนื้อในแต่ละชั้นของหมอนี่ ผมก็ไม่รู้ว่าจะปอกไปน้ำตาไหลไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมอยากทำอย่างไรก็ได้ให้เข้าถึงแก่นในของนายปีศาจให้มากที่สุด พี่เวียร์ขอตัวไปคุยกับเพื่อน เขาชี้บอกผมว่ามีเครื่องดื่มอยู่ในห้องเก็บห้อง ห้องเดียวกับที่นายปีศาจเคยพาผมมานั่งรอเขาครั้งแรกนั่นล่ะครับ ผมเดินเข้าไปแต่ไม่ได้อยากจะหาน้ำดื่ม แค่อยากเดินหลบผู้คนสักพักเพราะเริ่มรู้สึกหายใจลำบากกับทั้งกลิ่นเหงื่อและกลิ่นเลือดที่คละเคล้ากันในโรงยิมขนาดไม่ใหญ่มากแห่งนี้ พอผมเปิดประตูเข้าไปภาพเดจาวูก็ผลุดขึ้นมาทันที นายน้ำมนต์จ้องหน้าผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเหมือนเคย ครั้งนี้น้ำมนต์ไม่ได้นั่งฟังเพลงเหมือนครั้งที่แล้ว เขาใช้ผ้าเช็ดมือชุบแอลกอฮอล์เช็ดเลือดของนายขี้ยาออกจากมือตัวเองหลังจากที่เขาช่วยยามหน้าประตูหามนายขี้ยาลงจากเวทีไป ฉลาด...รู้วิธีฆ่าเชื้อโรค ผมคิด  "มาทำไม" น้ำมนต์เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ผมหันซ้ายหันขวาไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเราสองคนแต่ผมก็ยังถามกลับเพื่อให้แน่ใจหรืออาจจะเป็นสัญชาตญาณกวนส้นตีนของผมก็ได้ "คุณหมายถึงผมเหรอ" ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง  เป็นคำถามที่ไม่ฉลาดนักเพราะหลังจากนั้นน้ำมนต์ก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ตรงเข้าล็อกต้นคอของผมจนหลังไปกระแทกเข้ากับผนังห้อง "ฉันขอเตือนนาย ด้วยความหวังดีนะไอ้แว่น ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนอย่างพวกนายควรจะมามั่วสุมกัน คนที่มาที่นี่เขามาดูคนถูกฆ่า ไม่ได้มาหาหนังสืออ่าน ทางที่ดีฉันว่านายรีบออกไปจากที่นี่ซะ แล้วก็อย่าได้เข้าใกล้ พรินซ์อีก" น้ำมนต์พ่นน้ำลายใส่หน้าผม ผมพยายามไม่หลับตาหรือแตะตัวคนที่กำลังขู่ผมอยู่ ผมแค่ขยับขาให้ตัวเองยืนได้สะดวกขึ้นก่อนจะตอบคู่หูของนายปีศาจอย่างช้า ๆ  "ผมก็ไม่ได้คิดว่าที่นี่เป็นห้องสมุด เสียงดังขนาดนี้ใครจะมีสมาธิอ่านหนังสือได้ ส่วนเรื่องอยู่ใกล้หรืออยู่ห่างจากนายปรีญาศาสตร์นั่นก็เป็นสิทธิของผม เราเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน ตราบใดที่นายปรีญาศาสตร์ไม่ได้ไล่ผม ผมก็ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร" ความจริงแล้วผมอยากหาคำอะไรที่มันกระชับ สั้น ๆ ตอกกลับน้ำมนต์ แต่ผมไม่ถนัดเรื่องพูดสักเท่าไร ผมว่าถ้าเป็นนายพรินซ์มาตอบก็คงจะสะใจมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สื่อข้อความของผมให้น้ำมนต์เข้าใจได้ชัดเจนและตรงประเด็นเพราะหลังจากที่ผมพูดจบ ท่อนแขนของเขาก็กดลำคอผมต่ำลงไปอีกลูกกระเดือกของผมถูกดันรั้งจนผมต้องอ้าปากหายใจ เผลอไอออกมาเบา ๆ  "นายพรินซ์ไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด เพราะฉะนั้นทางที่ดีคืออยู่ห่างเขาให้มากที่สุดเพราะฉันได้กลิ่นปัญหาจากตัวนายตั้งแต่ฉันเห็นนายวันแรกแล้ว ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้านายสร้างปัญหาให้เมื่อไร ฉันนี่ล่ะจะเป็นคนลากนายขึ้นเวทีด้วยตัวของฉันเอง"  "ผมว่าคุณแอบรักนายปรีญาศาสตร์มากกว่าไม่ต้องมาอ้างว่าผมจะสร้างปัญหาให้เขาหรอก พูดออกมาตรง ๆ ก็ได้ว่าคุณเป็นแฟนคลับของนายปรีญาศาสตร์อยู่ หรือว่าคุณไม่อยากให้เขารู้" คำถามของผมคงจะต่อยตรงลิ้นปี่ของน้ำมนต์เข้าเต็ม ๆ เพราะน้ำมนต์ยกมือเงื้อแขนขึ้นทำท่าจะชกผมเข้าให้แต่ก็ยั้งมือไว้เหมือนคิดอะไรออก เขาเดินตรงไปทางหน้าเวที ไม่มีใครอยู่บนเวทีเพราะกำลังอยู่ในระหว่างพักเบรกเพื่อเปลี่ยนคู่ชก ผมวิ่งตามออกไปดูว่าน้ำมนต์จะทำอะไรจนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศจากเวทีของหมอนั่นดังลั่นห้อง "ฉันขอท้านายแว่นนั่น" น้ำมนต์ชี้นิ้วมาทางผม ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน ยุคนี้ไม่มีใครใส่แว่นแล้วล่ะครับ มีผมอยู่คนเดียวทั้งโรงยิม ในมือของน้ำมนต์มีสายผ้าสีน้ำเงินยาวอยู่ซึ่งเป็นผ้าที่นักมวยใช้พันมือก่อนขึ้นชก นั่นเป็นวิธีการส่งสัญญาณท้าประลองของที่นี่              ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เวที ในขณะที่ผู้ชมต่างเปิดทางให้ผมเดินผ่านเหมือนในภาพยนตร์ต่างชาติอย่างไรอย่างนั้นเลย นายปีศาจวิ่งออกมาจากกลุ่มคนดูกระโดดขึ้นไปยืนอยู่ขอบเวที เมื่อรู้ว่านายแว่นคือผม "เกิดอะไรขึ้น" นายปีศาจขมวดคิ้วสงสัยและดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าผมเข้ามาในชมรม มันเป็นความสามารถพิเศษของผม ที่ไปไหนมาไหนไม่ค่อยมีคนสังเกต ผมมันเป็นพวกเด็กหลืบ ไม่มีจุดเด่นอะไรให้คนจดจำ เพียงแต่ไม่ใช่วันนี้... ผมกระโดดขึ้นเวทีเดินตรงไปยืนอยู่ด้านหน้าน้ำมนต์พร้อมกับขยับแว่นตาขึ้นนิดหน่อยด้วย'นิ้วกลาง' ผมขอกระซิบบอกไว้ตรงนี้เลยครับว่าจงใจ... น้ำมนต์ขยับตัว ผมฉีกยิ้มน้อย ๆ ในขณะที่นายพรินซ์เดินเข้ามาผลักหน้าอกของน้ำมนต์ไว้ "นายจะทำอะไร" นายปีศาจถามคู่หูของเขาแต่น้ำมนต์ไม่ได้ตอบกลับ เขาโยนผ้าพันมือสีน้ำเงินนั้นลงพื้นต่อหน้าผมแทน และผมก็หยิบขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าผมรับคำท้า  เสียงผู้ชมจากด้านล่างร้องเชียร์กันสนั่น ผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าสาเหตุที่พวกเขาเชียร์กันคงเพราะอยากเห็นผมถูกนายน้ำมนต์ลากไส้ออกมาฉีกกินบนเวที ซึ่งผมก็คิดว่าผมคงเดาไม่ผิดสักเท่าไร นายพรินซ์หันกลับมาดึงเอาผ้าสีน้ำเงินออกจากมือผมแต่ผมไม่ยอมปล่อยมือคืนให้ "ไอ้แว่น  นายคิดจะทำอะไร" นายปีศาจคำรามใส่หน้าผม "ผมชื่อแดนดิน ไม่ใช่นายแว่นหรือนายเนิร์ด " ผมตอบเพราะรู้สึกเบื่อที่ไม่มีใครยอมเรียกชื่อจริง ๆ ของผมเลยสักคน พรินซ์ส่ายหัวราวกับผมเป็นเด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสีประสา มีเสียงเชียร์จากด้านล่างดังขึ้น ผมได้ยินแล้วขนลุกขึ้นมาหน่อย ๆ   "ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน..." จากหนึ่งเสียงกลายเป็นสิบเสียงและแล้วผู้คนทั้งโรงยิมก็ร้องเป็นเสียงเดียวกัน ผมเลียริมฝีปาก ถึงแม้จะพยายามไม่แสดงออกว่าตัวเองประหม่ามากแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ ถ้าผมกลัวผมก็ไม่มาหรอกครับที่ชมรมไฟท์คลับเนี่ย คุณรู้ไหมครับว่าถ้ามีคนเอาผู้บาดเจ็บไปทิ้งไว้หน้าห้องฉุกเฉิน คนในโรงพยาบาลมีหน้าที่ต้องรักษาคนไข้คนนั้นตามกฎหมายไม่ว่าคนไข้คนนั้นจะมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือไม่ก็ตาม...ไม่แน่วันนี้อาจจะถึงคราวผมก็ได้ที่ไปเยี่ยมหน้าห้องฉุกเฉินด้วยอีกคน X
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม