คิณฑ์นั่งทำงานอย่างอารมณ์ดี เขากะว่าเดี๋ยวตอนเย็นจะแวะไปหาคุณหมอสาวสักหน่อย วันนี้งานของเขาค่อนข้างยุ่งเพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเอาแต่ตามหาหญิงสาวเลยไม่เป็นอันทำการทำงาน เขาเลยต้องเคลียร์กองเอกสารที่อยู่ตรงหน้ามีแฟ้มหนาๆสามแถวเรียงกันอยู่เพื่อให้เขาตรวจ ด้วยงานที่เขาต้องรับผิดชอบไม่ได้มีแค่ที่เดียว ตั้งแต่ที่บิดาของเขาวางมือชายหนุ่มก็เข้ามาบริหารงานแทนตั้งแต่เขาอายุแค่ 27 ปี เท่านั้น แต่ชายหนุ่มก็ทำมันออกมาได้ดี เขาขยายสาขาของบริษัทออกไปทั่วโลก และชายหนุ่มถือเป็นผู้บริหารอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีในนามเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ชีวิตชายหนุ่มนั้นเวลาของเขาส่วนมากยกให้กับการทำงานเดินทางไปประเทศนั้นประเทศนี้เพื่อดูแลธุรกิจในส่วนที่เขาบริหารงานเอง ส่วนบางสาขาเขาก็มีตัวแทนในการบริหารงานร่วมเข้าบริหารงานแทน เขาจะได้รับแค่รายงานสรุปยอดทุกเดือนเท่านั้น มีบ้างที่เขาสังสรรค์กันกับเพื่อนๆแต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนักเพราะชายหนุ่มต้องทำงาน แต่เพื่อนๆของเขาก็แวะเวียนมาหาบ้างไม่เคยขาดการติดต่อ ซึ่งเพื่อนของเขามีหลากหลายชนชาติ ทั้งเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนที่เจอกันในการทำงาน
“วิน เข้ามาหาฉันหน่อย” ชายหนุ่มกดสปีกเกอร์โฟนเรียกเลขาหนุ่ม
“ครับ” วินตอบกลับมา
ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนที่เขาจะอนุญาตให้เข้ามา เลขาหนุ่มเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเจ้านาย
“วันนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง” ชายหนุ่มถามออกไป
“วันนี้เวลา 10 โมงมีประชุมกับฝ่ายขาย 11 โมงมีนัดลูกค้าส่วนช่วงบ่ายโมงครึ่งมีประชุมกับบอร์ดบริหารครับ” เลขาหนุ่มรีบรายงานว่าวันนี้ชายหนุ่มมีงานอะไรต้องทำบ้าง
“อ่า แล้วต่อจากนั้นฉันไม่มีนัดใช่ไหม” เขาถามต่อ
“ครับ เพราะการประชุมบอร์ดน่าจะลากยาวจนถึงเย็นผมเลยไม่ได้รับนัดใครไว้ครับ” เลขาหนุ่มที่ทำงานอย่างดีเยี่ยมแถมรู้ใจเจ้านายหนุ่มไปเสียหมด จนบางทีก็เหมือนเพื่อนมากกว่าลูกน้อง
“โอเค ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ทำงานต่อ” เขาบอกออกไปก่อนจะนั่งเซ็นเอกสารกองเท่าภูเขานั้นต่อ
“มีอีกเรื่องครับนาย วันนี้พวกคุณจิมมี่โทรมาชวนไปดื่มตอนเย็นที่ร้านเดิมครับ” เลขาหนุ่มบอกออกไปเพราะเมื่อวานเพื่อนๆของเขาได้โทรเข้ามาในออฟฟิตเพราะติดต่อชายหนุ่มไม่ได้นั่นเอง
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ว่างมีธุระ บอกพวกมันด้วย” เขาปฏิเสธออกไปเพราะเขาวางแผนไว้ว่าจะไปหาคุณหมอสาว
“ครับนาย งั้นไม่มีอะไรแล้วครับ ผมขอตัวนะครับ” เลขาหนุ่มบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินหันหลังกลับไป
“อืม” เขาตอบรับสั้นๆก่อนจะนั่งทำงานต่อ
“สวัสดี ฉันมาพบคุณคิณฑ์” เลขาหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแขกที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
คุณจินนี่ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะมองสาวสวยเปรี้ยวที่หยุดยืนอยู่หน้าเขา เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีแดงรัดรูปสั้นจนแทบจะเห็นไปถึงสัดส่วนข้างใน จินนี่เป็นลูกสาวของเพื่อนคุณหญิงศจี เธอเป็นสาวสังคม ที่หลงรักเจ้านายของเขา แต่คุณคิณฑ์ไม่เล่นด้วยแค่เคยควงออกงานสองสามงานเท่านั้นแต่หญิงสาวกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าชายหนุ่มต้องสนใจเธอแน่ เพราะเธอออกจะเพียบพร้อมหน้าตาดีมีการศึกษา ชาติตระกูลก็ดี แถมบ้านรวยอีกต่างหาก มีเหรอชายหนุ่มจะไม่สนใจ
“เอ่อ ได้นัดไว้ไหมครับ” เขาถามออกมาอย่างรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ได้นัดไว้แน่นอน
“ไม่ได้นัด แต่ฉันรู้ว่าคิณฑ์อยู่ในห้อง ฉันมีธุระจะคุยกับเขา” เธอรีบอ้างเหตุผลออกมาทันที
“งั้นเดี๋ยวสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรออกไปยังห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มทันที
“นายครับ คุณจินนี่มาขอพบครับ.... ครับ...ครับ ได้ครับ” เขาพูดได้เท่านั้นก่อนจะวางสายแล้วหันมาพูดกับหญิงสาวแทน
“เอ่อ คือว่าวันนี้นายไม่ว่างครับ นายบอกว่าเอาไว้นัดทานข้าวเที่ยงพรุ่งนี้แทนครับ” เขาบอกตามที่เจ้านายสั่ง
“ก็ได้ งั้นฉันไปละ” หญิงสาวตอบรับพร้อมทั้งเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา
ชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งทำงานอยู่ในห้องอย่างเคร่งเครียดเพราะเขาตรวจพบว่ามีการโกงภายในบริษัทเกิดขึ้นเนื่องจากจำนวนเงินที่สรุปออกมาไม่ตรงกัน โดยจำนวนเงินเหล่านั้นไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่จนทำให้บริษัทเสียหาย แต่ในเรื่องของการทำงานเมื่อมีคนทุจริตก็ต้องโดนลงโทษเพื่อไม่ให้คนอื่นทำตาม แต่ใครกันละที่เป็นคนโกงเงินไป
ชายหนุ่มนั่งคิดว่าพอจะมีใครที่เป็นเป้าหมายในการโกงครั้งนี้บ้าง ก่อนจะกดโทรออกหาเลขาหนุ่มให้เข้ามาหาอีกทีพร้อมทั้งอธิบายให้เลขาฟังแล้วให้ไปสืบเรื่องมาให้หน่อย เขาจะได้จัดการเสียให้สิ้นซาก
ชายหนุ่มนั่งทำงานจนกระทั่ง 6 โมงเย็น เขารีบเคลียร์เอกสารส่วนที่ค้างไว้ทั้งหมดก่อนจะรีบร้อนออกจากบริษัทไปเพราะกลัวไม่ทันคุณหมอสาว เธออาจกลับบ้านก่อนเขาก็ได้ถ้าเขาไปช้ากว่านี้
ทางด้านคุณหมอสาววันนี้เธอเลิกงานห้าโมงครึ่ง ก่อนที่จะเดินไปเรียกเพื่อนสาวคนสนิทที่ห้องทำงานแล้วเดินออกมาขึ้นรถไปยังที่นัดหมายพร้อมกัน
“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ของหมอตาดังขึ้น เธอยกขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ ตาพูดค่ะ” เธอกรอกเสียงออกไป
โหล ที่รัก อยู่ไหนอะพี่มาหาที่ห้องทำงานไม่เจอ กลับแล้วเหรอ มาร์กที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของหญิงสาวโทรเข้ามา
“ค่ะตากลับแล้ว กลับมาพร้อมยัยมิวค่ะ” เธอตอบกลับไป
“อ้อเหรอ โอเค พี่คิดว่าจะมาชวนไปทานข้าวเย็น ที่รักกลับแล้วก็ไม่เป็นไร เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ครับ” เขาพูดเศร้าๆออกมา
“ค่ะ งั้นวางสายแล้วนะคะ บายค่ะ” หมอตาพูดแค่นั้นแล้ววางสายทันที เธอไม่อยากบอกชายหนุ่มว่ามาเที่ยวต่อกับมิวเพราะชายหนุ่มต้องขอตามมาด้วยแน่ๆเธอกลัวเรื่องแตกขึ้นมาแล้วจะยุ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากบอกใครแต่เพียงแค่เธอยังไม่พร้อมทุกอย่างมันกะทันหันไปหมด
“ใครโทรมาน้า ถึงทำให้เพื่อนฉันนั่งใจลอยอยู่อย่างนี้” หมอมิวแซวเพื่อนสาวออกไปเมื่อเห็นเพื่อนนั่งใจลอยหลังจากวางโทรศัพท์ไป
“ป่าวไม่มีอะไรหรอก วันนี้รถติดจังคงถึงค่ำแน่เลย” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“แหมเปลี่ยนเรื่องเชียวนะ” หมอมิวพูดออกไปก่อนจะขับรถต่อไปจนถึงผับหรูที่เธอนัดพวกเพื่อนๆเอาไว้
ส่วนทางด้านคิณฑ์ ที่ขับรถมาจนถึงโรงพยาบาลพร้อมช่อดอกไม้เล็กๆที่เขาสั่งเอาไว้ก่อนออกมาหาหญิงสาว เขาจอดรถเสร็จแล้วรีบเดินเข้าไปข้างในทันที
หวังว่าคุณหมอคนสวยจะยังไม่กลับบ้านนะ
ชายหนุ่มเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาในโรงพยาบาลโดยมีสายตาเกือบทุกคู่มองมาที่เขา เพราะตอนนี้เขาราวกับเทพบุตรถือดอกไม้ยังไงยังงั้นเลย
ชุดสูตรสีขาว ถือช่อดอกไม้ขนาดพอดีมือ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาเข้ากับทรงผมที่เซ็ตมาอย่างดี เขาเลือกชุดนี้เพราะอยากให้หญิงสาวประทับใจเพราะการพบเจอกันแต่ละครั้งนั้นเขาอยู่ในชุดคนไข้ตลอดเลย
ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของคุณหมอสาวที่อาทิตย์ก่อนเขามาที่นี่บ่อยๆเพราะอยากเจอเธอ เลยไม่แปลกที่เขาจะเดินมาถูกห้อง เขาเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าไฟในห้องถูกปิดไว้ นั่นแสดงว่าเธอกลับบ้านไปแล้วนั่นเอง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง
นี่เขามาช้าไปเหรอ ก็พยายามรีบแล้วนะ แต่ก็ไม่ทัน เขาคิดพลางเดินไปยังโต๊ะทำงานของเธอก่อนจะวางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะหวังว่าพรุ่งนี้เธอมาคงจะเห็นช่อดอกไม้ของเขานะ ก่อนที่จะหมุนตัวออกไปจากห้องทำงานของเธอ
“เฮ้อคิดถึงจัง” เขาพึมพำเบาๆกับตัวเอง ถ้าการที่มีความรักแล้วรู้สึกอย่างนี้เขาก็ไม่อยากมีเลย ไอ้ความรู้สึกคิดถึงตลอกเวลา อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่ทำไม่ได้เนี่ยมันทรมานจริงๆ
แต่เอ๊ะ รักเหรอ นี่เขารักเธอเหรอ ความคิดชายหนุ่มเริ่มสับสน แต่จะว่าไม่ได้รักก็คงไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย คิดถึง ห่วงหา แค่คิดถึงก็มีความสุข นี่แหละคงจะเป็นความรัก
เขาคิดพลางเดินกลับออกไปที่รถยนต์ของตนเองก่อนจะยกโทศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที
“เฮ้ จิมมี่ แกอยู่ไหนวะ” เขาถามขึ้น
“ตอนนี้กำลังขับรถไปที่ผับ พวกไอ้ธันรออยู่ แล้วแกละตกลงมาไหมวันนี้ เห็นเลขาแกโทรมาว่าแกไม่ว่าง” เพื่อนของชายหนุ่มพูดออกมา
“เออว่างแล้วๆกำลังจะไปแล้วเจอกันที่โน่นเลย ฉันคงไปถึงช้าหน่อยนะ งั้นแค่นี้ล่ะแล้วเจอกัน” ชายหนุ่มพูดก่อนจะวางสายแล้วสตาร์ทรถขับออกไปทันที
คุณหมอทั้งสองมาถึงผับก็เกือบจะสองทุ่มแล้วเพราะรถติดและพวกเธอแวะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมาที่นี่ด้วยเลยกินเวลาไปหลายชั่วโมง
วันนี้ทั้งสองแต่งตัวออกแนวเซ็กซี่เว้าหน้าเว้าหลังหน่อยๆ แต่ไม่ถือว่าโป๊สักเท่าไหร่ ร่องรอยรักถูกปิดด้วยครีมรอพื้นอย่างดี สองสาวเดินเข้ามาในผับ ก่อนจะเดินเข้าไปยังโซนวีไอพีที่จองไว้ ตลอดการเดินทางมาที่โต๊ะของพวกเธอมีหนุ่มๆหลายคนที่มองมาทางพวกเธออย่างสนอกสนใจ แต่สองสาวหาได้สนใจคนพวกนั้น เพราะเธอมาที่นี่ก็เพราะต้องการมาคลายเครียดพบปะเพื่อนฝูง ดื่มเหล้าบ้างเต้นบ้างตามอารมณ์พาไป แต่วันนี้พวกเธอมาเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงด้วยการยักย้ายส่ายสะโพก ถึงแม้พวกเธอจะเป็นหมอที่ทำงานในโรงพยาบาลที่มีแต่คนนับหน้าถือตาแต่พอหลังเลิกงานพวกเธอจะปลดปล่อยมันอย่างเต็มที่ถือเป็นกำไรให้ชีวิต
เธอเดินไปนั่งตรงที่ว่างของโต๊ะที่จองไว้เพราะเพื่อนๆบางคนก็มาถึงกันก่อนแล้ว
“ว้าว วันนี้สองคุณหมอทั้งสองมาแนวไหนเนี่ย สวยเซ็กซี่เป็นบ้าเลยอ่า” เพื่อนสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น
“เออ ใช่ วันนี้พวกแกมาแปลกนะ เกิดอะไรขึ้น” อีกคนสมทบ
“ป่าวหรอกวันนี้ฉันแค่อยากสวยไม่ได้เลยรึไงเล่า” หมอมิวพูดขึ้นก่อนจะสั่งมาการิต้าสองแก้วพร้อมกับของหมอตา
พวกเธอดื่มได้สักพักก็มีเพื่อนอีกสองคนมาสมทบโดยหนึ่งในนั้นมี หมอภัทร ทันตแพทย์หนุ่มที่แอบรักหมอมิวเข้ามาร่วมวงด้วย เขาเดินมาที่โต๊ะก่อนจะทักทายทุกคนแต่สายตากลับจ้องไปที่คุณหมอสาวอย่างรู้สึกหลงใหลในตัวเธอ พลางคิดว่า วันนี้คุณหมอของเขาสวยจังเลยน้า ก่อนจะนั่งลงข้างๆหญิงสาวที่ยังว่างอยู่
เขาสั่งเครื่องดื่มแล้วจึงชวนหญิงสาวคุย
“มิว ทำงานเป็นไงบ้างช่วงนี้ คนไข้เยอะรึเปล่า” เขาถามขึ้นมาเบาๆ
“ก็เรื่อยๆนะ เยอะบ้างน้อยบ้างแต่ไม่เคยจะไม่มี ฮะฮะฮะ” หญิงเล่นมุกใส่คุณหมอหนุ่มที่บัดนี้นั่งยิ้มกับมุกที่หญิงสาวพูดออกมา เพราะน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นเธอผ่อนคลายแบบนี้
“แหมมีเล่นมุก มุกฝืดๆของแกเก็บไว้เล่นที่โรงบาลเถอะยะ” นนนี่ เพื่อนสาวประเภทสองพูดขึ้นมา จนคนทั้งโต๊ะหัวเราะหญิงสาวออกมาพร้อมกัน
“นี่แกว่าฉันเหรอแม่นนนี่คนขี้เหร่” หญิงสาวรีบตอบกลับเพื่อนสาวทันที นนนี่เป็นกระเทยที่ตัวสูงๆหน้าหล่อๆหุ่นเหมือนนายแบบแต่ไม่ชอบผู้หญิง
“นี่แกว่าใครขี้เหร่ฉันออกจะสวยผู้ชายเรียงคิวกันไม่เว้นแต่ละวัน ชิส์ ว่าแต่พวกแกเถอะวันๆอยู่แต่กับคนไข้ มีคนไข้มาให้เชือดบ้างไหมล่ะชะนี” เขาลากเสียงยาวตบท้ายจนทุกคนต้องขำออกมาพร้อมหันมารอคำตอบจากสองสาว
“วันๆฉันทำแต่งานจะไปมีเวลาว่างที่ไหนมาหาละยะ ถ้าแกมีเยอะก็แบ่งมาให้ฉันบ้างสิ” หมอตาพูดขึ้นแบบขำๆ
“พวกผู้ชายของฉันเขาไม่ชอบชะนี เขาบอกว่าไม่ใช่สเป็คอะนะ” นนนี่ตอบก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“วันนี้อยากปลดปล่อยงั้นฉันลงฟลอร์ก่อนนะ ใครจะไปก็ตามมาละกัน” หมอมิวพูดก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะทันที
“วันนี้มันเป็นอะไรอะ มาแปลก” นนนี่เอ่ยขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้ฉันก็อยากปลดปล่อยฉันไปก่อนนะ” หมอตาพูดขึ้นก่อนจะเดินตามหมอมิวไปยังฟลอร์ด้านล่าง
“ฉันไปด้วย” หมอภัทรพูดขึ้น
“ฉันไปด้วย” เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นก่อนจะเดินตามกันมายังฟลอร์ที่มีไว้สำหรับเต้นอยู่ด้านล่าง
หญิงสาวทั้งสองที่ตอนนี้กำลังเต้นยักย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันอยู่ตรงฟลอร์ด้านล่าง พร้อมกับเพื่อนๆของเธอ จนผ่านไปพักใหญ่ไหมอตาที่ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยหอบก็ขอตัวขึ้นไปนั่งพักที่โต๊ะ โดยปล่อยหมอมิวไว้กับเพื่อนๆด้านล่าง
คุณหมอมิวที่บัดนี้เต้นลืมโลก เธอไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบข้างรู้แค่ว่าต้องการปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลง มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาขายขนมจีบบ้างชวนเต้นบ้างชนแก้วบ้าง เธอก็แค่รับๆไปตามมารยาทเพราะไม่อยากมีปัญหาเดี๋ยวหมดสนุก เธอเต้นโดยมีหมอภัทรเต้นอยู่ข้างๆคอยกันท่าผู้ชายที่คิดจะเข้ามาหาคุณหมอสาว แต่ถึงจะกีดกันเท่าไหร่ก็ยังมีเล็ดรอดมาได้อยู่ดี เพราะคนเยอะแยะเต้นเบียดเสียดกันไปมา
ทางด้านคิณฑ์ ชายหนุ่มขับรถมาถึงที่ผับเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เพราะบนถนนเกิดอุบัติเหตุรถจึงติดยาวจนชายหนุ่มคิดที่จะหันรถกลับไปพักที่คอนโดแทนการมาผับครั้งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังขับตรงมาที่ผับเหมือนเดิมจนกระทั้งตอนนี้จอดอยู่หน้าผับเรียบร้อยแล้ว เขารีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างในทันที
วันนี้ที่นี่คนมากเป็นพิเศษเพราะได้เชิญดีเจชื่อดังมาเปิดเพลงให้นักท่องราตรีทั้งหลายได้ส่ายสะโพกกัน
ชายหนุ่มเดินผ่านฝูงคนที่กำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์ขึ้นไปยังชั้นบนของผับแห่งนี้ทันที เพราะเพื่อนเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่
พอไปถึงโซนที่จัดไว้สำหรับเจ้าของร้านชายหนุ่มก็ทักทายเพื่อนๆของเขาแล้วนั่งลงตรงที่ว่างแล้วสั่งเครื่องดื่มทันที
“เฮ้ย เทพบุตรที่ไหนตกลงมาจากสวรรค์วะ ชุดนี่ขาวออร่ามาทั้งตัวเชียว” จิมมี่หนุ่มตาสีฟ้าลูกครึ่งอิตาลีพูดขึ้นหลังจากที่เห็นเพื่อนนั่งลงแล้ว