คฤหาสน์ตระกูลจาง
คืนวันพระจันทร์เต็มดวง
ภายหลังที่หลวงจีนหนุ่มจางเฟยเทียนได้นำน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวจากเทือกเขาหวงซานหยดลงไปในปากให้กับลี่เซียนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลไปแล้วนั้น ตั้งแต่วันนั้นเวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน คืนพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดวงใหญ่โตกว่าที่เคยเห็นมากมายยิ่งนัก อีกทั้งสุกสกาวส่องแสงเป็นประกายจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างสว่างเรืองรองแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัตติกาลก็ตาม
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านมาดูพระจันทร์ในค่ำคืนนี้สิ ช่างแลดูใหญ่โตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สวยงามยิ่งนัก” คำกล่าวของจางอี้หานทำให้ประมุขของบ้านพยุงร่างฮูหยินก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่หน้าลานกลาง บ้านซึ่งจัดเป็นสวนย่อม สองสามีภรรยาแหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้าตามคำกล่าวของบุตรชายพร้อมเสียงรำพึง
“เฟยเทียนบอกว่าวันใดที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงใหญ่กว่าทุกครั้งวันนั้นคือวันที่ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่ท่านพี่” ฮูหยินจางเอ่ยถามสามีเพื่อความแน่ใจ
หยวนฟู่พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันแทนคำตอบของตนพร้อมเอ่ยขึ้น
“เฟยเทียนไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า พวกเจ้าเห็นคุณชายเล็กหรือไม่” ประมุขของบ้านสอบถามบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ละคนแต่ละนางต่างส่ายหน้าไปมาพร้อมกัน ทันใดนั้นเองร่างของหยุนซีก็วิ่งตรงมาที่ลานกว้างเพื่อมาส่งข่าวนั่นเอง
“นายท่านและฮูหยินเจ้าคะ! หลวงจีนท่านให้ทุกคนรีบไปที่ห้องของคุณหนูเล็กเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
คำกล่าวของสาวใช้หยุนซีเล่นเอาทุกๆ คนที่นั่นใจหายขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับลี่เซียนอย่างนั้นรึ!” จางหยวนฟู่ถามกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงของจางฮูหยินดังแทรกขึ้น
“หรือว่าลี่เซียนฟื้นแล้ว!”
ถ้อยคำของจางฮูหยินเล่นเอาทุกคนพากันเดินตรงไปที่ห้องคุณหนูเล็กทันที ทว่าเสียงของหยุนซีดังห้ามปราม
“นายท่านเจ้าคะ! หลวงจีนท่านให้ไปเฉพาะนายท่าน ฮูหยินและคุณชายห้าเท่านั้นเจ้าค่ะ แม้แต่ตัวของข้าเองก็ห้ามมิให้ตามไปอย่างเด็ดขาดและมิให้ผู้ใดเข้าไปภายในบริเวณเรือนของคุณหนูเล็กด้วยเจ้าค่ะ หากผู้ใดอยู่เรือนติดๆ กันก็ให้มารวมไว้เป็นจุดเดียว”
ทุกคนหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น หยวนฟู่หันกลับไปบอกบ่าวไพร่ที่รอคอยฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกับตน
“พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องไป รอฟังข่าวอยู่หน้าลานตรงหน้าสวนกลาง บ้าน ใครที่อยู่เรือนใกล้เคียงของลูกข้าให้ต้อนมาไว้รวมกันตรงนี้ให้หมดเร็วเข้า!” คำสั่งเฉียบขาดของประมุขบ้าน ทำให้บ่าวไพร่ทุกคนรีบรุดทำตามก่อนจะเดินนำหน้าออกไปก่อนพร้อมเอ่ยขึ้น
“อี้หาน! จงประคองท่านแม่ของเจ้าค่อยๆ ตามมา ข้าจะเดินล่วง หน้าไปก่อน”
“ขอรับท่านพ่อ”
อี้หานรีบรุดเข้าประคองจางฮูหยินแทนบิดาอย่างรวดเร็ว พร้อมค่อยๆ ก้าวเดินตามหลังไปติดๆ
เรือนนอนจางลี่เซียน
ร่างสูงใหญ่ของหลวงจีนหนุ่ม กำลังยืนมองพระจันทร์ดวงใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูเรือนนอนของน้องสาวคนสุดท้อง นิ้วมือถูกนับไปนับมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อคำนวณเวลาก่อนจะได้ยินเสียงของบิดาเอ่ยขึ้นที่เรือนตรงกันข้ามก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้า
“ลี่เซียนเป็นอย่างไรบ้าง น้องฟื้นหรือยัง” หยวนฟู่เอ่ยถามอาการบุตรสาวคนสุดท้องทันทีที่มาถึง
หลวงจีนหนุ่มหยุดนับนิ้วมือโดยพลันเมื่อเห็นท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายมาพร้อมหน้า
“พวกบ่าวไพร่และคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ท่านพ่อให้ออกไปจากบริเวณแทบนี้ทั้งหมดใช่แล้วหรือไม่” จางเฟยเทียนเอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกรอบ
“พ่อสั่งให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่หน้าลานด้านหน้ากันหมดแล้ว ภายในบริเวณนี้ทั้งหมดมีแต่พวกเราทั้งนั้น... ว่าแต่ทำไมลี่อิงจึงมาอยู่ที่นี่เหตุใดถึงไม่ตามไปสมทบกับคนอื่นๆ” ประโยคสุดท้ายจางหยวนฟู่หันไปถามพี่เลี้ยงวัยกลางคนที่คอยดูแลลี่เซียนมาโดยตลอด
“ข้าเป็นคนสั่งให้นางอยู่เอง... เพราะลี่เซียนจำต้องมีพี่เลี้ยงที่ไว้วางใจอยู่ด้วยทุกที่และทุกสถานการณ์ที่นางจะต้องเผชิญ” หลวงจีนหนุ่มกล่าวแฝงเร้นความนัยบางอย่าง
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นยิ่งพากันไม่เข้าใจไปกันใหญ่
“เหตุใดจึงมีแต่ลี่อิงเพียงผู้เดียวเล่าในเมื่อหยุนซีก็เป็นพี่เลี้ยงที่คอยดูแลลี่เซียนมาโดยตลอดเช่นกัน” อี้หานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หยุนซีมีนิสัยชอบพูดเรื่องราวของผู้อื่นและไม่สามารถเก็บความ ลับใดๆ ได้เลย อีกทั้งนางเห็นแก่ตัวและเห็นแก่เงินยอมทำได้เพื่อให้ได้ความสุขสบาย ดังนั้นข้าจึงมิให้นางย่างกรายเข้ามาในเรือนนอนในยามนี้... อีกเพียงครู่พวกท่านจะเข้าใจในสิ่งที่อาตมากำลังจะบอก เพราะหลังจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว มันคือความลับสุดยอดมิอาจแพร่งพรายให้ผู้ใดล่วงรู้มิได้แม้แต่น้อย”
ทุกคนต่างพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านพี่อี้หานอุ้มลี่เซียนนำมาวางข้างนอกเพื่อให้นางได้อาบแสงจันทร์เถิด” หลวงจีนหนุ่มบอกพี่ชายคนที่ห้า
จางอี้หานพยักหน้าแทนการตอบรับพร้อมรีบรุดเข้าไปภายในห้อง นอน ตรงดิ่งเข้าช้อนร่างน้องสาวคนสุดท้องเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะอุ้มร่างแน่งน้อยเดินออกมาจากห้องพลางค่อยๆ วางร่างงามนอนบนผ้าห่มที่ลี่อิงกำลังปูรองรับร่างงามดังกล่าว
“ทำไมถึงต้องอุ้มลี่เซียนออกมาข้างนอกเพื่อให้ถูกแสงจันทร์ด้วยเล่า” จางฮูหยินอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความอยากรู้”
“อีกเพียงหนึ่งเค่อ[1] ก็จะถึงยามจื่อ[2] แล้ว หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฏให้เห็น” จางเฟยเทียนกล่าวพร้อมยืนนิ่งมองร่างงามที่กำลังนอนหลับใหลมานานกว่าหนึ่งเดือน ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งเงียบไม่มีผู้ใดเอ่ยถ้อยคำสนทนาออกมาแม้แต่น้อย จวบจนกระทั่งเวลายามจื่อได้ก้าวเข้ามาเยือน
[1] 1 เค่อ เทียบเท่ากับ 15 นาทีโดยประมาณตามเวลาสากล ซึ่งในหนึ่งวันมีทั้งหมด 100 เค่อ ในแต่ละชั่วยามมีทั้งหมด 8 เค่อ
[2] ยามจื่อ (*:zǐ) คือ 23.00 – 24.59 น.
[3] ยามโฉ่ว (*:chǒu) คือ 01.00 – 02.59 น.