ตอนที่ 28 ขันทีจาง/5

1945 คำ
ครั้นภายในห้องทรงงานเหลือเพียงองค์ฮ่องเต้และขุนพลคู่พระทัยเพียงเท่านั้น สุรเสียงพลันดังขึ้นด้วยความรู้สึกยินดีอย่างยิ่งยวดที่ทรงทราบข่าวความเคลื่อนไหวของคัมภีร์อมตะ “เจ้าได้ข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับคัมภีร์อมตะเช่นไรบ้างเทียนอี้ ข่าวที่ได้มาถูกกลั่นกรองแท้จริงประการใดรึ” รับสั่งถามด้วยความใคร่รู้ จ้าวเทียนอี้จำต้องถวายรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคัมภีร์อมตะให้ทรงทราบ แม่ทัพหนุ่มเป็นห่วงศิษย์รักจนบอกไม่ถูกครั้นจะรอฟังข่าวที่จวนก็ไม่ทันใจ แม้ว่าจะหายคลางแคลงใจเรื่องตัวตนปริศนาที่แฝงเร้นอยู่ภายในได้มลายหายไปแล้วก็ตาม หลังจากได้ตรวจร่างกายเสี่ยวหมิงก่อนจะพาเข้าวังในเช้าวันนี้ ทว่าแม่ทัพหนุ่มกลับห่วงใยหนุ่มน้อยอยู่ตลอดเวลา รู้สึกใจหายอย่างไรชอบกลหากเสี่ยวหมิงมิได้กลับจวน ลางสังหรณ์บางอย่างและความเป็นห่วงผลักดันให้จ้าวเทียนอี้ ขอเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิหมายรอรับลูกศิษย์ของตนกลับจวนด้วยกัน หากแต่ลางสังหรณ์ที่รู้สึกว่าเสี่ยวหมิงจะมิได้กลับจวนกลับกลายเป็นความจริง เมื่อองค์ฮ่องเต้กลับเปลี่ยนพระทัยให้ศิษย์รักคอยถวายการรับใช้มิให้ห่าง “ว่าอย่างไรเล่าเทียนอี้ เจ้ามิได้ยินที่ข้าถามหรอกรึ เหตุใดวันนี้จึงแลดูใจลอยอย่างไรพิกล” รับสั่งถามขุนพลหนุ่มคู่พระทัยพร้อมทอดพระ-เนตรจับอยู่ที่ร่างแม่ทัพลือชื่ออยู่ตลอดเวลา และนั่นทำให้จ้าวเทียนอี้รู้สึกตัว “อะ... เอ่อ... กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กำลังลำดับสิ่งที่ล่วงรู้มาเพื่อนำกราบทูลจึงเงียบงันไปชั่วครู่ และข้อมูลที่กระ-หม่อมได้มาล่าสุดนั้นเกี่ยวกับคัมภีร์อมตะ ข่าวกรองมาแน่ชัดแล้วว่าคัมภีร์นี้มีอยู่จริงพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงของแม่ทัพหนุ่มองค์ฮ่องเต้เปล่งเสียงพระสรวลดังกึกก้องออกมาทันที “ในที่สุดคัมภีร์อมตะก็มีอยู่จริงเทียนอี้! ลางสังหรณ์ของข้าช่างแม่น ยำนักไม่เคยมีคำว่าพลาดแม้แต่น้อย แล้วตอนนี้คัมภีร์อมตะอยู่ที่ใดกันเล่าและมีลักษณะโดดเด่นอย่างไรบ้าง... จงบอกข้ามา!” รับสั่งถามอย่างร้อนรนระคนใคร่รู้ ขุนพลหนุ่มก้มหน้าของตนเองลงกับพื้นเพื่อหลบสายพระเนตรที่กำลังทอดพระเนตรมาที่ตนอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยลักษณะโดดเด่นของคัมภีร์อมตะที่ครอบครองอยู่ให้ทรงทราบ “กราบทูลฝ่าบาทอันว่าคัมภีร์อมตะนั้น มิเคยมีผู้ใดเคยเห็นลักษณะเด่นแม้แต่น้อย มีบันทึกปริศนาเกี่ยวกับคัมภีร์อมตะซุกซ่อนไว้ในถ้ำผาหยุนกัง มีจารึกอยู่บนแผ่นหินหลังพระพุทธรูปยักษ์บันทึกเอาไว้ว่า คัมภีร์ที่ทำให้ชีวิตเป็นนิรันดร์ จะปรากฏให้เห็นบนผืนปฐพีเมื่อมีผู้อ่านจารึกโบราณบนกระดองเต่า มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและจะเป็นปริศนาชั่วนิรันดร์แต่จะปรากฏเมื่อมีผู้อ่านอักขระที่เป็นกุญแจ โอรสแห่งสวรรค์เท่านั้นคือผู้ที่ได้ครอบครองและพญามังกรจะได้เห็น” “มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและจะเป็นปริศนาชั่วนิรันดร์ แต่จะปรากฏเมื่อมีผู้อ่านอักขระที่เป็นกุญแจ โอรสแห่งสวรรค์เท่านั้นคือผู้ที่ได้ครอบครองและพญามังกรจะได้เห็น” รับสั่งทวนประโยคกลับไปกลับมาพร้อมทรงใช้ความคิดไปพร้อมๆ กัน แต่ไม่ว่าจะทรงพยายามคิดอย่างไรก็มิสามารถรู้แจ้งแม้แต่น้อย “นี่มันอะไรกัน เหมือนจะล่วงรู้ว่าคัมภีร์อมตะอยู่ที่ไหน แต่กลับกลายเป็นปริศนาอยู่เช่นเดิม โอรสแห่งสวรรค์ก็คือข้าซึ่งเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินนี้ แล้วพญามังกรก็เช่นกัน ตีความแล้วก็หมายถึงฮ่องเต้ซึ่งเป็นเจ้าชีวิตของทุกๆ คน แล้วเหตุใดจึงต้องแฝงเร้นปริศนาอยู่ร่ำไป” รับสั่งเต็มไปด้วยพระอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว “หากแม้นพบเจอได้ง่ายจะเรียกว่าคัมภีร์อมตะอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ โอรสสวรรค์และพญามังกรเท่านั้นที่จะได้มีโอกาสพบซึ่งมิรู้ว่าโอกาสนั้นจะมาถึงเมื่อไร” จ้าวเทียนอี้กล่าวพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นฮ่องเต้หนุ่มทรงพยายามที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดรให้ได้ “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เจ้าจงอย่าละความพยายาม หาต่อไปอย่าหยุดแม้แต่น้อย ในที่สุดเรื่องเล่าตำนานก็มีอยู่จริง ข้าเชื่อว่าลางสังหรณ์ของข้าแม่นยำยิ่งนัก จากเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ดั่งเช่นคัมภีร์อมตะก็มีอยู่จริงตามคาด ดั่งเช่นที่ข้าคิดว่าจางลี่เซียน นางในดวงใจของข้าก็เช่นกัน ข้าก็เชื่อว่านางยังมีชีวิตอยู่เพียงแต่นางซ่อนเร้นกายเพื่อหลีกหนีผู้คน ดูเอาเถิดแม้กระทั่งความฝันข้ายังฝันแม่นยำ แม้กระทั่งจางเสี่ยวหมิงญาติผู้น้องของเจ้าที่ข้าเห็นในความฝัน มาวันนี้ที่ข้าได้พบก็เป็นความจริงเช่นกัน” เทียนอี้ขมวดคิ้วเข้มที่เรียงตัวสวยเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ฝ่าบาททรงหมายความว่าอย่างไร กระหม่อมไม่เข้าใจ พระองค์ฝันเห็นเสี่ยวหมิงญาติผู้น้องของกระหม่อมอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” แทนการตอบรับฮ่องเต้หนุ่มทรงก้มพระพักตร์ขึ้นลงติดต่อกันแทนรับสั่ง “ในวันที่เจ้ามาแจ้งข่าวให้ข้าล่วงรู้ว่า จางลี่เซียนได้ลาลับทอดร่างลงบนผืนแผ่นดินนี้ไปแล้วเมื่อหกเดือนก่อน ในคืนนั้นข้าดื่มเหล้าจนเมาหลับไปและฝันเห็นเสี่ยวหมิงญาติผู้น้องของเจ้ากำลังยืนอยู่บนสะพานในอุทยานหลวง และข้ากำลังยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก แต่แล้วจู่ๆ ในฝันข้าก็เห็นเสี่ยวหมิงกลายร่างกลับเป็นหญิง และยิ่งทำให้ข้าแทบสิ้นสตินั้นก็คือญาติผู้น้องของเจ้ากลายร่างเป็นจางลี่เซียน ในฝันนั้นข้าได้เห็นนางเต็มสองตา ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหญิงงามราวเทพธิดาแสนสวยเช่นนั้น ข้าคิดว่าคงเพราะความเมาถึงฝันแบบนั้น แต่มาวันนี้การได้พบเสี่ยวหมิงทำให้ข้ายิ่งมั่นใจว่าลี่เซียนยังไม่ตาย!” ถ้อยรับสั่งขององค์ฮ่องเต้ทำให้เทียนอี้ใจหายวาบขึ้นมาทันที มิใช่แม่ทัพหนุ่มเท่านั้นที่รู้สึกว่าเสี่ยวหมิงต้องมีอย่างแฝงเร้นอยู่ภายในกาย ลางสังหรณ์ของจักรพรรดิหนุ่มก็ตรงกับตนเช่นกัน “จะเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอว่าเสี่ยวหมิงซ่อนเร้นร่างอิสตรีเอาไว้ภายใน มีศาสตร์หรือคัมภีร์ใดเล่าที่จะดึงร่างอันแท้จริงนั้นออกมาได้ ในเมื่อข้าพยายามพิสูจน์มาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ยังคงความเป็นบุรุษเช่นเดิมหรือว่า...” เทียนอี้นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยพลัน “และถ้าเกิดมีผู้รอบรู้ทางคาถาร่ายเวทบดบังกายจริงเอาไว้ล่ะ... ใช่แล้ว ประเด็นนี้ข้าหลงลืมไปได้อย่างไรกัน แสดงว่าเสี่ยวหมิงจะต้องมีสิ่งศักดิสิทธิ์คุ้มครองหรือมีผู้ตั้งใจพยายามซ่อนเร้นร่างเอาไว้เป็นแน่ และคนที่จะให้คำตอบแก่ข้าได้นั้นก็คือจางหยวนฟู่!” เทียนอี้รำพึงอยู่ภายในพร้อมสุรเสียงขององค์ฮ่องเต้รับสั่งถามขึ้นมาอีกครา “เทียนอี้! ข้าอยากล่วงรู้ว่าเสี่ยวหมิงเป็นญาติผู้น้องของเจ้าทางสายไหน และเกี่ยวข้องกับตระกูลจางเช่นไร จงบอกข้ามาตามความเป็นจริงทุกอย่าง อย่าให้ข้าต้องล่วงรู้ด้วยตัวเองหาไม่แล้วเจ้าจะมีความผิดฐานปกปิดเบื้องสูงนะ” รับสั่งถามแกมบังคับไปพร้อมๆ กัน แม่ทัพหนุ่มที่กำลังก้มใบหน้าหล่อเหลามองอยู่แต่กับพื้น เริ่มเงยหน้ามองพระพักตร์คมดุเจ้าชีวิตของตน พร้อมเอ่ยกราบทูลกลับไป “กระหม่อมมิมีเจตนาจะปกปิดเบื้องสูงแต่อย่างใด เมื่อวานตั้งใจจะอธิบายเรื่องของเสี่ยวหมิงแต่ฝ่าพระบาททรงกลับพระตำหนักส่วนพระองค์ไปเสียก่อนจึงมิทันได้กราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” “เป็นความจริงอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามพร้อมหรี่พระเนตรจับอยู่ที่ร่างของแม่ทัพรูปงาม “เป็นความจริงดั่งคำที่กระหม่อมกล่าวพ่ะย่ะค่ะ” เทียนอี้กราบทูลตามความเป็นจริง ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มพึงพอพระทัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “จงเล่ามาให้ละเอียดข้ากำลังฟังเจ้า แล้วจะได้ร่วมวิเคราะห์ไปด้วยกันถึงความเป็นไปได้ว่าลางสังหรณ์ของข้าจะมีแนวโน้มที่จะเป็นความจริงหรือไม่” จ้าวเทียนอี้เมื่อได้ยินรับสั่งเช่นนั้น จึงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่แฝงตัวเข้าบ้านตระกูลจางในฐานะนักปราชญ์ราชวิทยาลัยระดับกั๋วจื่อ จนทำให้ค้นพบช้างเผือกดั่งเช่นจางเสี่ยวหมิง ที่มีความรู้ความ สามารถจนแตกฉาน รอบรู้ทั้งบู๊และบุ๋นอย่างหาตัวจับยาก ก่อนจะจบลงเมื่อแม่ทัพหนุ่มชักชวนให้ติดตามมาด้วยเพื่อเปิดโอกาสจางเสี่ยวหมิงได้เรียนรู้และหาประสบการณ์ตลอดจนได้มีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถของตนจนกระทั่งได้เข้าเฝ้าในวันนี้ ฮ่องเต้หนุ่มประทับนิ่งฟังด้วยความตั้งพระทัย ทรงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาทันทีเมื่อจ้าวเทียนอี้เล่าเรื่องทุกอย่างจบลงและยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นมากไปกว่าเดิม ว่าจางลี่เซียนแท้จริงแล้วอาจจะยังไม่ตาย นางคงแอบซ่อนเร้นกายเพื่อหลีกหนีผู้คน แต่ที่ทรงยังไม่เข้าใจนั้นก็คือ เหตุใดจึงทรงพระสุบินถึงจางเสี่ยวหมิงและที่สำคัญ ทรงทอดพระเนตรร่างบุรุษกลับกลายเป็นร่างของอิสตรีซึ่งเป็นนางในดวงใจของพระองค์นั่นเอง “เจ้าฉลาดมากเทียนอี้ที่ทำเช่นนั้น และสิ่งที่ข้าเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าหญิงงามราวเทพธิดานั้นมีตัวตนอยู่จริงซึ่งนางก็คือจางลี่เซียนนั่นเอง แต่ข้าก็ไม่เข้าใจหากนางยังไม่ตายจริงๆ ทำไมจึงซ่อนเร้นรูปโฉมอันงดงามถึงเพียงนั้นเพราะเหตุใดกันเล่า... เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไรเทียนอี้” ประโยคสุดท้ายหันไปมีรับสั่งถามกับแม่ทัพหนุ่มคู่พระทัย “เรื่องนี้ก็พูดยากพ่ะย่ะค่ะ... ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ดีเท่ากับนาง... ส่วนนางจะยังมีชีวิตอยู่หรือได้ลาลับทอดกายให้แผ่นดินกลบหน้าไปแล้วหรือไม่ คงต้องหาคำตอบกันต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หนุ่มก้มพระพักตร์ขึ้นลงด้วยทรงมีความคิดเห็นเฉกเช่นเดียว กัน “ถ้าเช่นนั้นเสี่ยวหมิงคือกุญแจสำคัญที่จะบอกได้ดีที่สุดว่า แท้จริงแล้วจางลี่เซียนยังอยู่ดีหรือไม่ ข้าเชื่อว่าเสี่ยวหมิงและลี่เซียนต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน นอกเหนือจากการเป็นพี่น้องกัน... แต่เดี๋ยวก่อนเจ้าบอกข้าว่าเสี่ยวหมิงเป็นเพียงบุตรบุญธรรมใช่หรือไม่” รับสั่งถามย้ำเพื่อความแน่พระทัย “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิหนุ่มทรงมีสีพระพักตร์แปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อล่วงรู้แล้วว่าจะล่วงรู้ทุกสิ่งได้จากผู้ใด “ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องหาข่าวที่ไหนแล้วเทียนอี้ เสี่ยวหมิงนี่แหละจะเป็นคนคายความลับทุกอย่างให้ข้าและเจ้าได้ล่วงรู้อย่างแน่นอน สิ่งใดที่ข้าต้อง การจะต้องได้! สิ่งใดที่จะต้องล่วงรู้ข้าก็จะต้องได้รู้เช่นกัน” รับสั่งอย่างหมายมั่นพระทัยท่ามกลางสายตาของจ้าวเทียนอี้ ที่กำลังทอดสายตามองฮ่องเต้ของตน ในเวลานี้แม่ทัพหนุ่มเป็นห่วงศิษย์รักมากที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอยู่ใกล้ชิดกันตลอด จนเสี่ยวหมิงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตนไปแล้วนั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม