“เป็นลูกมือแม่มั้งคะ สบายดี” หญิงสาวประชดประชันแกมน้อยใจ “ถ้าพี่คริษฐ์เสร็จแล้ว รุ้งขอถูห้องสักสิบนาทีนะคะ ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้นะคะ” หญิงสาวเอ่ยต่อเมื่อเห็นเขายืนกอดอกมองเธอ แทนที่จะออกจากห้องนี้ไป
“ทำไมพี่ต้องออกไปด้วย นี่ห้องพี่อยากถูก็ถูไปสิ พี่จะอยู่ส่วนไหนของห้องก็ได้” คริษฐ์ยักไหล่พร้อมกับกระโจนขึ้นเตียงนอน ทำผ้าปูเตียงที่รุ้งพรายพับเก็บเมื่อครู่คืนสู่สภาพเดิม
รุ้งพรายมองแล้วก็หน้างอเล็กน้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงได้กระโดดขึ้นเตียงแล้วเล่นตบตีเขาอย่างถึงเนื้อถึงตัว แต่เวลานี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม คริษฐ์ดูเป็นผู้ใหญ่และวางตัวเป็นทางการกับเธอ เขาเพิ่มช่องว่างระหว่างกันให้มากขึ้น ขณะที่เธอเองก็ลดความกล้าบ้าบิ่นลงเหมือนกัน
ระหว่างที่แม่บ้านเฉพาะกิจทำความสะอาดห้อง คริษฐ์ก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ในใจอดคิดไม่ได้ว่ารุ้งพรายจะหลุดตัวตนที่แท้จริงออกมาเมื่อไหร่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวจะไม่ทำหน้านิ่งตั้งใจถูพื้นแบบนี้เป็นแน่ อย่าว่าแต่ถูพื้นเลยไม้กวาดเคยจับหรือเปล่าก็ไม่รู้
“เอ่อ รุ้งทำเสร็จแล้ว” คนเหงื่อท่วมตัวบอกเขาสายตาก็มองผ้าปูที่ยับย่นบนเตียงไปด้วย
“เสร็จที่ไหนตรงนี้ด้วย” คริษฐ์ลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินออกจากห้องไป รุ้งพรายก็มองตามหลังเขาไปแบบโกรธ ๆ
‘พี่คริษฐ์แกล้งรุ้งแน่ ๆ’
หญิงสาวเดินหน้าบูดบึ้งไปสะบัดผ้าห่มแล้วพับเสียใหม่ จัดการดึงผ้าปูให้ตึงพร้อมกับตบหมอนแล้วเก็บไว้ที่เดิมให้เป็นระเบียบ เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำเธอไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก แต่การเจอกันอีกครั้งในวันนี้มันเหมือนความรู้สึกของเธอจมดิ่งกลับไปที่เดิมอีกครั้ง อยากเข้าไปกอดแขนถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ อยากออดอ้อนให้ซื้อโน่นนี่ให้ ชอบเวลาเขาทำหน้าเบื่อหน่ายโลก ใช่แล้วเธอชอบแต่เขาเปล่า เธอมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่กลับไปทำตัวน่าอายแบบนั้นอีกแล้ว
หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างก็ต้องกลอกตาไปมาอีกรอบ บ้านหลังนี้กว้างเหลือเกินเธอจะเริ่มจากตรงไหนดี ดูดฝุ่นก่อนแล้วกัน คิดแล้วก็ลากเครื่องดูดฝุ่นไปตามพื้นบ้าน ห้องรับแขก มาหยุดชะงักที่ห้องอาหารเพราะเขากำลังนั่งจิบกาแฟอยู่นั่นเอง
“เอ่อ รุ้งรบกวนพี่คริษฐ์หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างเกรงใจ คิดว่าเขาน่าจะขับรถออกไปทำงานแล้ว แต่ชุดที่ใส่ก็เหมือนชุดลำลอง
“ไม่นี่ก็ทำงานของรุ้งไปสิ วันนี้พี่ปวดหัวนิดหน่อยเลยว่าจะไม่ไปทำงาน”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” รุ้งพรายเผลอตัวแสดงความห่วงใยเขาออกมา
“เปล่า ทำงานไปเถอะไม่ต้องมาสนเรื่องของพี่หรอก”
คนรู้ตัวว่าห่วงใยผิดคนเริ่มสัมผัสได้ว่าเขาไม่พอใจ คริษฐ์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มและไม่มองมาที่เธออีกเลย รุ้งพรายก้มลงมองเครื่องดูดฝุ่นในมือของตัวเองแล้วอดขำไม่ได้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เธอจะมาทำตัวห่วงใยเขาแบบเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว ต้องเคารพสิทธิ์ของเขาถึงจะถูก คิดแบบนี้แล้วก็ต้องถอนหายใจแรง ๆ กดปุ่มเปิดเครื่องดูดฝุ่นแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปให้เสร็จ
แต่กว่าจะเสร็จทั้งหมดเวลาก็เกือบสิบโมงครึ่ง รุ้งพรายนั่งปาดเหงื่อหอบหายใจเหนื่อยอยู่ตรงบันไดหน้าบ้าน หญิงสาวลากอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าไปเก็บที่เดิม ผมเผ้าคงยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงแน่ มองหาเจ้าของบ้านก็พบว่าเขากำลังนั่งเล่นอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ตรงสนามหญ้าข้างบ้าน จะกลับเลยก็ได้แต่ว่ามันจะดูไร้มารยาทจนเกินไป
“พี่คริษฐ์คะ รุ้งทำงานเสร็จแล้วค่ะ”
“มารับค่าแรงเหรอ ต้องรอแม่กลับมาก่อนนะ พี่ไม่รู้ว่าปกติน้าอำไพได้ค่าแรงเท่าไหร่” คนพูดปรายตามองเจ้าของใบหน้าอิดโรยเหงื่อไคลเต็มตัว รุ้งพรายทำงานหนักแบบนี้ได้ด้วยเป็นเรื่องที่เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“เปล่าค่ะ เรื่องค่าแรงเดี๋ยวให้แม่มารับกับคุณป้าพิมพ์เอง รุ้งแค่จะมาบอกว่าทำงานเสร็จแล้วรุ้งกลับบ้านก่อนนะคะ”
“งั้นพี่ให้ห้าร้อยเอาไว้ซื้อขนมกิน” เขายื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทมาให้ตรงหน้าจริง ๆ รุ้งพรายมองเขาเหมือนคนแปลกหน้า เหมือนเมื่อก่อนคริษฐ์ทำแบบนี้บ่อยครั้ง ชอบเอาเงินมาล่อให้เธอไปซื้อขนมกิน แล้วเขาก็จะหนีหายไปไม่ยอมให้เข้าใกล้ เป็นวิธีที่กันเธอออกห่างได้ดีเลยทีเดียว นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็อดยิ้มหยันตัวเองไม่ได้
“ทำไมน้อยไปเหรอ” ชายหนุ่มทำท่าจะควักธนบัตรใบสีเทาออกจากกระเป๋าหนังของตนเอง
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่คริษฐ์ รุ้งไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ จะเอาเงินมาล่อให้รุ้งไปไกล ๆ แบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว รุ้งมาเองได้ก็ไปเองได้ค่ะ ไม่ต้องไล่” หญิงสาวยิ้มให้เขาก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินจากไป ทั้งที่ใจจริงนั้นอยากนั่งเล่นกับเขาคุยกับเขาให้เท่ากับความคิดถึงที่เธอมี แต่ก็ต้องพึงเตือนตัวเองเอาไว้ว่าเขาไม่รักซ้ำยังเกลียด อย่าได้ทำแบบในอดีตอีกเลย
คริษฐ์จำต้องเก็บเงินเข้ากระเป๋ารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเหมือนบางอย่างมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ยัยเด็กช่างเจรจาคนนั้นหายไปไหน คนที่เขาด่าเท่าไหร่ก็ไม่จำ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกห่างเหิน และเหมือนไม่เคยรู้จักรุ้งพรายคนนี้มาก่อน
รุ้งพรายเดินกลับบ้านตัวเองด้วยความรู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน เธอเคยลอดรั้วเข้าไปแบบง่าย ๆ แต่ตอนนี้ต้องเดินอ้อมมาหน้าบ้านของคริษฐ์เพื่อกลับบ้านตัวเอง ไม่ใช่แค่เวลาที่ทำให้ห่างไกลกัน ฐานะของบ้านสองหลังนี้ก็เหมือนกัน หญิงสาวเดินเข้าไปในครัวก็เห็นมารดากำลังนำขนมตะโก้ใส่กล่อง
“แม่ให้รุ้งช่วยนะคะ”
“เสร็จแล้วเหรอรุ้ง เร็วจัง”
“เสร็จแล้วค่ะ มารุ้งช่วยเอาตะโก้ใส่กล่องใช่ไหมคะรุ้งทำได้ค่ะ” รุ้งพรายกุลีกุจอไปช่วยมารดา
“ใส่แบบนี้นะรุ้ง เดี๋ยวแม่จะโทรบอกลูกค้าให้มารับขนมได้เลย” นางอำไพจัดการสอนลูกสาวนำขนมใส่กล่อง จากนั้นก็กดหมายเลขโทรศัพท์หาลูกค้า
วันนี้สองแม่ลูกได้ร่วมมือร่วมแรงในการทำงานในช่วงเช้า พอตกบ่ายก็ต่างเข้าห้องนอนพักผ่อนเอาแรงด้วยกันทั้งคู่ รุ้งพรายนอนไม่หลับเพราะหน้าของเขาลอยมาให้เธอได้คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต วันนี้ คริษฐ์จะดูภูมิฐานและเป็นผู้ใหญ่มากจนเธอไม่กล้าเล่นกับเขาอีก น้องน้อยคนนี้คงได้แค่มองอยู่ห่าง ๆ ไม่มีวาสนาได้เข้าใกล้อีก
‘พี่คริษฐ์คนเดียวคนอื่นไม่เอา’
เด็กหญิงตัวน้อยงอแงเอาแต่ใจ แม้แต่ยามไม่สบายก็เรียกหาแต่พี่ชายข้างบ้านให้มาป้อนยาให้ ตอนนั้นมารดาของเธอก็ต้องไปตามคริษฐ์ที่บ้านเพื่อมาป้อนยาให้เธอจริง ๆ
‘อย่าทำแบบนี้สิรุ้ง ต้องเชื่อฟังน้าอำไพนะไม่ใช่เอะอะก็ร้องหาแต่พี่’
‘ก็รุ้งอยากให้พี่คริษฐ์มาป้อนยาให้นี่ ทำไมแค่นี้พี่คริษฐ์ทำให้รุ้งไม่ได้เลยเหรอ ไหนว่าโตขึ้นจะให้รุ้งเป็นเจ้าสาวของพี่คริษฐ์ไง พี่คริษฐ์โกหก !’
‘รุ้งพี่คริษฐ์เขาก็แค่พูดเล่น’ มารดาของเธอรีบอธิบาย เพราะกลัวว่าเธอจะปักใจไปจนโต ท่านคิดถูกแล้วที่ปรามในตอนนั้น แต่มันกลับไม่ได้ผลสักเท่าไหร่
‘รุ้งไม่สน พี่คริษฐ์พูดแล้วก็ต้องทำอย่างที่ตัวพูด’
‘คริษฐ์น้าว่าคริษฐ์อย่าไปถือสาน้องเลยนะลูก เด็กก็งี้เดี๋ยวพอโตก็คงเข้าใจเอง’
‘ครับน้าอำไพ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ’
‘จ้ะไปเถอะ’
ตอนนั้นเธอลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นเพื่อร้องหาคริษฐ์ แต่มารดาก็ทำใจแข็งไม่ยอมตามใจ กระทั่งเธอหลับไปเอง และบ่อยครั้งที่รุ้งพรายมักจะได้ยินผู้ใหญ่ทั้งสองคนปรึกษากันเรื่องเธอกับคริษฐ์ โดยเฉพาะตอนที่เธอเริ่มศึกษาในระดับมัธยม
‘อำไพฉันว่าหนูรุ้งจะเกาะติดตาคริษฐ์มากไปแล้วนะ วัยขนาดนี้น่าจะมีเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยกันได้แล้ว นี่อะไรวันหยุดมาขลุกอยู่แต่กับลูกชายฉัน จะขาดสังคมกับเพื่อนฝูงไปนะ’
‘ฉันก็อยากให้ลูกมีเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนเหมือนกันค่ะคุณพิมพ์แต่รุ้งไม่เอาใครเลย อยากเล่นแต่กับพี่คริษฐ์คนเดียว’
และหลาย ๆ เหตุการณ์หลังจากนั้น ที่ทำพวกท่านปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
รุ้งพรายในวันนี้ยิ้มให้กับอดีตแสนน่าละอายของตัวเอง เธอจะต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานไหม กว่าจะปิดเปลือกตาลงได้ก็ต้องจมดิ่งไปกับอดีตเสียหลายเรื่อง
‘หลับแล้วแกล้งทำเป็นลืมซะรุ้งพราย’