รุ้งพรายเลยต้องเดินถือกล่องขนมเค้กเข้าไปภายในบ้านเพียงลำพัง คริษฐ์หันมาเห็นเธอก่อนแต่เขาไม่พูดทำนิ่ง ๆ เหมือนไม่แปลกใจ
“สวัสดีค่ะคุณป้าพิมพ์พี่คริษฐ์” หญิงสาวยืกมือขึ้นไหว้ทั้งคู่ แต่ก็เงอะงะเพราะถือกล่องเค้กอยู่ในมือ
“เข้ามาสิหนูรุ้งป้าได้ยินเหมือนเสียงเพลงวันเกิด และเพิ่งรู้จาก คริษฐ์ว่าวันนี้วันเกิดหนูรุ้ง”
“พอดีได้ยินเสียงเพลงกับเห็นไฟประดับ” คริษฐ์รีบออกตัวก่อน เกรงว่ารุ้งพรายจะได้ใจที่จำวันเกิดของเธอได้
“วันเกิดรุ้งจริง ๆ ค่ะคุณป้าพิมพ์เมื่อกี้เราเพิ่งเป่าเค้กวันเกิดกัน รุ้งเลยเอาเค้กมาให้คุณป้าพิมพ์กับพี่คริษฐ์ค่ะ มีของพี่เตด้วยนะคะเอามาสามชิ้น” หญิงสาวคุกเข่าแล้วขยับเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับยื่นกล่องเค้กให้นางพิมพ์พร
“จริง ๆ เลยนะเราวันเกิดทั้งทีก็ไม่มาชวนป้ากับพี่ ๆ เขาเลย เห็นเป็นคนอื่นคนไกลไปได้” นางพิมพ์พรต่อว่าเล็กน้อย
“รุ้งเกรงใจค่ะคุณป้าพิมพ์ เห็นว่าทำงานหนักกันเลยไม่อยากรบกวน”
“เกรงใจอะไรกันลูก ป้ากับพี่ ๆ ก็เหมือนเดิมนะหนูรุ้ง ไปมาหาสู่กันได้ตลอดเหมือนเมื่อก่อนไงที่หนูรุ้งมุดรั้วมาเล่นที่บ้านป้าบ่อย ๆ ตอนนี้จะทำอย่างนั้นก็ได้นะเพียงแต่ไม่ต้องมุดรั้วแล้วให้มากดกริ่งหน้าบ้านเอา” นางพิมพ์พรบอกหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็อวยพรวันเกิดให้เสียยาวเหยียด
“คริษฐ์อวยพรวันเกิดน้องด้วยสิลูก”
“เอ่อครับ” คริษฐ์เหมือนจะยังตั้งตัวไม่ทัน รุ้งพรายก็คลานเข่าไปตรงหน้าเขาแบบงง ๆ จะให้ลุกเดินไปหาเขาก็ดูจะข้ามหน้าผู้ใหญ่ไป
“ขอให้มีความสุขนะ” เขาอวยพรแบบสั้น ๆ
“ขอบคุณค่ะพี่คริษฐ์” รุ้งพรายยกมือขึ้นไหว้ตรงตักแล้วคลานกลับไปที่เดิม
“ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาก่อนหนูรุ้ง เดี๋ยวป้ามีของขวัญจะให้”
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณป้าพิมพ์” เรื่องที่เธอเกรงใจและอยากหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“ไม่ได้ ๆ คริษฐ์ขึ้นไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งมาให้แม่หน่อยลูก”
“ครับแม่” คริษฐ์จำต้องขึ้นไปชั้นสองของบ้านตามคำสั่งของมารดา
หน้าบ้านของนางพิมพ์พรนิยากำลังตบตีกับยุงอย่างโมโห หากรู้ว่ายุงเยอะอย่างนี้เธอคงเข้าไปในบ้านพร้อมรุ้งพรายแล้ว เพราะคิดว่าคงจะใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการมอบเค้กวันเกิด แต่นี่อะไรผ่านไปสิบนาทีแล้วรุ้งพรายก็ยังไม่ออกมาสักทีแต่พอยืนไปสักพักแสงไฟหน้ารถก็ส่องเข้าหน้า ประตูบ้านถูกเปิดออกเหมือนมีคนกดเปิดอัตโนมัติ รถเก๋งคันหรูสีดำเมี่ยมถูกขับเข้ามาอย่างช้า ๆ ผ่านหน้าเธอไป แล้วหยุดถอยหลังกลับมาใหม่ กระจกถูกลดลงพร้อมกับใบหน้าของคนขับที่นิยาเองต้องตะลึง
“เธอเป็นใครมาอยู่ในบ้านของฉันได้ยังไง” เตชัสถามคนที่ยืนตบยุงอยู่คนเดียว
“เอ่อ” นิยาเกาหัวแกรกๆ
“แม่บ้านคนใหม่เหรอ ไม่เห็นแม่บอกว่าจะรับแม่บ้านเพิ่ม” เตชัสคิดเองพูดเอง คนถูกทึกทักว่าเป็นแม่บ้านถึงกับกลอกตาไปด้านข้าง เสื้อผ้าที่สวมใส่มันเหมือนแม่บ้านตรงไหนกัน หรือว่าเพราะความมืดสายตาของเขาเลยมีปัญหา
“เอ้าว่าไงเป็นใบ้รึไงถามว่าเป็นแม่บ้านคนใหม่เหรอ”
“ใช่ค่ะ เพิ่งมาทำงานวันแรก” อยากคิดว่าเป็นแม่บ้านดีนัก นิยาก็สวมบทบาทให้ซะเลย หญิงสาวนึกสนุกอย่างแกล้งคนเล่น
“แล้วมายืนตบยุงอยู่แถวนี้ทำไม”
“พอดีเพิ่งมาจากบ้านนอกค่ะ ไม่เคยเจอบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้ เลยอยากมาสูดบรรยากาศคนรวยเขาบ้าง” นิยาขยับแว่นแล้วทำท่าเพ้อฝันให้เขาดู
“ประสาท” เขาส่ายหน้าหนีแล้วขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ
นิยามองตามหลังรถเขาไปนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าเขาที่ไหนมาก่อน หล่อ ๆ เท่ ๆ แบบนี้ ต้องเคยผ่านตามาอย่างแน่นอน แต่ที่ไหนน้า หญิงสาวยืนคิดไปก็ปวดหัวไป ชะเง้อคอมองหาเพื่อนก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมา และพ่อหนุ่มหล่อคนนั้นก็เดินเข้าประตูบ้านไปแล้วด้วย
เตชัสเดินเข้าบ้านมาก็ต้องแปลกใจที่เห็นรุ้งพรายอยู่ในบ้านของเขาในตอนสองทุ่มนี้ เขามองกล่องขนมเค้กแล้วก็มองกล่องเครื่องประดับที่มารดากำลังเลือกอยู่
“เตกลับมาแล้วเหรอลูก”
“ครับ ว่าแต่มีอะไรกันครับแม่” เขาถามมารดาแต่ปรายตาไปมองรุ้งพรายก่อนมองหน้าคนเป็นพี่ชาย
“วันนี้วันเกิดรุ้งน่ะเต แม่เลยจะหาของขวัญให้น้องสักหน่อย นี่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอาอะไรให้” เตชัสได้ยินก็หน้าตึง
“เอาเค้กมาแลกเครื่องเพชรแม่พี่เหรอรุ้ง”
“เต ! อย่าไปพูดกับน้องแบบนั้นน่าเกลียดมากเรา มานั่ง ๆ แล้วช่วยแม่เลือกดีกว่า” คนเป็นแม่รีบปรามและกวักมือเรียกลูกชายคนเล็กให้นั่งลงด้านข้าง
รุ้งพรายได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ แต่ปฏิเสธอย่างไรนางพิมพ์พรก็ไม่ยอมท่าเดียว ยังไงก็จะมอบของขวัญวันเกิดให้เธอจนได้ เลือกแล้วเลือกอีกก็ไม่ได้ดั่งใจ สุดท้ายเตชัสก็เป็นคนคว้าสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็กที่สุดออกมา
“พี่คิดว่าอันนี้เหมาะกับเธอมากรุ้ง พี่คริษฐ์ว่าไหม” เตชัสบอก รุ้งพรายแล้วหันไปยักคิ้วให้พี่ชายต่อ
“ก็ดี” คริษฐ์ไม่อยากออกความเห็นอะไรมากนักในเรื่องนี้
“อันนี้นะแม่ ผมว่าโอเคสุด ๆ แล้ว” เตชัสหันมาพูดกับมารดาต่อ
“มันเล็กไปไหมเต” นางพิมพ์พรไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่
“อันนี้แหละค่ะคุณป้าพิมพ์ รุ้งชอบเส้นเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แบบนี้ค่ะ” รุ้งพรายรู้เจตนาของเตชัสเป็นอย่างดี จะมีอะไรถ้าไม่ใช่อยากจะขวางไม่ให้เธอได้สร้อยเส้นใหญ่ เธอจึงเล่นไปตามน้ำ
“เอ้าก็ได้ ถ้าหนูรุ้งชอบป้าก็ไม่ขัด เข้ามาใกล้ ๆ มาหนูรุ้ง เดี๋ยวป้าใส่ให้”
“ขอบคุณมากค่ะคุณป้าพิมพ์” รุ้งพรายยกมือขึ้นไหว้แล้วขยับเข้าไปใกล้ ๆ หญิงสูงวัย แต่เพราะสร้อยมันเล็กหรือสายตาของคนสวมให้ไม่ค่อยดี จึงสวมเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที
“เตมาใส่ให้น้องทีลูก สงสัยตาแม่จะฝ้าฟางแล้วใส่ไม่เข้ารูสักทีนี่”
“ได้ครับแม่” เตชัสขยับสลับที่กับมารดาแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จัดการสวมสร้อยคอให้รุ้งพราย คริษฐ์ที่นั่งดูอยู่ก็มองทั้งคู่ด้วยสายตานิ่ง ๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้า ที่เตชัสเหมือนจะแกล้ง รุ้งพรายด้วยการเป่าลมหายใจรดต้นคอของหญิงสาวไปด้วย
“อื้อ” รุ้งพรายขนลุกเป็นเกรียว และเตชัสก็รีบถอยหน้าออกห่างเกรงว่าคนอื่นจะจับผิดได้
“เสร็จแล้วครับ” เขายิ้มเหมือนเยาะหญิงสาว ที่ตอนนี้ทำตาโกรธกรุ่นใส่เขาอยู่
“งั้นรุ้งขอตัวกลับก่อนนะคะคุณป้าพิมพ์ ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะรุ้งชอบมากเลยค่ะ”
“ให้พี่เตเดินไปส่งไหมลูก”
“ไม่ต้องค่ะ รุ้งมากับเพื่อนยืนรออยู่หน้าบ้านค่ะ”
“เดี๋ยวนะเพื่อนที่ไหน ยัยแว่นนั่นไม่ใช่แม่บ้านคนใหม่เหรอแม่” เตชัสเริ่มเอะใจว่าตนเองเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
“แม่บ้านที่ไหนกันเตไม่มีแม่ไม่ได้รับแม่บ้านใหม่”
“คงเป็นเพื่อนรุ้งเองค่ะ นิเดินมาเป็นเพื่อนรุ้งแต่ขอรออยู่ข้างนอกค่ะ” รุ้งพรายนึกถึงคนยืนรอข้างนอก ป่านนี้คงบ่นแล้วบ่นอีกเป็นแน่
“สงสัยจะเป็นเพื่อนหนูรุ้งนี่แหละเต ไม่มีแม่บ้านคนใหม่หรอก” เตชัสได้ยินมารดาพูดแบบนี้ก็นึกโกรธคนด้านนอก สนุกนักเหรอที่โกหกเขาสำเร็จ ‘ยัยประสาท !’
“รุ้งกลับก่อนนะคะคุณป้าพิมพ์ สวัสดีค่ะ” รุ้งพรายลาทุกคนแล้วก็รีบลุกเดินออกจากห้องรับแขกไป เจ็บใจที่เตชัสแกล้งเธอและน้อยใจที่คริษฐ์มองเห็นแต่กลับทำเฉย
“ออกมาแล้วเหรอรุ้ง” นิยาดีใจเพราะรอนานเกินเหตุ
“คุณป้าพิมพ์ให้ของขวัญเลยนานหน่อย ขอโทษนิด้วยนะที่ให้รอนาน อ้อ แล้วเมื่อกี้เจอพี่เตด้วยเหรอ”
“รู้ได้ไง คนขับรถคันสีดำคนนั้นเหรอพี่เต น้องชายพี่คริษฐ์ใช่ไหม”
“อืม แล้วไปโกหกพี่เตเหรอว่าเป็นแม่บ้าน”
“เออน่ะสิ มาทักนิก่อนว่าเป็นแม่บ้านคนใหม่เหรอ นิเลยเออออห่อหมกตาม คนอะไรตาไม่ดีหรือยังไงสาวสวยอย่างนิมองยังไงเป็นแม่บ้าน บ้าแล้ว”
“ใช่ บ้ามากจริงด้วย เมื่อกี้คุณป้าพิมพ์ให้พี่เตสวมสร้อยให้รุ้งยังแกล้งรุ้งด้วย ถ้าไม่ติดว่าคุณป้าพิมพ์อยู่ด้วยนะ รุ้งจะเตะให้กระเด็นไปติดผนังบ้านเลย” รุ้งพรายทำหน้าอาฆาตเตชัส
“ยัยโหด”
“พี่คริษฐ์ก็อีกคนเห็นว่ารุ้งถูกแกล้งยังจะทำเฉยอีก ใจดำชะมัด” พอเอ่ยถึงคริษฐ์กลับมีน้ำเสียงตัดพ้อเข้ามาแทน
“นั่นป้าพุดมาแล้วไปกันเถอะ” ทั้งคู่รีบเดินตามป้าพุดไปที่ประตูทางออก
“เดินกลับบ้านกันดี ๆ นะคุณรุ้งคุณนิ”
“ค่ะป้าพุด ปิดประตูได้แล้วค่ะ”
ทั้งคู่เดินกลับบ้านไปพร้อมเสียงพูดคุยระหว่างทางเดิน พอถึงบ้านก็พบว่าทักษ์ดนัยพาน้องฟรังก์กลับบ้านไปแล้ว เหลือแค่มารดาของรุ้งพรายที่นั่งรอทั้งคู่เพียงลำพัง
“น้องฟรังก์ตาจะปิด แม่เลยไล่คุณทักษ์อุ้มกลับบ้านไปนอนแล้วสงสารเด็ก”
“งั้นก็เหลือแค่เราสามสาวโสดน่ะสินี่คุณป้า” นิยาทำหน้าทะเล้นใส่สองแม่ลูก
“จ้าหนูนิอยากทำอะไรก็เต็มที่เลยลูก” นางอำไพก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปกับความสนุกสนานของนิยา
“งั้นเรามาเต้นกันดีกว่ารุ้ง เปลี่ยนเพลง ๆ”
“จะดีเหรอนิ”
“ดีมากไม่มีใครเห็นด้วย” นิยาเหมือนไม่ทันใจเดินไปเปลี่ยนเพลงด้วยตัวเอง
ทำนองเพลงใหม่เหมาะสำหรับการเต้นเป็นอย่างมาก นิยาดึงมือของรุ้งพรายให้ลุกขึ้นเต้นด้วยกัน จากนั้นก็หันไปดึงนางอำไพมาเต้นต่อ แรก ๆ ก็ขัดเขินกันอยู่บ้าง พอได้จับมือกันแล้วโยกไปตามจังหวะ ทุกอย่างก็ลงตัวทุกคนต่างเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของเสียงเพลง เป็นวันเกิดที่รุ้งพรายมีความสุขมากที่สุดอีกปี แม้จะไม่ต้องตามตื๊อของขวัญจากใครบางคนเหมือนในอดีต เธอก็สามารถมีความสุขได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
ทางบ้านของคริษฐ์เมื่อกินเค้กงานวันเกิดกันครบทั้งสามคนแล้ว ทั้งหมดก็ต่างเตรียมตัวเข้านอน แต่ก่อนที่เตชัสจะได้เดินเข้าห้องของตัวเอง พี่ชายก็รั้งต้นแขนเขาเอาไว้เสียก่อน
“พี่คริษฐ์มีอะไรกับผม”
“อย่าทำแบบเมื่อกี้อีก”
“ผมทำอะไรพี่คริษฐ์” คนไม่รู้ตัวว่าถูกต่อว่าเรื่องอะไรถามกลับอย่างข้องใจ แต่สายตาของพี่ชายที่มองกลับมานั้นดูดุดันและเอาจริง
“ก็ที่ไปแกล้งรุ้งตอนใส่สร้อยให้”
“แกล้งรุ้ง ? นี่พี่คริษฐ์ไม่ชอบใจเหรอที่ผมทำแบบนั้น”
“ใช่พี่ไม่ชอบที่เตทำแบบนั้น เราเป็นผู้ชายรุ้งเป็นผู้หญิงไปทำแบบนั้นมันไม่ดี”
“แค่ไม่ดีหรือว่าพี่คริษฐ์หึงกันแน่”
“เต ! พี่เตือนเพราะเราเป็นผู้ชายทำแบบนั้นมันไม่ใช่สุภาพบุรุษรู้ไหม” คริษฐ์ขึ้นเสียงดังใส่น้องชายที่ไม่รู้สึกสำนึกในความผิดของตัวเอง
“โอเค ๆ ต่อไปผมไม่ทำแล้วก็ได้ ง่วงแล้วจะเข้านอน” ถูกตวาดหนัก ๆ เตชัสก็รีบตัดบทเปิดประตูเข้าห้องนอนไป
คริษฐ์ถึงกับถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา การกระทำของน้องชายเขาเข้าข่ายลวนลามรุ้งพรายด้วยซ้ำไป มารดาของเขาอาจไม่ทันเห็นหรือคิดไม่ทันการกระทำของลูก แต่พี่ชายอย่างเขานั่งอีกฝั่งและมองเห็นทุกการกระทำ เห็นกระทั่งสีหน้ายุ่ง ๆ ของรุ้งพรายตอนไม่พอใจเตชัสด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะนั่งเฉยเพราะอะไรถึงทำแบบนั้น คริษฐ์เองก็ไม่อาจเข้าใจตัวเองได้